บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.5K
3 นาที
27 ธันวาคม 2562
ใครๆ ก็อยากซื้อบ้านในอเมริกา ไม่มีใครเอาจีน
 

ภาพจาก bit.ly/2Q0WzdO

ในความรู้สึกของคนไทยบางส่วนที่ถูก “ปิดหู ปิดตา” เราอาจรู้สึกว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ไม่ปลอดภัย มีข่าวร้ายยิงกันมากมาย แต่จีนปลอดภัย ไม่มีปัญหาก่อการร้าย แต่นั่นอาจเป็นแค่สงครามข่าวสาร  อันที่จริง ทั่วโลกอยากไปซื้อบ้านอยู่ในสหรัฐอเมริกากันทั้งนั้น แทบไม่มีใครอยากไปซื้อบ้านในจีน
 
ผู้เขียนในฐานะประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้สำรวจตลาดความต้องการซื้อบ้านในต่างประเทศ จากประเทศต่างๆ หลายแห่ง พบว่า สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีผู้นิยมไปซื้อบ้านมากที่สุดแห่งหนึ่ง จีนนั้นเทียบไม่ได้เลย (https://bit.ly/32KckJ2) จีนอาจดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่ดึงดูดให้คนไปปักหลักปักฐาน ไปทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และอพยพไปอยู่อาศัยคงไม่ได้เรื่อง
 

ภาพจาก bit.ly/2Q0WzdO
 
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศยอดนิยมที่สุดสำหรับเป้าหมายในการไปเลือกซื้อบ้านหากมีโอกาสไปซื้อบ้านได้ ทั้งนี้ประเทศที่นิยมไปซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกามากที่สุดได้แก่ อินเดีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยถือเป็นทางเลือกอันดับที่ 1  ส่วนที่คิดจะไปซื้อบ้านอยู่อาศัยหรือซื้อบ้านเพื่อการลงทุนในประเทศจีนอยู่ในอันดับที่ต่ำมาก  ประเทศสำคัญที่มีประชากรมากเหล่านี้นิยมสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก  คนอินเดียชอบไปอยู่อเมริกา ไม่แพ้ไปอังกฤษที่เป็นเจ้าอาณานิคมเดิม เวียดนามก็มีชาวเวียดเกี่ยวหรือชาวเวียดนามโพ้นทะเลอยู่ในสหรัฐอเมริกามากมาย  ส่วนฟิลิปปินส์ก็เป็นอาณานิคมเดิมของสหรัฐอเมริกา และชาวฟิลิปปินส์นิยมไปอยู่ในสหรัฐอเมริกามาก  เชื่อว่าถ้าได้มีโอกาสไปถามชาวญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ก็คงคิดจะไปซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกากันทั้งนั้น
 
อย่างไรก็ตามยังมีประเทศกัมพูชา ไทย มาเลเซีย เมียนมา และอินโดนีเซียที่ไม่ได้นิยมซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่หนึ่ง โดยเลือกที่จะซื้อเพียงประมาณ 3% - 8% เท่านั้น  เพราะประเทศเหล่านี้นิยมซื้อบ้านในประเทศเพื่อนบ้านด้วยกันเองมากกว่า หรือประเทศในทวีปออสเตรเลียที่ไมห่างไกลเท่าสหรัฐอเมริกา  อย่างไรก็ตามสัดส่วนของผู้ที่คิดจะซื้อบ้านในจีน ก็ถือว่าต่ำมากหรือแทบไม่มีเลยเมื่อเทียบกับผู้ที่สนใจซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ในกรณีมาเลเซียสนใจซื้อบ้านในอังกฤษมากกว่าในสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมากเพราะเป็นประเทศเจ้าอาณานิคมมาก่อน
 
อาจกล่าวได้ว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ประเทศโลกที่ 3 สนใจย้ายไปซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก  แม้แต่จีนเองก็ยังเลือกซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด ยกเว้นปีล่าสุดที่สนใจซื้อบ้านในไทยเป็นอันดับหนึ่ง (เพื่อการเก็งกำไร) และเป็นสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับสอง ตามด้วยออสเตรเลีย แคนาดาและนิวซีแลนด์เพื่อไปอยู่อาศัยจริงหรือเป็นบ้านหลังที่สอง (https://bit.ly/2QfDUeI)  แต่คงแทบไม่มีคนสหรัฐอเมริกาคิดจะไปซื้อบ้านในจีนเป็นแน่
 

ภาพจาก bit.ly/2Q0WzdO
 
อันที่จริงสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแห่งโอกาส  การไปค้าขายหรือทำธุรกิจ มีโอกาสเจริญเติบโต มีการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม มีความเท่าเทียม และมีความโปร่งใสสูง ส่วนการทุจริตมีอยู่ในระดับต่ำมาก  แต่นักลงทุนต่างชาติคงหาสิ่งเหล่านี้ได้ยากในการไปลงทุนในประเทศจีน คนต่างชาติจากทั่วโลกจึงนิยมไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา หรืออย่างน้อยก็ส่งลูกหลานไปเรียนต่อที่นั่น
 
จากข้อมูลล่าสุด (https://bit.ly/2OztzYA) ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาเป็นมูลค่า 77,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (ในช่วงเมษายน 2561 - มีนาคม 2562) หรือเป็นเงินถึง 2.4 ล้านล้านบาท หรือใหญ่กว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลถึงเกือบ 6 เท่าตัวเลยทีเดียว  อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อนี้ลดลงจากปี 2561 ถึง 36% เพราะในปีก่อนหน้าต่างชาติซื้อทรัพย์สินในมูลค่ารวมกันถึง 121,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ยิ่งเมื่อเทียบกับปี 2560 มูลค่าการซื้อของชาวต่างชาติสูงกว่ามูลค่าในปี 2562 ถึง 1 เท่าตัว  ขณะนี้อยู่ในภาวะ “ขาลง” แต่ก็ยังมีจำนวนผู้ซื้อและมูลค่าการซื้อมหาศาลเมื่อเทียบกับในประเทศไทย
 
จำนวนหน่วยขายที่ขายให้กับชาวต่างชาติในปี 2562 นี้เกือบทั้งหมดก็คือบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว (มือสอง) โดยมีรวมกันถึง 183,100 หน่วยหรือราว 3% ของบ้านที่ขายทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน  การซื้อบ้านส่วนใหญ่เป็นของคนภายในสหรัฐอเมริกาเอง  ถ้าต่างชาติไม่มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา เขาก็ไม่สะเทือน ต่างจากกรณีกรุงเทพมหานครที่มีคนต่างชาติมาซื้อถึง 13% ของจำนวนหน่วย หรือ 19% ของมูลค่า  ถ้าเกิดต่างชาติเลิกมาซื้อ ก็คงทำให้การผลิตที่อยู่อาศัยลดลงทันตาเห็นเลย (https://bit.ly/2KpIiDa)  ตลาดที่อยู่อาศัยไทยจึงเปราะบาง เพราะเราส่งเสริมให้โตโดยขายต่างชาติทั้งที่ในประเทศเพื่อนบ้านเขาไม่เน้นการให้ต่างชาติมาซื้อ (https://bit.ly/2KX0nrl)
 
สำหรับราคาบ้านที่ต่างชาติซื้อในสหรัฐอเมริกานั้นตกเป็นเงิน 280,600 เหรียญสหรัฐหรือ 8.7 ล้านบาท ในขณะที่ราคาบ้านมือสองทั่วไปในสหรัฐอเมริกามีราคาเฉลี่ยเป็นเงิน 259,600 เหรียญสหรัฐ หรือ 8.1 ล้านบาท  ในจำนวนบ้านที่คนต่างชาติซื้อนั้น ปรากฏว่า 8% ของชาวต่างชาติที่มาซื้อๆ บ้านในราคามากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 31 ล้านบาท  ข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ 41% ของชาวต่างชาติที่มาซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกานั้นจ่ายเป็นเงินสด  และ 47% ของผู้ซื้อเป็นผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ไม่ได้ซื้อเก็งกำไรแบบที่ต่างชาติ (จีน) มาซื้อห้องชุดในกรุงเทพมหานคร
 

ภาพจาก bit.ly/2Q0WzdO
 
ผู้ที่ซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกานั้นมาจากประเทศจีนเป็นอันดับแรกโดยซื้อเป็นเงินถึง 13,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นเงิน 415,400 ล้านบาท (พอๆ กับขนาดที่อยู่อาศัยที่ผลิตในแต่ละปีในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) รองลงมาเป็นแคนาดา (8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) อินเดีย (6,900 ล้านเหรียญสหรัฐ) อังกฤษ (3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ) และเม็กซิโก (2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ)  ในจำนวน 5 ประเทศที่มาซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกามากขึ้นข้างต้นนี้ มีมูลค่าการซื้อเท่ากับครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นผู้ซื้อจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก แต่มาในปี 2562 สัดส่วนของ 5 ประเทศนี้เป็นราว 44% แสดงว่าการซื้อของนักลงทุนจาก 5 ประเทศใหญ่ลดลง และมีผู้ซื้อจากประเทศเล็กๆ เพิ่มมากขึ้น
 
มลรัฐที่มีผู้ซื้อต่างชาติมากที่สุดก็คือฟลอริด้า (20%) แคลิฟอร์เนีย (12%) เท็กซัส (10%) อะริโซนา (5%) และนิวเจอร์ซี (4%) โดยมักจะซื้อบ้านในย่านชานเมืองของนครต่างๆ ในรัฐนี้ อย่างนิวเจอร์ซีก็ถือเป็นเมืองพักอาศัย (Bed City) ของคนที่ทำงานในมหานครนิวยอร์ก เป็นต้น  และบ้านที่นิยมซื้อนั้นส่วนใหญ่ (76%) ก็คือบ้านเดี่ยว ซึ่งเป็นบ้านที่มีอยู่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา (https://bit.ly/2KQ8xDX)
 
แม้ในระยะหลังมานี้จะมีผู้มาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกาลดน้อยถึงราวครึ่งหนึ่งของปี 2560 แต่ก็ยังมีมูลค่ามหาศาล และไม่มีชาติไหนในโลกที่มีคนนิยมซื้อบ้านเพื่อไปอยู่อาศัยเท่าประเทศสหรัฐอเมริกาอีกแล้ว  โดยเฉพาะจีนคงแทบหาคนอยากไปตั้งรกรากหรืออยู่อาศัยในระยะยาวไม่ได้  ทั้งนี้เพราะความน่าเชื่อถือแตกต่างกัน อย่างในจีนมีการโกงลูกค้าบ้านถึงขนาดสร้างสระว่ายน้ำเทียม ด้วยการปูพื้นสีฟ้าเพื่อลวงว่าเป็นสระว่ายน้ำก็มีมาแล้ว (https://bit.ly/2KHHJ8R)
 
ถ้าพูดถึงความ “เขี้ยว” เขาว่าถ้าเจองูกับเจอแขก ต้องต้องตีแขกก่อนตีงู แต่ถ้าเจอนายทุนพันธุ์คอมมิวนิสต์จีน อาจต้องตีจีนก่อน (ฮา)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
793
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
710
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
641
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
522
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
441
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
421
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด