พูดถึงรายการสุดฮิตก็มักจะมีการเอาดาราชั้นนำมาร่วมรายการเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนดู  รายการบันเทิงในบ้านเราก็พยายามพัฒนารูปแบบให้แตกต่าง บ้างก็ซื้อลิขสิทธิ์เกมโชว์มาจากต่างประเทศ และมาปรับให้สอดคล้องกับสังคมไทย
 

อย่างไรก็ดี www.ThaiFranchiseCenter.com  ยินถึงกระแสเรียลลิตี้สุดฮิตที่ที่แรกก็ไม่แปลกใจอะไรจนได้ยินว่า “เอาดารามาต่อยกัน” ก็ทำให้สนใจรายการ “10 Fight 10” ดังกล่าวขึ้นมาทันที 

 

นี่คือโปรเจกต์ของช่อง “เวิร์คพอยท์” ที่เคยสร้างปรากฏการณ์กับ 2 รายการดังอย่าง I Can See Your Voice และ The Mask Singer ที่ทำเรตติ้งหน้าจอสูงสุด 7-8 ส่งให้ปี 2560 เวิร์คพอยท์สร้างสถิติรายได้สูงสุด 3,877 ล้านบาท ซึ่งรายการ “10 Fight 10” ดังกล่าวถือเป็นอีกมิติใหม่ที่น่าสนใจซึ่งเราเชื่อว่ามีอีกหลายแง่มุมที่คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่เคยรู้

 

ภาพจาก bit.ly/2Lqc51z

 

10 Fight 10 เป็นการแข่งขันมวยสากลที่นำเอาเซเลบริตี้ดารามาขึ้นชกกันทั้งหมด 10 คู่ ไฟต์แรกเป็นการพบกันระหว่าง เป้ อารักษ์ - บีม ศรัณยู ออกอากาศเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2562 และมียอดวิวในยูทูบสูงถึง 1.6 ล้านครั้ง

 

ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่านี่เป็นแค่การจัดฉาก มันคือการแสดงหรือไม่ ขอยืนยันชัดเจนว่าทุกคู่ต่อยจริง เจ็บจริง ซึ่งกว่าจะเริ่มชกกันก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ดี เหมือนเป็นนักมวยอาชีพซึ่งจะมีเทรนเนอร์ที่คอยสอนเทคนิคการชกต่างๆ 

 

ภาพจาก facebook.com/10fight10

 

โดยผู้จัดคือช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 ที่เปิดตัวรายการ “10 FIGHT 10 Presented by GS BATTERY” กับปรากฏการครั้งแรกที่นำเอาซุปเปอร์สตาร์ดาราชายระดับแถวหน้า มาชกมวยกันจริง เจ็บจริง บนเวทีมวยอาชีพ! และไม่เคยมีรายการไหนทำมาก่อน

 

ถือเป็นกระแสรายการที่ค่อนข้างแปลกและแตกต่าง ซึ่งเป็นการชกที่ต่อยกันจริงๆ แบบที่เคยเห็นนักมวยอาชีพทำกัน แต่นี่คือเหล่าดาราที่บรรดาแฟนคลับเองก็แทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีโอกาสได้เห็นดารามาต่อยกันออกอากาศแบบนี้

 

ภาพจาก facebook.com/10fight10

 

โดยทางรายการใช้กติกามวยสากลสมัครเล่นทั้งหมด 3 ยก ยกละ 3 นาที โดยทุกสัปดาห์จะถ่ายทอดสด 1 คู่ ชกกันเพื่อชิงชัยชนะ ส่วนเรื่องการให้คะแนนนำทีม โดยกรรมการผู้คร่ำหวอดในวงการมวยตัวจริง มานั่งดูแบบติดขอบเวทีวัดกันหมัดต่อหมัด

 

ทุกยกมี 10 คะแนน เต็ม 30 คะแนน คนไหนต่อยคะแนนนำ ก็เป็นผู้ชนะในแมทซ์นั้น ได้รับรางวัลสมเกียรติเป็นเข็มขัดแชมป์พร้อมเงินอีก 100,000 บาท! รองชนะยังมีเงินรางวัลปลอบใจ 50,000 บาท พร้อมเหรียญเกียรติยศ

 

ภาพจาก bit.ly/32wioWM

 

 

ภาพจาก facebook.com/10fight10

 

การจะฝึกฝนให้ดารา 20 คนกลายเป็นนักมวยได้ต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง นั้นคือที่มาของ White Team และ Black Team โดยฝั่ง White Team นำทีมโดย แมทธิว ดีน เจ้าของค่ายมวยชื่อดัง ส่วน Black Team นำทีมสอนโดยอองตวน ปินโต นักมวยรูปหล่อดีกรีระดับแชมป์

 

ภาพจาก facebook.com/10fight10

 

หลายคนอาจจะไม่เชื่อถ้าบอกว่า เจ เจตริน วรรธนะสิน นักร้องขวัญใจชาวไทยรายนี้จะผันตัวมาเป็นโปรดิวเซอร์และร่วมผลิตรายการ 10 Fight 10 ที่ขอบอกว่ากว่าจะสรรหานักมวยมาได้ทั้ง 20 คนไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความสามารถของทีมงานและการติดต่อชนิดที่แทบจะไม่ทันเวลาแถลงข่าว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นด้วยดี และได้ 10 คู่ชกจาก 20 ดาราชายขวัญใจคนไทย หนึ่งในนั้นก็มีเจ้าขุนที่เป็นลูกชายของ เจ เจตริน เองด้วย

 

ภาพจาก facebook.com/10fight10

 

รายการนี้หวังให้เป็นกระแสของรายการเรียลลิตี้รูปแบบใหม่ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะดึงเอาบรรดาแฟนคลับให้เข้ามาติดตามรับชมและดึงเอาสุภาพสตรีที่ปกติอาจไม่นิยมในกีฬามวยให้เข้ามาชมได้มากขึ้น

 

ซึ่งหลังจากผ่านไป ประมาณ 4-5 ไฟต์ เรตติ้งจากเทปแรกเริ่มต้นที่ 2.175 ในเทปที่สอง 2.161 และเทปที่สามพุ่งขึ้นไปที่ 2.606 และ สูงยิ่งขึ้นในเทปที่ 4 กว่า 3.013 ซึ่งคาดว่าจะเป็นเรตติ้งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคู่ชกในไฟต์หลังๆ ที่เป็นดาราระดับแม่เหล็กทีเดียว

 

ภาพจาก bit.ly/2LpHHod

 

อาจจะเป็นไอเดียสุขภาพที่สอดแทรกในรายการ เพื่อชี้ให้ผู้ชมได้เห็นว่า ขนาดว่าดาราที่มีงานเยอะ เวลานอนน้อย ยังสามารถสละเวลามาซ้อมมวยอย่างจริงจังก่อนขึ้นชก ตรงนี้ต้องการสื่อสารให้ผู้ชมได้คิดถึงการจัดสรรเวลาเพื่อออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงมากกว่าจะดูเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว

 

ภาพจาก bit.ly/2GekMYM

 

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมวยในรูปแบบบันเทิง แต่การชกแต่ละไฟต์ คู่ชกทุกคู่เอาจริงเอาจังใส่กันเต็มร้อยไม่ใช่การแสดงแบบมีสแตนอินท์แน่นอน และรูปแบบรายการที่ยิ่งทำให้คนดูติดใจคือระหว่างยกผู้ชมจะได้ยินเสียงโค้ชชัดเจน โดยการติดไมค์ไว้หลายจุดเพื่อให้คนดูได้ยินสิ่งที่โค้ชสอน ร่วมกับการตัดภาพมาที่กองเชียร์ เพื่อให้เกิดความหลากหลายและดึงอารมณ์ในการรับชมให้ไหลไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น

 

ภาพจาก bit.ly/2YWchJb
 

10 Fight 10 ในซีซั่นแรกนี้คู่สุดท้ายคือในเดือน สิงหาคม 2562 ซึ่งทางทีมงานบอกว่าจะเป็นการชิมลางไปสู่ซีซั่นที่ 2 พร้อมกับการก้าวสู่ความเป็น Sport Entertainment อย่างเต็มรูปแบบ และนอกจากมวย ก็ยังพร้อมสานต่อไปสู่กีฬาประเภทอื่นๆที่น่าสนใจ เพื่อสร้างกระแสให้คนสนใจกีฬาและเปลี่ยนแนวของเรียลลิตี้โชว์ให้เป็นการออกกำลังกายมากขึ้นสอดคล้องกับยุคคนรักสุขภาพที่ต้องการมองหาความบันเทิงใหม่ๆร่วมด้วย

 

ในยุคที่การแข่งขันมีสูงภาคธุรกิจไม่ว่าจะบันเทิงหรือไม่บันเทิงต่างก็ต้องมองหากลยุทธ์ใหม่ๆในการนำเสนอสินค้า เพื่อให้เกิดความแตกต่างและเป็นผู้นำในแวดวงธุรกิจนั้นๆ  ยุคสมัยต่อจากนี้ใครที่ปรับตัวและมีการพัฒนาตัวเองได้ดีกว่าก็มีโอกาสที่จะก้าวไปได้ไกลมากกว่า ไม่เชื่อลองดูกันไปเรื่อยๆ เราคงมีโอกาสได้เห็นรายการแปลกๆใหม่ๆที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมาก่อนทยอยเปิดตัวขึ้นมากเรื่อยๆ ในอนาคต

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2Jf8ph8

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)