บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.7K
2 นาที
4 ตุลาคม 2562
คิดเก่ง เขียนเก่ง พูดเก่ง 3 ทักษะที่ต้องมี หากอยากรวย!


ไม่ต้องถามว่า “อยากรวยไหม?” รู้คำตอบดีทุกคนตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “อยากรวย” คำถามต่อมาคือ “ทำอย่างไรถึงจะรวย?” อันนี้อาจจะคิดนาน และคำตอบที่ได้อาจจะหลากหลายกันไป คนรวยหรือคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ที่เราเห็นเขามีทักษะ 3 อย่างที่ชัดเจนคือ “คิดเก่ง เขียนเก่ง พูดเก่ง”

www.ThaiFranchiseCenter.com อยากให้ทุกคนลองกลับไปสำรวจตัวเองว่ามีครบ 3 ข้อที่ว่าไหม! แต่ไม่ใช่ว่ามี 3 ข้อแล้วจะรวยทันที เมื่อมีครบ 3 ข้อก็ต้องรู้จักเอามาใช้ให้เป็น จากคนธรรมดาถึงจะกลายเป็นเศรษฐีได้

คิดเก่ง เขียนเก่ง พูดเก่ง ต้องเป็นแบบไหน?

ภาพจาก pixabay.com

คำว่าคิดเก่ง! ไม่ได้หมายถึงจะคิดไร้สาระ คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง คิดแบบไม่มีประโยชน์ คำว่าคิดเก่ง คือเน้นไอเดียที่แตกต่าง การจะมีไอเดียที่แตกต่างก็ต้องรู้จักสภาพแวดล้อมโดยรอบ นักธุรกิจหลายคนมองหาโอกาสจากตลาด

ภาพจาก bit.ly/2oNMUMq

เหมือนครั้งหนึ่งที่สตีฟจ๊อบได้ทำการปฏิวัติธุรกิจคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 โดยการนำเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขาย ในชื่อ Apple I ที่ราคาจำหน่าย 666.66 เหรียญ ในจำนวนและระยะเวลาจำกัด

ภายในปีถัดมาก็ได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำยอดจำหน่ายสูงสุดให้กับบริษัท ณ ขณะนั้นคือ Apple II ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับไมโครคอมพิวเตอร์ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมด
 
จากนั้นก็คงไม่ต้องพูดถึง ทุกวันนี้เรามีสุดยอดคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาต่อยอดมาอีกหลายรุ่น และสตีฟจ๊อบก็ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลระดับตำนานที่แม้ตัวเขาจะล่วงลับก็ยังมีคนพูดถึงในฐานะนักคิดผู้เนรมิตนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อน 

ภาพจาก pixabay.com

และเมื่อคนเราคิดเก่ง ก็ต้องเขียนเก่ง คำว่าเขียนเก่งในที่นี้แยกออกได้ 2 อย่างคือคนที่อยากทำธุรกิจแม้จะมีความคิดดีก็ต้องเขียนแผนธุรกิจให้เป็น ซึ่งเจ้าแผนธุรกิจที่ว่านี้คือ “ใบเบิก” ทางสำหรับการหาเงินทุนในการเริ่มต้น

ซึ่งแผนธุรกิจที่ดีต้องครอบคลุมหลายอย่างทั้งเป้าหมายองค์กร  แผนการตลาด  แผนการขาย  แผนการผลิต  แผนการเงิน  ยิ่งเขียนละเอียดยิ่งใส่ข้อมูลมาก การตัดสินใจในการให้เงินลงทุนก็มีมาก

หรือในอีกมุมหนึ่งคำว่าเขียนเก่งอาจไม่ได้หมายถึงการเขียนแผนธุรกิจแต่หมายถึงการรวบรวมเอาไอเดียที่ตัวเองคิด เรียบเรียงเป็นเรื่องเป็นราว เป็นแนวทางให้สามารถนำไปปฏิบัติต่อได้จริง ซึ่งหากเราคิดเก่ง และเขียนเรื่องราว ออกมาได้อย่างเข้าใจ โอกาสเกิดขึ้นของธุรกิจก็จะมีมากตามไป

สุดท้ายคือการพูดเก่ง คำว่าพูดเก่งจึงไม่ได้หมายความว่าพูดมาก พูดไม่มีสาระ พูดไปเรื่อยๆ หาประโยชน์ไม่ได้ การพูดเพื่อจะสร้างรายได้ตามมาต้องเกิดจากเรามีความคิดที่ดีและได้เรียบเรียงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ก่อนหน้านี้ ที่เหลือในขั้นตอนสุดท้ายก็คือการนำเสนอ

ภาพจาก pixabay.com

ซึ่งต้องใช้ทักษะในการพูดที่ดี หากยังไม่เข้าใจเราขอเสนอ สมการ อยุติธรรมที่ว่า “คนทำงานเก่ง แต่นำเสนอไม่เก่ง  เท่ากับ ไม่เก่ง   แต่คนทำงานไม่เก่ง แต่นำเสนอเก่ง  เท่ากับ เก่ง”
 
บ่อยครั้งที่เรามักจะตัดสินคนโดยดูจากการนำเสนอ เพียง 10 นาที หรือ 15 นาทีเท่านั้น แล้วหากถูกใจคนมักจะถามว่า ‘คนนี้ชื่ออะไร  เขาอยู่แผนกไหน  นำเสนอเก่งนะ  ท่าทางเป็นคนฉลาด’ แต่บางคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ  แต่นำเสนอแบบธรรมดา หรือเรียบ ๆ  คนมักจะเฉย ๆ ไม่มีใครอยากจะจำด้วยซ้ำ
 
ถ้ายังไม่ชัดว่าการ “พูดเก่ง” จะเปลี่ยนคนให้เป็นเศรษฐีได้อย่างไรไปดู  Warren Buffet นักลงทุนที่ร่ำรวยระดับโลกครั้งหนึ่งเขาเคยแนะนำบรรดานักศึกษาเกี่ยวกับการพูดไว้ว่า “การพูดในที่สาธารณะเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็น  ถ้ามีทักษะการนำเสนอที่ดีมันก็จะเป็นสินทรัพย์  หากไม่มีก็เสมือนมีหนี้สิน  เพราะทักษะนี้จะอยู่กับเราไป50 หรือ 60 ปี

คิดเก่ง เขียนเก่ง พูดเก่ง + พยายาม = โอกาสรวย

ภาพจาก pixabay.com 

อย่างไรก็ดีการที่คนหนึ่งคนจะ “ร่ำรวย” เป็นเศรษฐี ต้องมีพื้นฐาน 3 ข้อดังกล่าว แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะบอกว่า มีแล้วจะเป็นเศรษฐีได้ สิ่งสำคัญคือ “ความพยายาม” สตีกจ๊อบเองก็มี 3 ข้อที่ว่านี้แต่ก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะผลักดันสินค้าตัวเองสู่ระดับโลกและสร้างอาณาจักรธุรกิจตัวเองขึ้นมา

แม้กระทั่งเจ้าสัวหลายคนในเมืองไทย หรือนักธุรกิจระดับโลกอีกหลายราย ความคิดเก่ง  เขียนเก่ง พูดเก่ง  แต่คนเหล่านี้ก็พยายาม และในระหว่างที่วิ่งเข้าหาความรวย เขาก็มีการแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน และอีกเพิ่มเรื่องความอดทนที่รอคอยความสำเร็จ

ภาพจาก bit.ly/2VaPR5O

ทฤษฏีใดๆ หรือตรรกะใดๆ ก็ตาม เป็นเพียงสมมุติฐานให้เรายึดเป็นกรอบปฏิบัติแต่ทุกทฤษฏีจะไร้ความหมายหากเราไม่ได้นำมาใช้อย่างจริงจัง คนที่เขาประสบความสำเร็จและพูดถึงทฤษฏีความรวย ก็เพราะเขาได้ผ่านช่วงเวลาอันเลวรร้ายต่างๆมาและได้สรุปเป็นแนวทางให้คนรุ่นหลังได้มีแนวคิดและแนวปฏิบัติไม่ต้องมาดิ้นร้นแบบไร้ทิศทาง 
 
เหมือนกับธุรกิจแฟรนไชส์ทั้งหลายในปัจจุบันที่เขาได้คิดและวางรูปแบบ แผนการตลาด แผนการลงทุน รูปแบบสินค้าเรียกว่ามีการเตรียมความพร้อมให้คนลงทุนได้เอาไปต่อยอด เพียงแค่คนลงทุนต้องขยัน ตั้งใจทำจริง และรู้จักใช้กลยุทธ์การตลาดควบคู่กันไป ความสำเร็จแบบสำเร็จรูปที่เขาวางไว้ก็จะทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
 
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2Jf8ph8
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
จับเทรนด์ยุคใหม่ เลิกกลัว AI แย่งงาน แต่ให้กลัวค..
2,790
รวมธุรกิจเสือลำบาก ปี 2567/2024 โหดจัด ไปไม่รอด!
1,395
โหดจัด! ฟาสต์ฟู้ดจีน ไล่แซงแบรนด์ตะวันตก
700
เศรษฐกิจทรุดครึ่งปี! เลิกจ้างงานนับหมื่น บริษัทฯ..
634
รวมวิธีคิดเหนือชั้นทำให้รู้ว่า “ธุรกิจติดตลาด” ห..
560
10 ไอเดียแคมเปญโปรโมชั่น ร้านอาหาร เพิ่มยอดขาย ฉ..
489
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด