บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    Startups    หน่วยงาน องค์กร ทางด้านเทคโนโลยี
1.8K
2 นาที
7 เมษายน 2563
อัปเดตการรวมกลุ่มสตาร์ทอัพ TCDG กับการรับมือวิกฤตโควิด19
 
จากการตั้งกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล การทำงานด้านดิจิทัล เกี่ยวกับไวรัส COVID19 ที่ชื่อ Thailand COVID19 Digital Group (TCDG) ตอนนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 2,500 กว่าคนแล้ว การเกิดขึ้นของกลุ่มนี้เกิดจากการที่ทุกคนมีเจตนาดี มีไอเดียดี และข้อมูลที่มีมากมายในโลกออนไลน์ แต่ยังไม่มีที่รวมศูนย์ ไม่มีพื้นที่ให้คนมารวมกัน หากมีพื้นที่ที่สามารถมาพูดคุย แลกเปลี่ยน และนำข้อมูลมารวมกัน ผมเชื่อว่าจะสามารถเริ่มต้นอะไรดี ๆ ได้


ภาพจาก bit.ly/3aPIF6b

ในช่วงแรกยังไม่มีการจัดการอะไรมากนักแต่ตอนนี้ได้เริ่มเปิดเป็นห้องย่อย ๆ พยายามดึงคนที่เป็นแกนนำเข้ามาคุย ตอนนี้ก็มีภาครัฐและภาคเอกชนต่าง ๆ เข้ามาช่วยด้วย เราพยายามแบ่งออกเป็นหลาย ๆ เรื่อง เช่น ที่เรากำลังสนใจมากก็คือแอปพลิเคชันในการติดตามผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง การประชาสัมพันธ์ว่าทำอย่างไรให้คนเข้าถึงได้มากขึ้น ตำแหน่งร้านค้าที่ขายหน้ากาก แอลกอออล์ การทำงานระหว่างเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลซึ่งส่วนใหญ่เป็นของรัฐกับการเข้าถึงคนในชุมชน การทำตัวทดสอบ ฯลฯ 
 
ตอนนี้เราเริ่มออกแบบเฟรมเวิร์คขนาดใหญ่ขึ้นในเรื่องของดิจิทัล เช่น หากมีคนเข้ามาในประเทศเมื่อเจอ ตม. ใครจะเป็นคนเก็บข้อมูล จะมีเรื่องของ AOT มี NECTEC เข้ามา มีสตาร์ทอัพของไทยมาช่วยทำระบบการวิเคราะห์ มีเรื่องของ big data ฯลฯ


ภาพจาก bit.ly/2VewDNg
 
อย่างที่ผ่านมามีการเปิดตัวแอปพลิเคชันแผนที่ซึ่งระบุตำแหน่งว่ามีคนติดเชื้อโควิด-19 ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องดี แต่ผมก็แอบกังวลใจในเรื่องของการนำข้อมูลว่ามาจากไหน และหากข้อมูลไม่แม่นยำจริงอาจสร้างผลกระทบต่อบุคคลหรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องได้ เช่น ร้านหรือสถานที่นั้นๆ เจ๊งได้เลย 
 
อยากฝากทุกคนไว้ว่า หากจะทำแอปในลักษณะนี้ต้องให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ใช้ต้องเป็นข้อมูลที่ official จริง ๆ หรือควรเป็นข้อมูลที่ได้มาจากภาครัฐ การจะระบุตำแหน่งบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องระบุลึกจนเกินไป อาจจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ ต้องมีความเห็นใจในเรื่องนี้เช่นกัน เรื่องของ data privacy มีการพูดคุยกันมากทั้งในห้องประชุมของกระทรวงสาธารณสุขหรือในหลาย ๆ ห้องประชุม
 
ถึงวันนี้กลุ่ม TCDG ได้รวมตัวกันทำเฟรมเวิร์คด้านดิจิทัลทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรบ้าง และโดยส่วนตัวเฟรมเวิร์คที่ผมเคยเล่าไปบ้างแล้วเมื่อบทความก่อนขณะนี้ดูว่าจะเริ่มเดินหน้าแล้ว คือมีแอปพลิเคชันของ AOT ที่เริ่มติดตามนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยให้มีการกรอกข้อมูลลงมาในแอป AOT เพื่อที่จะได้ทำการติดตามบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้
 
สำหรับแอปพลิเคชัน AOT นี้สามารถระบุตำแหน่งที่นั่งบนเครื่องบินของบุคคลได้ และหากคนคนนี้มีการติดเชื้อโรคขึ้นมาก็สามารถวิเคราะห์ย้อนกลับได้ว่า เขามาโดยสายการบินใด นั่งตรงไหน มีใครอยู่รอบตัวเขา และมีใครอยู่ในลำนั้นบ้าง จุดนี้อาจดูเหมือนเป็นการไปละเมิดสิทธิ์ แต่จะมีการขอให้ยินยอมแจ้งข้อมูลไว้ก่อนแล้ว


ภาพจาก bit.ly/2JKGULF
 
ผมว่าประเทศไทยเราเป็นประเทศแรก ๆ ที่มีการเอาระบบติดตามผู้ป่วยในลักษณะนี้ ยกเว้นประเทศจีนที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำมาก คนอยู่ที่ไหนเขาจะรู้หมดอยู่แล้ว ตอนนี้เริ่มมีการพูดคุยกันถึงการนำข้อมูลจากโอเปอเรเตอร์มาใช้ เราจะได้ข้อมูลของคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 
 
แม้ว่าจะมีการให้คนกลุ่มเสี่ยงต้องลงแอปพลิเคชันไว้ก่อนแล้วก็จริง แต่การลงแอปพลิเคชันก็มีขั้นตอนพอสมควร แต่อีกวิธีหนึ่งคือ การรู้เบอร์โทรศัพท์เขาและได้รับความร่วมมือจากโอเปอเรเตอร์ เราจะสามารถติดตามคนเหล่านั้นได้ไม่ยากเลย ตรงนี้ในกลุ่มเราได้เริ่มพูดคุยกันและพยายามตั้งคณะทำงานเพื่อผลักดันเครื่องมือตัวนี้ให้ออกมาได้โดยเร็วที่สุด วิธีการนี้มีข้อดีอีกอย่างก็คือแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แต่ก็ยังสามารถติดตามได้ โดยเช็กจากเลขที่บัตรประชาชนหรือหมายเลขพาสปอร์ตที่ใช้ในการยืนยันตัวตนนั่นเอง
 
ผมว่านี่เป็นเรื่องดีที่หลายคนได้เริ่มทำอะไรบางอย่างแล้ว ตอนนี้ภายในกลุ่มเองมีคนเพิ่มจำนวนเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ เรากำลังเริ่มแบ่งกลุ่มออกเป็น project base พยายามโปรโมตลีดเดอร์ในแต่ละเรื่องขึ้นมา เช่น ระบบติดตาม การจัดการเรื่องหน้ากาก ฯลฯ และให้ช่วยดูแลกันเอง โดยให้ลีดเดอร์แต่ละกลุ่มมาคุยกัน ทั้งหมดผมเชื่อว่าทุกคนที่มาล้วนมีความตั้งใจที่ดีที่อยากมาช่วยกันเพื่อประเทศของเราครับ
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
424
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด