โอกาส หน้าที่และเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้นนั้น จะทำให้ดีได้นั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นกับวิสัยทัศน์ที่คุณมี และหากคุณมีวิสัยทัศน์น้อย ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้ว เพราะไม่มีใครให้ยกระดับตัวเองได้ดีไปกว่าคุณแล้ว

นี่เป็น 6 แนวทางที่ช่วยปลดล็อคศักยภาพออกมาได้

1. อย่าไม่เห็นด้วยเพียงลูกเดียว

ภาพจาก freepik

 

เป็นเรื่องง่ายที่ยอมรับความคิดเห็นคนอื่นอย่างนั้นใช่ไหม? เอาจริง ๆ แล้วในจิตสำนึกของพวกเราล้วนแล้วมีการวิเคราะห์ความเสี่ยง-ผลตอบแทนที่ได้รับ ทำให้พวกเราสรุปได้ว่า ไม่ควรเห็นด้วยไปทุก ๆ ครั้ง (โดยเฉพาะเจอกับคนที่เป็นรุ่นพี่ด้วยแล้ว) มากกว่าที่จะท้าทายความคิดของเขาหรือเธอคนนั้น

 

แนวทางก็คือ ลองใช้เวลาพูดคุยกันซักอย่างน้อย 8 นาทีก่อน คุยอะไรก็ได้เป็นการลองเชิง หากมีอะไรสงสัยก็กล่าวไปว่า “ฉันเห็นได้กับมุมนี้นะ แต่นอกจากนั้นพวกเราคิดว่า...”

 

เพียงแค่นี้ทำให้คุณปลดล็อคตัวเองจากความวิตกกังวลไปได้แล้ว

 

ภาพจาก freepik

 

การตั้งคำถามคำถามนั้น อย่างเช่น“นี่เป็นสิ่งที่พวกเราจะทำกันใช่ไหม?” คำว่าใช่ไหมนั้น ทำให้พวกเราเกิดความลังเลขึ้นมา เมื่อคุณรู้ว่าตัวเองตั้งคำถามผิด คุณจะต้องเลิกตั้งคำถามแบบนี้มากจนเสียความมั่นใจซะเอง

 

3. อย่าปล่อยชื่อคุณอยู่ในอันดับท้าย
 

อาจเป็นเรื่องแปลกไปสักหน่อย แต่เชื่อได้เลยว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณสังเกตได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้ความสนใจกับคุณ เมื่อคุณเริ่มแนะนำกับตัวเอง บางทีนั่นทำให้ผู้คนมองคุณว่า เป็นคนสำคัญขึ้นมา

 

ภาพจาก freepik

 

หลายกรณีคุณเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงตรงนี้ ตัวย่างเช่น “ฉันชอบโปรเจ็คใหม่จัง แต่ตอนนี้งานฉันยุ่งทั้งเดือนเลย ฉันจะคิดใหม่หากฉันเริ่มว่างแล้วกันนะ” การพูดแบบนี้ถือเป็นปัญหาที่ทำให้การพูดคุยจืดชืดขึ้นมา

 

 

การนั่งข้างหน้าเด่นอยู่คนเดียวนั้น สังเกตได้ว่าพวกเขามองคุณอย่างไร พวกเขากำลังมองคุณเป็นผู้นำอยู่ เชื่อได้เลย จะต้องวางตัวดีอยู่เสมอเพื่อให้คนอื่นมองว่า คุณมีความเชื่อมั่น

 

ภาพจาก freepik

 

กำจัดคำพูดแบบนี้ออกไป (เว้นแต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ) เป็นเวลา 24 ชั่วโมง การที่พูดขอโทษบ่อยเกินไปไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามนั้น ทำให้เราดูงี่เง่าขึ้นมาทันที เอาจริง ๆ แล้วการขอโทษนั้นเราสามารถเปลี่ยนเป็นคำขอบคุณก็ได้ด้วยการแสดงออกถึงรอยยิ้มออกมา

 

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า 6 แนวทางนี้จะช่วยให้คุณมีความก้าวหน้าในการงานไม่มากก็น้อย
 

ที่มา : www.businessinsider.com