ภาพจาก bit.ly/33m8vuP

ผมเป็นคนที่ใช้บริการของ Grab อยู่บ่อย ๆ และเคยอยากลองขับแท็กซี่มานานแล้ว เลยไปลองสมัครขับ Grab ดู เพราะเป็นคนที่อยากรู้อะไรแล้วจะลงมือทำเลย ผมใช้วิธีสมัครผ่านแอปพลิเคชัน Grab Driver เดี๋ยวนี้การจะขับ Grab ได้ต้องมีการอบรมและเป็นการอบรมผ่านออนไลน์ได้เลย มี e-learning มีการทำข้อสอบ และเมื่อทำผ่านทั้งหมดจึงมาขับ Grab ได้ ซึ่งเมื่อขั้นตอนแรกเรียบร้อยทั้งหมดก็เริ่มออกไปขับจริง ๆ 

 

ปกติเราใช้แอปพลิเคชันในฝั่งที่เป็น user ก็จะไม่เข้าใจในฝั่งที่เป็นคนขับจริง ๆ ว่าเป็นอย่างไร ต่อเมื่อเราได้ไปเป็นคนขับจึงเริ่มเข้าใจประสบการณ์หลาย ๆ อย่าง ซึ่งจำเป็นมากโดยเฉพาะกับคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ คุณจำเป็นต้องลงมือทำด้วยตัวเองเสียก่อนแล้วถึงจะเข้าใจในสิ่งที่คุณวางแผนหรือคิดอยากจะทำ 

 

เมื่อผมได้มาทดลองขับจริง ๆ สิ่งที่น่าสนใจก็คือในแอปพลิเคชันของ Grab Driver จะมี Big Data ที่ช่วยวิเคราะห์ว่าเราควรจะขับไปในพื้นที่ไหนบ้าง มี sheet map ที่เป็นแผนที่กรุงเทพฯ แสดงให้เห็นว่าตรงไหนที่เป็นสีแดงตรงนั้นมีคนต้องการเรียกใช้รถเยอะ ผู้ขับสามารถเข้าไปในพื้นที่นั้นได้เลย ลูกค้าคนแรกของผมขึ้นรถที่ไอคอนสยามเป็นชาวฟิลิปปินส์ ช่วงแรกยังเงอะงะกดแอปมั่วอยู่บ้างแต่ก็ไปส่งเขาได้ สรุปวันนั้นผมวิ่งรถประมาณ 5 รอบได้เงินมาประมาณเกือบ ๆ พันบาท

ภาพจาก bit.ly/2pKOdwt

 

ประสบการณ์ที่ตลกมากเลยก็คือผมมีโอกาสรับผู้โดยสารที่เป็นคนจีนทำงานให้กับหัวเว่ย ตอนแรกที่ชวนคุยเขาบอกว่าทำงานด้านเทเลคอมมูนิเคชั่น ผมถามกลับไปว่าหัวเว่ยใช่ไหม เขาก็แปลกใจว่ารู้ได้อย่างไร (จริง ๆ มันก็มีอยู่แค่ไม่กี่บริษัทหรอกครับ) ผมนั่งคุยกับเขาเรื่องเทคโนโลยี 5G ฯลฯ เขาก็คงงงอยู่เหมือนกันแหละครับว่าไอ้คนขับคนนี้มันรู้เรื่อง 5G เยอะทีเดียว ผมว่ามันเป็นอะไรที่ทำให้เห็นโลกใหม่ ๆ ฉะนั้นท่านที่เป็นผู้บริหารที่อยากจะได้อะไรใหม่ ๆ ลองไปขับ Grab ดูก็ได้นะครับ 

 

จริง ๆ ตอนนี้ผมกำลังวางแผนทำธุรกิจหนึ่งเกี่ยวกับการระดมคนขับรถยนต์ต่าง ๆ เข้ามารวมกัน การจะวางแผนธุรกิจแบบนี้ได้ต้องมีความเข้าใจ ดังนั้นผมจึงต้องลงไปทำเอง ไปเป็นคนขับเอง จะได้รู้ว่าเขามีวิธีการแบบใด ไม่ว่าจะเป็นการสมัคร วิธีการหาคน เมื่อเราเข้าใจก็จะสามารถออกแบบธุรกิจได้แม่นมากขึ้น แม่นยำมากกว่าการมานั่ง forcast หรือคำนวณตัวเลขต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งเมื่อถึงเวลาที่ผมต้องไปใช้บริการ Grab ครั้งต่อไปผมก็จะเข้าใจคนขับว่าต้องทำอย่างไร เพราะผมทำมาแล้ว รู้แล้ว 

 

นี่คือเรื่องพื้นฐานที่เจ้าของธุรกิจหรือคนที่เป็นนักบริหารต้องรู้เรื่องที่ทำจริง ๆ คุณไม่สามารถแค่ฟังใครเขาพูดได้ เมื่อคุณรู้จริงแล้วคุณถึงจะสามารถมองเห็นวิธีการใหม่ ๆ ที่จะนำมาปะติดปะต่อก่อให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาได้อีกมากมายเลยจริงๆ 

ภาพจาก bit.ly/36NhAPw

 

ท่านผู้บริหารทั้งหลายครับก่อนอื่นเลยหากยังไม่เคยใช้บริการของ Grab มาก่อน ลองมานั่งรถดู (ไม่ได้โฆษณานะครับ แต่เพราะตอนนี้เหลือแค่เจ้าเดียวแล้ว) จะได้เข้าใจว่าที่พูดถึงกันนั้นมันเป็นอย่างไร แอปพลิเคชันนี้เขาจ่ายเงินกันอย่างไร ฯลฯ ถ้าคุณไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้คุณจะเข้าใจเศรษฐกิจดิจิทัลได้หรือไม่ ซึ่งถ้าคุณเข้าใจมันแล้ว คุณจะสามารถไปสอนลูกน้องของคุณต่อได้ 

 

หรือหากเคยนั่งแล้วก็อาจจะลองไปขับดูเลยก็ได้ ผมเองตอนนี้เข้าใจวิธีการแล้ว รู้แล้วว่าวิธีการจ่ายเงินแก่ผู้ขับเป็นอย่างไร วิธีการรับเงินเป็นอย่างไร วิธีการโน้มน้าวคนขับเป็นอย่างไร ซึ่ง Grab มีวิธีการโน้มน้าวและวิธีการออกแบบที่น่าสนใจมาก ๆ นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการออกไปขับ Grab แค่เพียงสองวันเท่านั้น

 

การเข้าใจเรื่องดิจิทัลไม่สามารถแค่นั่งฟังได้แต่ต้องเอาตัวเองลงไปคลุกอยู่กับดิจิทัลด้วย ฉะนั้น การที่เราจะรู้อะไรจริง ๆ ต้องอย่ากลัวครับ ต้องใช้เลย ต้องทำเลย ไม่รู้ก็ถามเลยครับ ลองไปนั่ง Grab ลองใช้บริการ e-money ฯลฯ เมื่อคุณเข้าใจ เมื่อได้เติมอะไรใหม่ ๆ ในเรื่องดิจิทัลเข้าไป บวกกับประสบการณ์ที่คุณมีอยู่ คุณจะกลายเป็นสุดยอดนักบริหารในทันที

 

ปัญหาที่เห็น ๆ กันตอนนี้ก็คือ เด็กรุ่นใหม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีก็จริงแต่ไม่มีประสบการณ์ แต่คุณ! ที่เป็นนักบริหารผู้มีประสบการณ์ หากได้เติมเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปโดยการลงมือทำจริง ๆ แล้วละก็ จะเป็นการต่อยอดให้กับตัวเองให้กลายเป็นสุดยอดนักวางแผนธุรกิจ มีคำคำหนึ่งที่มีคนพูดถึงกันมากในปัจจุบันนั่นคือ connecting the dot มันคือการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ สิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดความคิดเกิดไอเดียขึ้นในหัวของคุณมากมาย นั่นเพราะมันเกิดการเชื่อมโยงกัน

 

อย่าเพิ่งคิดว่าการที่คุณทำอะไรไปในวันหนึ่ง ๆ มันไม่เกิดประโยชน์อะไร มันอาจเกิดประโยชน์ขึ้นในอนาคตก็ได้ มันคือจุด ๆ หนึ่งที่คุณได้ทำไว้ ฉะนั้น เมื่อคุณลากจุดแต่ละจุดเชื่อมโยงกัน มันอาจจะกลายเป็นภาพภาพหนึ่งที่มีมูลค่า มี value ให้กับคุณหรือธุรกิจ หรือเป็นประโยชน์ให้กับสังคมก็ได้