บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ไอเดียธุรกิจ
3.4K
2 นาที
2 ตุลาคม 2563
7 วิธีลงทุนธุรกิจ “ตู้หยอดเหรียญ” พารวยได้!


 
หนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจคือ “บริการตู้หยอดเหรียญ” ที่ทุกวันนี้มีให้เห็นหลายแบบทั้งตู้เติมน้ำ , ตู้เติมเงินโทรศัพท์ , ตู้เติมน้ำมัน รวมถึงบริการซักผ้าแบบหยอดเหรียญต่างๆ ด้วย คำถามคือ “ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ” จะทำให้เรารวย หรือมีเงินใช้ได้จริงหรือ?

ทั้งนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าทุกอย่างต้องมีเคล็ดลับ หากจับจุดถูก เลือกวิธีลงทุนที่ถูกต้องอาจทำให้เรามีรายได้แบบเสือนอนกินหรือมีเงินหมุนเวียนได้มากขึ้น
 
1. ต้องเลือกทำเลที่เหมาะสม


 
เริ่มต้นกันที่ “ทำเล” เหมือนเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นตู้ที่มีประสิทธิภาพสูงขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีคนมาใช้บริการมันก็หมดความหมาย หลายคนเลือกทำเลที่ผิดพลาด อาศัยแค่คิดว่าเดี๋ยวก็มีคนมาใช้บริการ ซึ่งอาจจะนานๆทีแบบนี้คงไม่คุ้มค่าการลงทุนแน่ ยกตัวอย่างการลงทุนของบางคนที่ทำเป็นอาชีพหลักอาจต้องลงทุนขั้นต่ำที่ 10 ตู้บางคนมากถึง 40 ตู้
 
ฉะนั้นทำเลเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเป็นตู้เดิมเติมเงินมือถือ ทำเลที่ตั้งนอกจากจะอิงแหล่งชุมชนแล้ว ต้องอิงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เติมเงินครั้งละไม่มากแต่บ่อยครั้งต่อวัน ส่วนโอกาสทำเลในอนาคตขยายตามขอบชุมชนเมือง ไปตามอสังหาริมทรัพย์ที่โต แม้แต่ชุมชนโรงงาน
 
2. ศึกษารูปแบบการลงทุน


 
ปัจจุบันเรามีผู้ให้บริการ “ตู้หยอดเหรียญ” จำนวนมากทั้งแบบที่เป็นแฟรนไชส์และไม่ใช่แฟรนไชส์ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีเงื่อนไข สัญญาที่แตกต่างกัน เราควรศึกษาเรื่องนี้ให้เข้าใจชัดเจน ส่วนใหญ่แนะนำให้เริ่มจาก 1-2 ตู้และทยอยเพิ่มขึ้น มีสถิติที่น่าสนใจว่าผู้ที่ไม่ทำอาชีพอื่นเลย จะลงทุนเฉลี่ย 10 ตู้และบริหารตู้อย่างเดียว การบริหารคือเข้าทำความสะอาด และเก็บเงิน แบ่งเวลาในการเข้าไปดูแล การสร้างรายได้จากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ขึ้นอยู่กับทำเล
 
รายได้ต่อเดือนต่อตู้ที่ 4,000 บาท สูงสุด 15,000 บาทต่อตู้ต่อเดือน ถ้าพลาดอาจต่ำกว่า 4,000 บาท แต่ก็สามารถเคลื่อนย้ายหาทำเลใหม่ได้ ตู้น้ำดื่มมาร์จิ้นสูง ราคาขายน้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญเฉลี่ยทุกแบรนด์ลิตรละ 1 บาท ต้นทุนน้ำ ไฟ 8 สตางค์ (ถ้ารายได้ 10,000 บาทต้นทุนก็ 800 บาทเท่านั้น กำไร 9,200 บาท)
 
3. กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของ “ตู้หยอดเหรียญ”

 
ก่อนลงทุน “ตู้หยอดเหรียญ” ใดๆ ต้องดูว่าตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าในพื้นที่หรือไม่ เช่น ตู้น้ำ ต้องตอบโจทย์การจัดการน้ำ มีความสะอาด การดูแลรักษา บำรุง และการทำความสะอาดตู้ภายนอก ตู้เติมเงินมือถือต้องสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นได้รวดเร็ว เช่น กระบวนการเติมเงินได้ภายใน 20 วินาที จากที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 1-2 นาที ถึงจบกระบวนการ
 
4. การบริหารจัดการเหรียญ
 
เพราะเหรียญเป็นเงินที่มีน้ำหนักการไขเหรียญเป็นภาระที่ผู้ประกอบการต้องสนใจ อาจต้องลงทุนกับการคัดแยกเหรียญให้กับธนาคารหรือกลุ่มแม่ค้า สำหรับตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ 1 ใบ จะใส่เหรียญบาทได้อย่างต่ำ 5,000 เหรียญ ถ้าเหรียญ 10 เป็น 10,000 เหรียญ ขึ้นกับชนิด และขนาดความจุของตู้
 
5. ส่งเสริมการตลาดออนไลน์ร่วมด้วย


 
ไม่ใช่ว่าเรามีตู้หยอดเหรียญแล้วจะสบายใจไม่คิดทำการตลาดเพิ่ม ด้วยหวังรอให้คนมาเห็นและใช้บริการเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญคือเราต้อง “กระตุ้น” ให้คนอยากมาใช้บริการ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามี “ตู้บริการ” หรือบางทีก็รู้ว่ามีแต่คิดว่าไม่จำเป็นและไม่อยากใช้ การตลาดออนไลน์เราต้องสื่อให้เห็นว่าเราคือตู้เกี่ยวกับอะไร สามารถทำอะไรได้บ้าง และลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างไรถ้าแวะเวียนมาใช้บริการที่ตู้หยอดเหรียญแห่งนี้ เราสามารถทำการตลาดได้หลายแบบทั้งการแจกใบปลิว การรีวิว การอัดคลิปวิธีการใช้ เป็นต้น
 
6. ศึกษาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้
 
ตู้หยอดเหรียญถือเป็นนวัตกรรมที่มีการพัฒนาต่อเนื่องอนาคตข้างหน้าตู้หยอดเหรียญแบบที่เราคุ้นเคยกำลังจะเปลี่ยนหน้าตาไป ด้วยเทคโนโลยีแห่งยุคสมัยอย่าง AI และ Machine Learning สินค้าก็คงยังอยู่ในตู้ แต่จะสั่งซื้อจากที่ไหนก็ได้ทุกที่ทุกเวลา ในฐานะที่เราอยากลงทุนด้านนี้ต้องศึกษาแนวทางและหาวิธีการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพเพราะหากยึดติดอยู่กับเทคโนโลยีเดิมๆ ฟังก์ชั่นเดิมๆ ไม่มีการอัพเดท คนส่วนใหญ่จะแห่ไปใช้บริการตู้ที่ใหม่กว่า ทันสมัยมากกว่า สุดท้ายการลงทุนของเราก็อาจจะล้มเหลวได้
 
7. พัฒนาตัวเองไปสู่การขายแฟรนไชส์


 
หากคิดจะสร้างรายได้จากเรื่องนี้แท้จริงควรหาโอกาสพัฒนาสร้างนวัตกรรมของตัวเองและขายในระบบแฟรนไชส์จะมีโอกาสรวยเร็วมากขึ้น โดยส่วนมากการจะทำเป็นธุรกิจแฟรนไชส์เราต้องวางระบบการบริหารจัดการให้ชัดเจน มีทีมงานที่มีคุณภาพ มีตู้หยอดเหรียญในแบบของเราเอง สำคัญประการต่อมาคือการทำสัญญาและเงื่อนไขกับผู้ลงทุนโดยทั่วไปการทำธุรกิจเครื่องหยอดเหรียญต้องจ่ายส่วนแบ่งให้กับเจ้าของเครื่อง (ในกรณีเช่าเครื่องหรือซื้อแฟรนไชส์) ซึ่งจะต้องมีการทำสัญญาร่วมกันระหว่างเจ้าของเครื่องและผู้ลงทุน (ผู้ซื้อ/เช่าเครื่อง) อัตราที่เหมาะสมคือค่าคอมมิชชั่นประมาณ 10-20% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนและขนาดของเครื่อง
 
ในฐานะเจ้าของเครื่องต้องปฏิบัติตามสัญญาในการจัดทำงบการขาย และค่าคอมมิชชั่นให้กับเจ้าของธุรกิจ/ทรัพย์สิน ในสัญญาควรระบุ ประเภทของเครื่องและผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย ความยาวของสัญญา ข้อกำหนดในการยกเลิกสัญญา เนื่องจากผิดสัญญาหรือไม่สามารถทำกำไรได้ ความพิเศษถ้ามี สิทธิในการเปลี่ยนเพิ่มหรือลดจำนวนเครื่องจักร และควรมีการร่างสัญญาหรือทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฏหมายด้วย
 
ทั้งนี้การลงทุนตู้หยอดเหรียญเป็นอีกแนวทางการสร้างรายได้ที่น่าสนใจ แต่ก็มีหลายสิ่งที่ต้องพึงระวังเช่นการใช้งานที่ไม่ถูกวิธีของคนจำนวนมาก จึงต้องมีการบำรุงรักษาที่ดี หรือการซ่อมแซมและทำให้เครื่องดูใหม่ตลอดเวลา การป้องกันไม่ให้เครื่องถูกขโมย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือมาตรการที่เราต้องคิดและทำให้เป็นรูปร่างชัดเจนเพื่อโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจสมกับที่ตั้งใจไว้
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://www.thaifranchisecenter.com/document/
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
ขอบคุณข้อมูล
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
793
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
710
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
641
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
522
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
441
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
421
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด