ถือเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันอย่างมาก สำหรับ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการน้ำดำ Coca-Cola และ Pepsi เพราะก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี Coca-Cola ได้ทำการเปิดตัว Coca-Cola Coffee เครื่องดื่มกาแฟโคล่า ซึ่งนำโซดา Coke มาผสมกับกาแฟ กระทั่งล่าสุด PepsiCo ไม่ยอมให้คู่แข่งออกตัวไปไกลคนเดียว เตรียมเปิดตัว Pepsi Café เครื่องดื่มกาแฟโคล่าในเดือนเมษายน 2563 

 

Pepsi Café ชูจุดขายตงตรงที่ให้ความสดชื่นในยามบ่าย ด้วยรสชาติซ่าจากน้ำโคลาผสมกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟอาราบิก้า ซึ่งมีกาเฟอีนมากกว่า Pepsi ขนาดปกติถึง 2 เท่า โดยมีจำหน่าย 2 รสชาติ คือ Original และ Vanilla ขนาด 12 ออนซ์ จะวางขายในสหรัฐฯ ช่วงเดือนเมษายน 2563 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่ Coca-Cola Coffee เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2562 แต่ Coke Plus Coffee มีวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศเท่านั้น ยังไม่ได้จำหน่ายในสหรัฐฯ แต่อย่างใด 

หากย้อนกลับไป เหตุผลที่เครื่องดื่ม Coffee-Cola Drinks หรือเครื่องดื่มกาแฟโคล่า ได้รับความสนใจของ Coca-Cola และ Pepsi ก็คือ การบริโภคโซดาของผู้บริโภคสหรัฐอเมริกาลดลงทุกปี สวนทางกับกลุ่มกาแฟ (Ready-to-drink Coffee) ซึ่งอยู่ในกราฟขาขึ้น โดยเติบโต 31% ในปี 2016 และ 2017  

 

อย่างไรก็ตาม ทั้ง PepsiCo และ Coca-Cola กำลังเดิมพันว่าผู้บริโภคจะยังคงต้องการรับความรู้สึกยามบ่าย ที่รวมเอารสชาติและคาร์บอเนตของโซดากับรสชาติกาแฟอยู่หรือไม่

โดย 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการน้ำดำไม่ได้เพิ่งจะมาทำตลาด “เครื่องดื่มกาแฟโคล่า” ครั้งแรก โดย Coca-Cola เคยขาย “โคลารสกาแฟ” มาก่อน ส่วน Pepsi ก็เคยแนะนำ Pepsi Kona ซึ่งวางขายช่วงสั้นๆ ในปี 1996 และในปี 2004 ได้วางขายอีกรุ่นในชื่อ Pepsiccino เปลี่ยนรสชาติเหมือนคาปูชิโน ก่อนจะมาถึง Pepsi Café ซึ่งใช้เวลา 1 ปีครึ่งในการพัฒนา

 

ส่วน Coca-Cola ครั้งแรกได้พัฒนา Coffee-Cola Drinks วางขายปี 2006 แค่ 2 ปีก็เลิก ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในปี 2017 กับ Coca-Cola Plus Coffee ซึ่งชิมลางในออสเตรเลีย อีก 1 ปีต่อมา ทดสอบตลาดที่เอเชียเพิ่มเติมหลังจากปรับเปลี่ยนสูตร 

 

Coca-Cola Plus Coffee ได้วาจำหน่ายใน 25 ประเทศทั่วโลก ซึ่งไทยเองก็เป็นหนึ่งประเทศที่เริ่มวางขายแล้ว โดยมีเป้าหมายต้องการบุกสหรัฐอเมริกาให้ได้ ขณะที่คู่แข่งอย่าง PepsiCo ประกาศเปิดตัวและวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาก่อนประเทศอื่นๆ 

สำหรับหุ้นของ Pepsi หลังประกาศเปิดตัว Pepsi Cafe พบว่า มีมูลค่า 191 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นประมาณ 24% ในปี 2562 ซึ่งใกล้เคียงกับหุ้นของ Coke เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปิดตลาดอยู่ที่ 231 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นเกือบ 14%

ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการน้ำดำของโลก จะพัฒนาเครื่องดื่มใหม่ๆ อะไรออกสู่ตลาดอีกครั้งในอนาคต 

 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)