ปัจจุบันธุรกิจในระบบแฟรนไชส์ในเมืองไทย ส่วนใหญ่ที่พบเห็นมากที่สุด จะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ Product Franchise และ Business Format Franchise ซึ่งทั้ง 2 รูแบบแฟรนไชส์นี้ จะมีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันไป 
 

ผู้ประกอบการที่กำลังจะสร้างธุรกิจของตัวเองให้เป็นแฟรนไชส์ ก็ต้องเรียนรู้ก่อนว่าระบบแฟรนไชส์แบบไหนเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองที่กำลังทำอยู่ เพราะบางธุรกิจเหมาะสำหรับ Product Franchise แต่ไม่เหมาะกับ Format Franchise ขณะเดียวกันผู้ที่กำลังจะซื้อแฟรนไชส์ ก็ต้องรู้ว่าธุรกิจแฟรนไชส์แบบไหนเหมาะสมกับตัวเอง น่าลงทุน มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
 

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลเปรียบเทียบ 2 รูปแบบแฟรนไชส์ และนำเสนอให้เห็นว่า ทำไมปัจจุบันคนนิยมลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ในรูปแบบ Product Franchise มากกว่า Format Franchise มาดูเหตุผลชัดๆ กันครับ 
 

Product Franchise
 

ภาพจาก bit.ly/2Nm6KIr

เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่ให้สิทธิในตัวผลิตภัณฑ์หรือเครื่องหมายการค้า เพื่อการผลิตหรือจำหน่ายสินค้าในยี่ห้อสินค้านั้น แฟรนไชส์ซอร์ฐานะผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์นั้นๆ มักจะกำหนดมาตรฐานทางคุณภาพด้านต่างๆ ให้แฟรนไชส์ซีปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และแฟรนไชส์ซีต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบางส่วนแก่แฟรนไชส์ซอร์ เพื่อรับสิทธิในเครื่องหมายการค้า
 

สำหรับรูปแบบ Product Franchise ในเมืองไทยที่พบเห็นกันมาก จะทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์สร้างอาชีพ ขายอุปกรณ์ วัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์บางส่วนให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ เช่น ร้านชา 25 บาท, ลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด เป็นต้น 
 

ภาพจาก www.facebook.com/Nbpancake/

เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน คือ แฟรนไชส์ซอร์จะกำหนดระบบของการดำเนินธุรกิจให้ใช้เหมือนกันทั่วโลก ทั้งสินค้า เครื่องหมายการค้า วิธีบริหารระบบการเงิน ระบบงานต่างๆ รวมทั้งแผนการตลาด 
 

ผู้ซื้อแฟรนไชส์ หรือแฟรนไชส์ซีจะได้รับสิทธิ์ในการให้บริการ หรือ ทำการผลิตสินค้าที่มีสูตรหรือส่วนประกอบเฉพาะ หรือ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้รูปแบบและเครื่องหมายทางการค้าของแฟรนไชส์ซอร์ เช่น 7-Eleven, N&B, เชสเตอร์ เป็นต้น 
 

1.ลงทุนน้อย
 

ภาพจาก bit.ly/34zFN9R

ส่วนใหญ่แฟรนไชส์รูปแบบนี้จะเป็นร้านแบบคีออสและรถเข็นๆ เคลื่อนย้ายได้ง่าย ใช้เงินลงทุนตั้งแต่หลักพันบาทขึ้นไปจนถึงหลักแสนบาท บางธุรกิจแฟรนไชส์ไม่ต้องให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ตกแต่งร้านเอง แต่รวมเงินลงทุนในค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้า ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้สินค้า วัตถุดิบ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่พร้อมเปิดร้านได้เลย เช่น ก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้น ชา 25 บาท เป็นต้น 

2.บริหารจัดการง่าย

 

ภาพจาก bit.ly/32mkvLi

เนื่องจากแฟรนไชส์รูปแบบนี้ไม่ต้องมีร้านใหญ่โตอะไรมาก แค่มีพื้นที่เล็กๆ หน้าบ้าน ใต้ตึก หรือข้างถนน ก็สามารถเปิดร้านได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานจำนวนมากเหมือนธุรกิจแฟรนไชส์แบบ Format Franchise ใช้คนแค่ 1-2 คนก็สามารถดำเนินธุรกิจไปได้ จึงทำให้การบริหารจัดการภายในร้านมีความง่าย ไม่ต้องมีกระบวนการ ขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนอะไรมาก

3.ไม่ต้องจ่ายค่าสิทธิ์รายเดือน (Royalty Fee) 
 

ธุรกิจแฟรนไชส์แบบ Product Franchise ส่วนใหญ่จะเป็นแฟรนไชส์สร้างอาชีพ ใช้เงินลงทุนน้อย ผู้ซื้อแฟรนไชส์เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบและสินค้าจากแฟรนไชส์ซอร์มาจำหน่ายหรือผลิตขายเท่านั้น จ่ายเงินค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้าครั้งเดียว ก็เปิดร้านได้เลย ไม่ต้องจ่ายค่าสิทธิ์ การค่าการตลาดรายเดือนให้กับแฟรนไชส์ซอร์ เมื่อขายได้มากเท่าไหร่ ก็จะได้กำไรมากเท่านั้น ไม่ต้องแบ่งกำไรในแต่ละเดือนให้แฟรนไชส์ซอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องจ่ายประมาณ 3-5% ของรายได้แต่ละเดือน 

4.ใช้เวลาเปิดร้านเร็ว 
 

 

ภาพจาก bit.ly/2YR2TqU

ธุรกิจแฟรนไชส์แบบ Format Franchise เช่น 7-Eleven รวมถึงแฟรนไชส์ร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังต่างๆ ในเมืองไทย จะใช้เวลาในการเปิดร้านนานมาก บางครั้งเป็นเดือน เป็นปีก็มี เพราะต้องมีกระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ที่เป็นมาตรฐาน กว่าจะผ่านการอบรม กว่าจะเปิดร้านได้ใช้เวลานาน ขณะที่แฟรนไชส์สร้างอาชีพ Product Franchise อบรม 1-2 วัน จ่ายเงินครบเปิดร้านได้ 

5.ใช้พื้นที่เปิดร้านน้อย 
 

 

ภาพจาก facebook.com/ufofishball

สังเกตหรือไม่ว่า ร้านคีออสที่เป็นตู้ 4 เหลี่ยม หรือรถเข็นข้างทาง ขายแฟรนไชส์เครื่องดื่มชา 25 บาท หรทืออาหารปิ้งย่างต่างๆ จะใช้พื้นที่น้อยมาก อีกทั้งยังเคลื่อนย้ายได้สะดวก บางแฟรนไชส์เป็นรถพ่วงด้วยซ้ำ เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย สะดวก จึงทำให้ผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์ไปทำธุรกิจ เลือกที่จะซื้อแฟรนไชส์แบบ Product Franchise เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าเช่าพื้นที่ด้วย
 

ได้เห็นกันแล้วว่า ทำไมผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์ เลือกที่จะลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ในรูปแบบ Product Franchise มากกว่า Format Franchise เพราะใช้เงินลงทุนน้อย เปิดร้านได้เร็ว บริหารจัดการง่าย ใช้พื้นที่น้อย และไม่ต้องจ่ายเปอร์เซ็นต์รายเดือนอีกด้วย 
 

บทความเกี่ยวข้อง: แยกให้ออก Product/Format Franchise แบบไหนดีกว่า? 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document

เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

 

บทความแฟรนไชส์ | การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ | ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์ แยกให้ออก Product/Format Franchise แบบไหนดีกว่า? ปัจจุบันธุรกิจในระบบแฟรนไชส์ในเมืองไทย ส่วนใหญ่ที่พบเห็นมากที่สุด จะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ Product and Brand Franchise และ Business Format Franchise ซึ่งทั้ง 2 รูแบบแฟรนไชส์นี้ จะมีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันไป .. 59months ago   3,321  6 นาที

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)