บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
11K
3 นาที
5 พฤษภาคม 2564
7 เทคนิคการตั้งชื่อร้านให้ประสบผลสำเร็จ
 

เมื่อคุณกำลังคิดที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจไม่ว่าจะ ค้าขาย เปิดร้าน เปิดสำนักงาน สิ่งหนึ่งที่สำคัญ และไม่ควรมองข้ามไปก็คือ การตั้งชื่อร้าน แต่ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะเลือกตั้งชื่อร้านอะไรดี เราได้แนะนำเทคนิคเบื้องต้นไว้ให้แล้ว เพราะการตั้งชื่อเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจที่คุณกำลังดำเนินอยู่นั้นสัมฤทธิ์ผล ข้อดีของ ชื่อร้าน คือจะทำให้ลูกค้าสามารถจดจำ แล้วทราบได้ทันทีว่าธุรกิจของคุณขายอะไร ลักษณะไหน เมื่อชื่อร้านเป็นที่จดจำ และน่าสนใจแล้วก็จะทำให้ลูกค้านึกถึงร้านของคุณได้ไม่ยาก การตั้งชื่อร้านเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดนั่นเอง  

ทาง www.ThaiFranchiseCenter.com มี 7 เทคนิคการตั้งชื่อร้าน ให้ประสบผลสำเร็จ มาฝากสำหรับคนที่กำลังหาไอเดียตั้งชื่อร้าน หรือธุรกิจของคุณอยู่ในตอนนี้ และสำหรับทุกท่านที่กำลังมองหาแฟรนไชส์เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ สามารถเลือกดูรายละเอียดได้ตามเหมาะสมทาง www.ThaiFranchiseCenter.com หรือเลือกดูตามหมวดหมู่ได้ดังนี้เลย!!
1. ความหมายดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
 

สิ่งแรกที่คุณต้องนึกถึงเมื่อคิดที่จะตั้งชื่อร้านคือ หาชื่อที่มีความหมายที่ดีเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ร้าน ไม่เป็นชื่อที่คำแผลง คำผวน ไม่ใช้คำที่เป็นภาษากำกวม ชื่อที่ดีนั้นมีผลต่อร้านของคุณเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการแสดงจุดยืน ภาพลักษณ์ของร้าน ลูกค้าหลายคนอาจถูกใจความหมายดี ๆ ของชื่อร้านจนนำมาสู่การเลือกซื้อสินค้าและตัดสินใจซื้อในที่สุด แต่ถ้าเป็นชื่อร้านที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นสิริมงคลอาจทำให้ลูกค้าเลือกที่จะไม่เข้าร้านก็คุณเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นหาชื่อร้านที่ความหมายดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วจ้า ยกตัวอย่างการตั้งชื่อชื่อร้านที่มีความหมายดี
  • ร้านเสื้อผ้าผู้ชาย อาจจะตั้งชื่อว่า Alano (อลาโน่) ที่แปลว่า หนุ่มรูปงาม
  • ร้านดอกไม้ อาจจะตั้งชื่อว่า Olivia (โอลิเวีย) ที่แปลว่า สัญลักษณ์แห่งความสงบสุข
2. สะกดง่าย ออกเสียงไม่ยาก
 
ภาพจาก bit.ly/3hfgljR

เมื่อเราได้ชื่อที่ความหมายดี ๆ ตามที่เราต้องการแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรนึกถึงคือ ชื่อนั้นเขียนอย่างไร สะกดยากเกินไปหรือเปล่า แล้วการออกเสียงจะเป็นอุปสรรคต่อลูกค้าหรือไม่ ดังนั้นชื่อร้านที่คุณตั้งควรเป็นชื่อที่สะกดและออกเสียงเรียกได้ไม่ยาก เพราะจะทำให้ลูกค้าจดจำได้รวดเร็วและไม่ลืมง่าย ๆ หากตั้งชื่อร้านที่ยากเกินไปอาจทำให้ลูกค้าไม่กล้าที่จะออกเสียง พอไม่กล้าที่จะออกเสียงเพราะกลัวเรียกชื่อร้านผิด ผลที่ตามมาก็คือลูกค้าจะไม่บอกต่อ ไม่พูดถึงร้านของคุณเนื่องจากชื่อร้านออกเสียงยากต่อการพูดถึง อีกเหตุผลของการตั้งชื่อร้านให้สะกดง่าย ออกเสียงไม่ยาก คือเวลาไปทำธุรกรรม ทำเอกสารติดต่องานการเซ็นสัญญาต่าง ๆ รวมไปถึงทำเว็บไซต์ของร้าน อาจเกิดการผิดพลาดในการสะกดได้ถ้าชื่อร้านของคุณเป็นชื่อที่สะกดและออกเสียงยาก อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ภายหลัง ยกตัวอย่างเช่น
  • ร้านเบเกอรี่สุดน่ารักที่ชื่อว่า พอใจโฮมคาเฟ่ (Porjai Home Cafe)
  • ร้านอาหารชื่อดังที่ใช้ชื่อว่า ครัวดอกไม้ขาว (White Flower Restaurant)
3. ใช้ชื่อไม่ยาว และหลีกเลี่ยงชื่อย่อ
 
ภาพจาก bit.ly/33iGjKO

หลากคนอาจตั้งคำถามว่าทำไมควรหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อย่อ ในเมื่อบริษัท กิจการ ห้างร้านใหญ่ ๆ ก็ใช้ชื่อย่อกันเต็มไปหมด การใช้ชื่อย่อนั้นอาจทำให้ง่ายต่อการโฆษณา และการสื่อสารที่ง่ายขึ้นก็จริง แต่ในบริษัทเล็ก ๆ หรือขนาดกลางนั้น การใช้ชื่อย่อจะทำให้ลูกค้าที่ไม่ทราบว่าคุณทำธุรกิจด้านใด เกี่ยวกับอะไร เพราะต้องยอมรับว่าธุรกิจเล็ก ๆ หรือขนาดกลางนั้นไม่มีกำลังมากพอที่จะไปประกาศ ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าเข้าใจความหมายของชื่อย่อของร้านได้ ดังนั้นแนะนำให้คุณใช้ชื่อเต็มที่ไม่ยาวเกินไปจะดีกว่านะคะ เพื่อให้ลูกค้าจดจำและเข้าใจความหมายได้ไม่ยาก ยกตัวอย่างเช่น
  • ร้านหนังสือสุดอินดี้ในจังหวัดเชียงใหม่ที่ใช้ชื่อร้านสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า ร้านเล่า
  • ร้านที่มีทั้งเบเกอรี่ และเครื่องดื่มรสชาติเยี่ยมที่มีชื่อสุดน่ารักไม่ยาวจนเกินไปว่า A cup a cake
4.โดดเด่น สะดุดตา ตรงกับภาพลักษณ์
 
ภาพจาก bit.ly/3vIsdP7

ชื่อร้านของคุณจะต้องมีความโดดเด่น สะดุดตา เพื่อให้ลูกข้าจดจำได้ง่าย เพราะคุณก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่ามีคู่แข่งจำนวนไม่น้อยที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกับคุณ การทำให้ชื่อร้านโดดเด่น สะดุดตา จะช่วยดึงความสนใจของลูกค้ามาที่ร้านของคุณได้ดีอีกหนึ่งวิธี นอกจากจะโดดเด่น สะดุดตาแล้ว ยังตรงตั้งชื่อร้านให้ตรงกับภาพลักษณ์ หรือคอนเซ็ปต์ของร้านก็จะยิ่งทำให้ลูกค้าจดจำร้านของคุณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
  • ชื่อร้านคาเฟ่แมวของผู้กำกับชื่อดังแห่ง GTH ที่ใช้ชื่อร้านว่า Caturday Cat Café
  • ร้านกาแฟที่ใช้ชื่อสุดเก๋ เรียกไม่ยาก ชื่อร้านว่า ตาสว่างกาแฟสด
5.ไม่ควรซ้ำ หรือใกล้เคียงใคร
 
ภาพจาก bit.ly/2Ru6I5C

ใช่ค่ะชื่อร้านไม่ควรซ้ำ หรือใกล้เคียงกับใคร เพราะชื่อร้านที่เหมือนหรือคล้ายกันนั้นจะทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิด สับสน ลังเลในการที่จะเรียกชื่อร้านก็เป็นได้ เพราะนอกจากสร้างความสับสนให้กับลูกค้าแล้วยังทำให้สร้างปัญหาระหว่างเจ้าของธุรกิจด้วยกันเองอีกด้วย ดังนั้นจะตั้งชื่อร้านก็ควรหาข้อมูล สำรวจดูให้ดีว่าไม่มีคนอื่นใช้อยู่ก่อนแล้ว หากไม่มั่นใจคุณสามารถค้นหาและจองชื่อนิติบุคคล ได้ที่เว็บไซท์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ที่นี่เลย www.dbd.go.th

ยกตัวอย่าง หนึ่งเคสที่หลายคนพูดถึงก็คือ กรณีของนาย Victor Moseley อาศัยที่เมืองอลิซาเบท รัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้ชื่อร้านขายของขวัญสำหรับผู้ใหญ่และชุดชั้นในสตรีของตนว่า Victor's Secret ซึ่งเป็นชื่อที่คล้ายคลึงกับชื่อแบรนด์ชุดชั้นในสตรีชื่อดังของสหรัฐนามว่า Victoria's Secret เป็นอย่างมาก และทางฝ่ายกฏหมายของ Victoria's Secret พบเข้าจึงได้ยื่นหนังสือฟ้องร้านของนายวิคเตอร์ในข้อหาละเมิดชื่อบริษัท แม้เขาจะรีบเปลี่ยนชื่อเป็น Victor's Little Secret ก็ยังโดนฟ้องอยู่ดี
 
6.คิดถึงอนาคต ด้วยไม่ตั้งชื่อแบบเฉพาะ เจาะจง
 
ภาพจาก bit.ly/3b52j0d

เจ้าของธุรกิจบางคนคิดว่าการตั้งชื่อร้านตามทำเลที่ตั้งของร้านจะเป็นวิธีการที่ทำให้ลูกค้าจดจำร้านของคุณได้ง่ายขึ้น แต่ข้อเสียก็มีอยู่ว่าการตั้งชื่อร้านตามสถานที่ตั้งนั้นอาจเป็นข้อจำกัดในอนาคตเมื่อเจ้าของธุรกิจคิดจะขยายสาขาเพิ่ม หรือ ต้องการที่จะเปิดแฟรนไชส์ ทำให้ชื่อร้านที่ตั้งตามทำเลนั้นเป็นปัญหาในอนาคตได้แน่นอน อีกชื่อเฉพาะที่ไม่ควรนำมาตั้งเป็นชื่อร้านคือชื่อเจ้าของธุรกิจนั่นเองจ้า เนื่องจากการนำชื่อของตัวเองมาตั้งชื่อร้านนั้นอาจจะเกิดปัญหาในการจดจำของลูกค้า อีกทั้งชื่อบุคคลยังเป็นชื่อที่ไม่สร้างความดึงดูดใจต่อลูกค้าอีกด้วย และอาจจะเป็นปัญหาหากในอนาคตคุณวางแผนที่จะขยายกิจการ หรือเปิดแฟนไชส์อีกด้วย

ยกตัวอย่าง การตั้งชื่อร้านที่บอกสถานที่เช่น ชื่อร้านว่า บางเขนเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือการตั้งชื่อร้านที่ใช้ชื่อเจ้าของเช่น ชื่อร้านว่า สุวินิตการช่าง การตั้งชื่อแบบนี้จะทำให้เป็นปัญหาอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
 
7.คิดชื่อใช้ง่ายต่อการสร้างโลโก้ร้าน
 

โลโก้ของร้านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญ แล้วการที่จะทำให้โลโก้สวยงามนั้นคือการตั้งชื่อร้านให้สะดุดตา มีความยาวพอดี สามารถดึงดูให้ลูกค้ามาสนใจได้ เนื่องจากโลโก้ทำหน้าที่เดียวกับชื่อร้านที่จะต้องไปอยู่บนป้าย บนนามบัตร บนสินค้า หรือบนบรรจุภัณฑ์ของร้าน

ดังนั้นการตั้งชื่อร้านจึงควรคำนึงด้วยว่าจะเกิดปัญหาต่อการออกแบบโลโก้ร้านหรือไม่ เมื่อได้ ชื่อร้าน ที่ต้องการแล้ว แนะนำให้ลองสอบถามความคิดเห็นเพิ่มเติมจากคนอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน หรือคนใกล้ตัวอื่น ๆ ให้ร่วมพิจารณาชื่อร้านที่คุณตั้งอีกครั้ง อาจเป็นการทดลองออกเสียงชื่อร้านของคุณ ช่วยแสดงความเห็นว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะบางครั้งพวกเขาอาจมองเห็นปัญหาที่คุณอาจมองข้ามไปก็ได้ ถ้าได้ ชื่อร้าน ที่แน่นอนแล้วก็อย่าลืมรีบไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ หรือนำชื่อร้านไปให้ในทางที่ผิด

คุณสามารถเข้าไปดูเรื่องการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ที่นี่เลยจ้า www.ipthailand.go.th
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
500
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด