บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.2K
3 นาที
29 ตุลาคม 2564
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! เปิดประเทศ
 

เป็นที่ชัดเจนว่า 1 พฤศจิกายน 2564 นี้เราจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามคำประกาศของรัฐบาลที่เชื่อมั่นว่าตอนนี้ประเทศมีความพร้อม ด้วยแนวคิดว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ และไม่ใช่แค่ประเทศไทยแต่เริ่มมีบางประเทศที่ตัดสินใจที่จะเปิดประเทศ และหวังว่าจะปรับตัวให้อยู่กับการระบาดของโควิด-19 ให้ได้เช่นเดียวกัน
 
www.ThaiFranchiseCenter.com เห็นว่าเรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ส่วนข้อไหนจะมีมากกว่ากันก็ขึ้นอยู่กับว่าหลังเปิดประเทศเราจะควบคุมปัจจัยที่มากระทบได้มากแค่ไหน ถ้าคิดในแง่บวกเศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งก็หวังว่าจะไม่มีปัจจัยด้านลบเพิ่มเข้ามา ซึ่งหากถึงจุดนั้นเราอาจต้องกลับไปล็อคดาวอีกครั้งซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นแต่กว่าจะถึงจุดนั้นสิ่งที่เราควรรู้ตอนนี้คือข้อเท็จจริงที่เราจะเปิดประเทศ ซึ่งเชื่อว่ามีอีกหลายเรื่องที่คนยังไม่รู้
 
1.รับนักท่องเที่ยวจาก 46 ประเทศโดยไม่ต้องกักตัว
 

ภาพจาก https://citly.me/5Kr16

กระทรวงการต่างประเทศประกาศแจ้งรายชื่อ 46 ประเทศและพื้นที่ต้นทางเดินทางเข้าไทยไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยแยกเป็นโซนทวีปต่างๆ เช่น เอเชียแปซิฟิก 11 ประเทศ เช่น กัมพูชา , เกาหลีใต้ , จีน , ญี่ปุ่น , นิวซีแลนด์ , บรูไน , ภูฏาน , มาเลเซีย , สิงคโปร์ , ออสเตรเลีย , ฮ่องกง โซนตะวันออกกลางได้แก่ กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย ,บาห์เรน , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ , อิสราเอล นอกจากนี้ยังมีโซนจากทวีปยุโรปอีก 27 ประเทศ และ จากโซนอเมริกาอีก 3 ประเทศ
 
2.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวในกรุงเทพฯและอีก 16 จังหวัด

นายกรัฐมนตรีลงนามเซ็นยกเลิกเคอร์ฟิวกรุงเทพฯ และอีก 16 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว มีผลตั้งแต่ 23.00 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม 2564 โดยจังหวัดที่ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว เช่น กรุงเทพมหานคร , กระบี่ , พังงา , ภูเก็ต ฯลฯ แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่าการยกเลิกเคอร์ฟิวในหลายจังหวัดไม่ได้ครอบคลุมทั้งจังหวัด เช่นที่ชลบุรี ยกเลิกเฉพาะอ.บางละมุง , เมืองพัทยา , ศรีราชา, เกาะสีชัง , ต.นาจอมเทียน , ต.บางเสร่ เป็นต้น
 
3.ประเทศไทยคือ 1 ใน 5 ชาติที่มีการเปิดประเทศ

โดยอีก 4 ประเทศเช่น เดนมาร์กที่ยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิดตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน นอกจากนี้ยังมีสิงคโปร์ที่ได้ประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่าเตรียมแผนให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้โดยจะควบคุมการระบาดด้วยวัคซีน รวมถึง ชิลีที่ประชากรเกือบ 87 เปอร์เซ็นต์ได้รับวัคซีนครบโดส และเดินหน้าเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม รวมถึงแอฟริกาใต้เที่ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด
 
4.เงื่อนไข เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของประเทศไทย


ภาพจาก https://citly.me/9Ce0o

ต้องเป็นคนที่มาจากประเทศที่กำหนดว่าเป็น “ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ” เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา เป็นต้น , ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว , ต้องแสดงหลักฐานว่าตนปลอดเชื้อโควิด-19 เช่น ผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ โดยต้องทำการตรวจจากประเทศต้นทาง และตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย
 
5.เอกสารที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมีก่อนเข้าประเทศ

นักท่องเที่ยวต้องมีเอกสารประกบอการเดินทาง คือ หนังสือรับรองให้เข้าประเทศ หรือ COE หรือ หลักฐานการลงทะเบียนเข้าประเทศ ตามที่ได้มีการกำหนดไว้ และ เอกสารรับรองการตรวจหาเชื้อ ว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 72 ชม. กรณีที่เป็นผู้ที่หายป่วยแล้ว ให้มีนำใบรับรองแพทย์ที่มีระบุว่า เป็นผู้ที่เคยติดเชื้อและรักษาหายแล้ว อายุไม่เกิน 3 เดือน

นอกจากนี้ยังต้องมีหลักฐานการชำระค่าที่พัก อย่างน้อย 1 วัน , ค่าตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ในโรงแรมหรือที่พักที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือสถานที่กักตัวตามที่ทางราชการกำหนดรวมถึงต้องมีกรมธรรม์ประกันภัย วงเงินไม่น้อยกว่า 5 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ ยกเว้นกรณีของผู้ที่มีสัญชาติไทย และมีสิทธิการรักษาตามที่กฎหมายระบุไว้
 
6.ขั้นตอนที่ต้องทำเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย

เริ่มจากจะมีการตรวจตรวจคัดกรอง โควิด-19 เบื้องต้น จากนั้นให้ยื่นเอกสาร/หลักฐานต่าง ๆ ต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคที่ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ เสร็จแล้วให้เดินทางไปยังโรงแรม/ที่พัก สถานที่กักตัว หรือ โรงพยาบาลตามที่กำหนดไว้ แล้วแต่กรณี เพื่อทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง ด้วยยานพาหนะที่ระบุไว้ โดยไม่มีการหยุดแวะพัก และระหว่างรอผลตรวจ RT-PCR ห้ามเดินทางออกนอกที่พัก โรงแรม หรือสถานที่ที่กำหนดไว้
 
7.เตรียมทุ่มงบ 100 ล้านจ้างศิลปินระดับโลกโปรโมทท่องเที่ยวไทย

กระแสหนึ่งที่พูดถึงเป็นวงกว้างคือการที่รัฐบาประกาศจะทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาทจ้าง ลิซ่า แบล็กพิงก์ และ แอนเดรีย โบเชลลี มาร่วมงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า แต่แนวคิดของรัฐบาลก็ให้เหตุผลว่าต้องการกระตุ้นให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคัก เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั่วประเทศ ซึ่งในตอนแรกมั่นใจว่าไม่มีปัญหา แต่ทางค่ายต้นสังกัดของลิซ่าได้ติดต่อกลับมาภายหลังว่าไม่สะดวกมาเข้าร่วมงานนี้เพราะมีตารางงานไม่ว่าง แผนที่ตั้งใจไว้จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมาดูกันว่าแผนสำรองที่มีจะเป็นอะไร หรือจะเลือกไม่ใช้งบในการโปรโมทนี้
 
8.เที่ยวเมืองไทย “กลับไปต้องกักตัว”
 

ภาพจาก https://citly.me/TuhbO

ความกังวลหนึ่งในการเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายนนี้ ยอดนักท่องเที่ยวอาจไม่สูงตามที่คาดเหตุเพราะหลายประเทศประกาศว่าหากเดินทางมาเมืองไทยก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศต้อง “กักตัว” ก่อน ยกตัวอย่างออสเตรเลียที่ประกาศว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเมืองไทยกลับไปต้องกักตัว 14 วัน หรือ บาห์เรน

แม้ไม่ได้กำหนดไทยเป็นพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ห้ามเดินทาง แต่ระบุว่า พลเมืองที่วางแผนจะเดินทางไปต่างประเทศ ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการเข้าประเทศและข้อกำหนดของประเทศนั้น ๆ และเมื่อกลับมาต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภาคบังคับ

หรืออย่างญี่ปุ่นที่ระบุว่าชาวญี่ปุ่นที่เดินทางกลับประเทศไทยจะต้องส่งเอกสารผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่น จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้งด้วย จากนั้นจะต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และงดเว้นจากการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ 14 วัน เป็นต้น
 
9.คาดการณ์ตัวเลขที่ได้จากการ “เปิดประเทศ”

ประมาณการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น 5 เดือนข้างหน้า ตั้งแต่ พ.ย.2564-มี.ค.2565 จำนวน 1.1 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 1 แสนล้านบาท คาดการณ์ว่าปี 2564 ประเทศไทยจะมีรายได้รวมการท่องเที่ยวประมาณ 3.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 6 หมื่นล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ล้านคน

แนวโน้มตัวเลขนี้ยังเป็นไปได้ โดยเพิ่มจากคาดการณ์เดิมซึ่งอยู่ที่ 1 แสนคน และคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้จ่ายราว 60,000 บาทต่อคนต่อทริป ส่วนรายได้จากตลาดในประเทศคาดมี 3.2 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทยจำนวน 60 ล้านคน-ครั้ง ใช้จ่ายคนละประมาณ 4,000 บาทต่อคนต่อทริป
 
10.เปิดประเทศจริง แต่เศรษฐกิจอาจยังไม่ฟื้น

อย่างไรก็ตาม การเปิดรับนักท่องเที่ยวอาจต้องเจออุปสรรค เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการหรือนโยบายของประเทศต้นทางเป็นสำคัญ เช่น นักท่องเที่ยวจีน ที่มีสัดส่วนสูงเกือบ 28% ของภาคท่องเที่ยวไทยยังคงอยู่ใต้มาตรการคุมเข้ม ประชาชนยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่วนนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ และยุโรป ยังคงได้รับคำเตือนจากภาครัฐให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาไทยเนื่องจากเป็นพื้นที่การระบาดที่ยังมีความเสี่ยงสูง

ผลสำรวจจากวิจัยของกรุงศรีคาดเอาไว้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีเพียง 150,000 คน และ 2,500,000 คน ในปี 2564 และปี 2565 ตามลำดับ แม้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาได้เพิ่มขึ้น แต่กิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้อาจจะยังไม่มากพอ ด้วยความกังวลหลายประการ ดังนั้นคาดการณ์เบื้องต้นคือประเทศอาจมีรายได้เพิ่มขึ้นจริง แต่ไม่ถึงขั้นที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ทันที
 
การเปิดประเทศเข้าใจเหตุผลว่าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นเพราะเมืองไทยรายได้หลักส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว หากดูจากสถิติจะพบว่าเมื่อปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ภาคท่องเที่ยวไทยนั้นโดดเด่นอย่างมาก มีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศ 3 ล้านล้านบาท ครองสัดส่วนราว 18% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี

เมื่อเจาะเฉพาะฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติพบว่าเดินทางเข้าไทยมากเกือบ 40 ล้านคน สร้างรายได้ 1.91 ล้านล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศมี 172 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.08 ล้านล้านบาท แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดโควิดรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2563 ลดฮวบลงมาอยู่ที่ 8.15 แสนล้านบาท ติดลบ 73%

ส่วนรายได้จากตลาดในประเทศมี 4.82 แสนล้านบาท ลดลง 55% จากจำนวนนักท่องเที่ยวไทย 90 ล้านคน-ครั้ง ลดลง 48% สุดท้ายเราก็หวังว่าการเปิดประเทศครั้งนี้จะเป็นการสร้างประโยชน์ได้อย่างแท้จริง เพราะหากไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง สถานการณ์ที่คาดว่าจะดีอาจกลับมาเลวร้ายอีกครั้งก็ได้
 
ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
จับเทรนด์ยุคใหม่ เลิกกลัว AI แย่งงาน แต่ให้กลัวค..
2,811
รวมธุรกิจเสือลำบาก ปี 2567/2024 โหดจัด ไปไม่รอด!
1,441
โหดจัด! ฟาสต์ฟู้ดจีน ไล่แซงแบรนด์ตะวันตก
743
เศรษฐกิจทรุดครึ่งปี! เลิกจ้างงานนับหมื่น บริษัทฯ..
663
รวมวิธีคิดเหนือชั้นทำให้รู้ว่า “ธุรกิจติดตลาด” ห..
582
10 ไอเดียแคมเปญโปรโมชั่น ร้านอาหาร เพิ่มยอดขาย ฉ..
517
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด