บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.4K
2 นาที
13 ธันวาคม 2562
5 เทคนิค“ค้าปลีก2020” ทำแล้วรวยจริง!


สถานการณ์วงการค้าปลีกที่เกิดขึ้นทั่วโลกในตอนนี้ส่อแวววิกฤติกันในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และยุโรปที่มีข่าวถึงการปิดสาขาไม่เว้นแต่ละวัน บางกิจการที่ยังไม่ปิดก็แจ้งปรับลดพนักงาน หรือบางแห่งก็มีการแจ้งล้มละลายกันไปเลยทีเดียว สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงตลาดค้าปลีกทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน จากเดิมมีเพียงแค่ปัจจัยเรื่อง “ช้อปออนไลน์” เข้ามา กลายเป็นว่าตอนนี้มีหลายปัจจัยรอบด้านมากกว่าที่คิด

www.ThaiFranchiseCenter.com เองเมื่อได้วิเคราะห์ถึงทิศทางของเศรษฐกิจในปี 2563 ที่หากไม่โลกสวยจริงๆ ต้องยอมรับว่าอาจถึงขั้นฝืดเคืองมากกว่าเดิม และแบบนี้ “ค้าปลีกเมืองไทย” จะมีวิธีไหนอย่างไรให้อยู่รอดได้บ้าง
 
ค้าปลีกเมืองไทย “วิกฤติ” ขนาดไหน


ภาพจาก bit.ly/2PkrHVn
 
จากข้อมูลระบุว่าตลาดค้าปลีกไทยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตที่ต่ำกว่าปกติมาโดยตลอดข้อสังเกตอันดับแรกก็คือตลาดค้าปลีกมีการเติบโตต่ำกว่า GDP นั่นคือผิดปกติแล้ว ซึ่งตลาดค้าปลีกควรเติบโตสูงกว่า GDP ราวๆ 1-1.5%ยกตัวอย่างถ้า GDP ประเทศเติบโต 4% ตลาดค้าปลีกต้องเติบโต 5% แต่ในปีที่ผ่านมา GDP เติบโตราว 4.0-4.2% แต่ภาคค้าปลีกมีการเติบโตเพียง 3.1% นั่นคือส่อแววไม่ปกติ ปัจจัยด้านลบที่ทำให้ค้าปลีกเมืองไทยไม่เติบโตเกิดจาก
 
1. โครงสร้างภาษีที่ไม่ถูกต้อง
 
โดยเฉพาะครงสร้างภาษีของสินค้า Luxury 30-40% ทำให้สินค้ามีราคาแพงกว่าต่างประเทศ เสียโอกาสทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวที่มาช้อปปิ้ง กลายเป็นว่าคนไทยที่จะซื้อสินค้าแบรนด์เนมก็หนีไปซื้อต่างประเทศ นักท่องเที่ยวก็ไม่อยากซื้อที่ไทยอีกเพราะมีราคาแพง ทำให้ไทยสูญเสียรายได้จากการช้อปปิ้งในส่วนนี้เยอะ
 
2. เปิดให้คนไทยช้อปปิ้ง Duty Free


ภาพจาก bit.ly/2EfJoPw
 
ในหลายๆ ประเทศได้เน้นไปที่ตลาดนักท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ในประเทศไทยเน้นทั้งตลาดคนไทยด้วย และนักท่องเที่ยวด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือห้างค้าปลีกที่จ่ายภาษีทั้งหมดก็เสียเปรียบห้างที่ไม่ต้องเสียภาษี เป็นสิ่งที่ทำให้ค้าปลีกไม่โตเท่าที่ควร
 
3. ตลาดออนไลน์ที่ไม่เสียภาษี
 
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ นั้น ร้านค้าออนไลน์ที่หนีภาษีหรือร้านพรีออเดอร์ในเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียต่างๆ ร้านค้าพวกนี้ขายสินค้าโดยที่รับมาจากต่างประเทศโดยที่ไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้องแต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นผลพวงมาจากโครงสร้างภาษีสินค้า Luxury ที่สูงเกินไป จนทำให้คนไม่อยากซื้อสินค้าที่จ่ายภาษีถูกต้อง หันไปซื้อสินค้ามีราคาถูกกว่า ส่งผลกระทบต่อวงการค้าปลีก
 
4. ไม่คุมยักษ์ใหญ่ออนไลน์ต่างชาติ


ภาพจาก bit.ly/2t90BYo
 
โดยภาครัฐไม่มีการจัดการเรื่องนี้เท่าที่ควร ทั้งที่บางร้านมีการขายสินค้าราคาต่ำกว่าทุน ซึ่งหากจัดการเรื่องนี้ก็จะทำให้บรรดาร้านโชห่วย หรือร้านขายของชำได้รับผลกระทบน้อยลง แต่ในความเป็นจริงคือมาตรการของภาครัฐยังไม่ชัดเจนในเรื่องเหล่านี้
 
นั่นคือปัญหาที่มองผ่านการวิเคราะห์ของผู้สันทัดกรณีที่หยิบเอามาเป็นตัวอย่าง แต่ในเมื่อปัญหามันเกิดไปแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ไขกันไป ลองมาดู 5 ทางรอดค้าปลีกเมืองไทยในปี 2563 จะทำอย่างไรให้รุ่ง
 
1. สร้างแพลตฟอร์มเข้ากับระบบออนไลน์
 
ในเมื่อกระแสออนไลน์มาแรงและเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ร้านค้าก็ต้องปรับตัวสอดรับกับเรื่องนี้ ให้ทำเหมือนร้านค้าเป็นเงาตามตัวผู้บริโภคมากขึ้น เช่น เราพูดอะไรของเรากับเพื่อนอยู่ พอเปิดเข้าไปในแพลตฟอร์มต่างๆ เราจะเห็นสินค้านั้นๆ เช่น หาเก้าอี้นั่งทำงาน, อาคารคลีน หรือเครื่องออกกำลังกายตัวใหม่ สิ่งเหล่านี้คือโอกาสและช่องทางในการเพิ่มยอดขายที่เห็นภาพชัดเจนที่สุด
 
2. จับคู่พันธมิตร


ภาพจาก bit.ly/35isFqy
 
ในยุคที่อยู่ตัวคนเดียวมันยาก เราคงต้องกลับมาใช้นิยามเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เปลี่ยนจากคู่แข่งกลายมาเป็นความร่วมมือเพื่อโอกาสในการเพิ่มยอดขายกันได้ทั้งคู่ ยกตัวอย่างเช่น SCG กับบุญถาวร ที่เป็น Retail อุปกรณ์ก่อสร้างที่แข่งกันมาตลอดหลายสิบปีได้ประกาศโมเดลใหม่ร่วมกันในชื่อ “SCG Home บุญถาวร” ลูกค้าก็ชอบ มาที่เดียวแล้วได้สองอย่างกลับไป ทั้งของสร้างบ้านและแต่งบ้าน 
หรือ Louis Vuitton เป็นแบรนด์ที่หรูหรา เริ่มจับกับแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์สดใส สนุกสนาน เช่น SUPREME หรือแม้แต่ H&M ก็ยังมาร่วมมือกับ Balmain ได้
 
3. ผสมผสานการใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual)


ภาพจาก bit.ly/2PHuc2F
 
เทคโนโลยีถ้าใช้ให้ดีก็มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีเสมือนจริงอย่าง Virtual Reality (VR) ที่เหมาะมากับค้าปลีกพวกความงาม ที่เหมือนกระจกให้ลูกค้าได้ส่องเลือกเครื่องสำอาง ลิปสติก แบบที่ไม่ต้องเอาหน้าตัวเองไปลองให้ยุ่งยากวุ่นวายเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้า ลบข้อจำกัดความไม่แน่ใจว่าซื้อแล้วจะสวยไหม จะดีหรือเปล่าเพราะ Virtual Reality จะช่วยให้เห็นภาพเสมือนได้ใช้เองทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีแบบนี้ในประเทศจีนร้านเครื่องสำอางหลายแห่งได้นำมาใช้และได้ผลพอใจมาก
 
4. เพิ่มยอดขายด้วย QR Code


ภาพจาก bit.ly/35gf5Uw
 
แต่ก่อน QR Code อาจแค่กำหนดราคาในร้านค้าปลีกให้พนักงานสแกนเพื่อเก็บเงินลูกค้า แต่โลกยุคใหม่ QR Code ต้องเป็นมากกว่านั้น และค้าปลีกก็ควรใช้ให้เป็น จากเดิมที่มีการโฆษณาตามสถานีรถไฟฟ้า ป้ายรถเมล์ ด้วยแบนเนอร์ธรรมดาๆ สิ่งที่ต้องเปลี่ยนไปคือการใช้รูปภาพสินค้าชัดเจนร่วมด้วย QR Code ที่สามารถสแกนซื้อสินค้าได้ทันที นี่ไม่ใช่แนวคิดเล่นๆ แต่ทำกันจริงจังในหลายประเทศ ถือว่าเป็นการพัฒนาด้านการค้าปลีกที่จะย่ำอยู่กับที่แบบเดิมไม่ได้
 
5. Smart Shopping


ภาพจาก bit.ly/2RJ8LBb
 
ทั้งหลายทั้งมวลถ้าวงการค้าปลีกผสานเอาทุกเทคโนโลยีเข้ามาใช้จะกลายเป็น Smart Shopping ที่เห็นผลมากซึ่งตลาดอีคอมเมิร์ซโตขึ้นทุกปีจากปี 2561 เติบโต 44%  ปี 2562 เติบโต 48% และคาดว่าจะเติบโตถึง 57% ภายในปี 2566 นั่นคือจุดเปลี่ยนของค้าปลีกที่ต้องเอา Big Data , AI , AR เข้ามาใช้ รวมถึงการใช้โดรนแบบในต่างประเทศ หรือตัวอย่างที่ชัดเจนในเมืองไทย เช่น Smart Store แห่งแรกที่ ทรู ดิจิทัลพาร์ค (True Digital Park) ที่ผสมผสานเทคโนโลยีการขายยุคใหม่เอาไว้ทำให้เกิดจำนวนการขายสินค้าที่มากขึ้นด้วย


ระบบจดจำใบหน้าใน True Digital Park
ภาพจาก bit.ly/34jgZlU
 
การต่อต้านเทคโนโลยีว่าทำลายวงการค้าปลีกไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา ค้าปลีกต้องยอมรับตัวเองว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไปหากยังแข็งขืนและยึดติดกับความสำเร็จแบบเดิมๆ ไม่คิดจะก้าวตามสังคมยุคใหม่ การค้าปลีกก็มีแต่จะทุนหายกำไรหด แม้การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจะหมายถึงการลงทุนที่มากในเบื้องต้นแต่จะเป็นผลดีในระยะยาวดีกว่าอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรดูธุรกิจค่อยๆพังไปต่อหน้าต่อตา
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
428
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด