บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางการเงิน
2.0K
2 นาที
5 พฤศจิกายน 2564
คนไทยต้องรู้ รายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI) Universal Basic Income นโยบายแจกเงินให้เปล่าทุกเดือน
 

เรื่องการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในประเทศดูจะเป็นวาระแห่งชาติที่มีการพูดถึงกันมานานแสนนาน แนวคิดขัดแย้งต่างๆก็มีมากถึงขนาดที่หลายคนยกเอากรณีของต่างประเทศมาเปรียบเทียบกับคุณภาพชีวิตคนไทย โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการแห่งรัฐที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าประเทศไทยยังทำได้ไม่ดีพอ ยิ่งมาเกิดภาวการณ์แพร่ระบาดโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้ แนวคิดเรื่องรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI) Universal Basic Income หรือนโยบายแจกเงินเปล่าให้ประชาชนทุกเดือนอย่างถ้วนหน้าแบบไม่มีเงื่อนไขเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากขึ้น

แต่ www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่านโยบายนี้อาจถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการหาเสียงหากมีการเลือกตั้งในอนาคต แต่เอาเข้าจริงๆ นโยบายนี้ก็ต้องผ่านการศึกษาอีกมาก แม้ในบางประเทศจะเริ่มทดลองใช้นโยบายบ้างแล้ว แต่ข้อก็ยังไม่การันตีว่าจะเป็นนโยบายที่ใช้ได้จริง เพราะมีคำถามตามมามากมายว่า รัฐจะจัดหารายได้จากไหนเอามาจ่ายเงินส่วนนี้ และการจ่ายเงินเปล่าให้ทุกเดือนแบบนี้จะทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้นได้จริงหรือ?
 
ทำไมรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI) ถึงนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง?
 
ภาพจาก https://bit.ly/3ESzWil

แนวคิดและนโยบายสวัสดิการรายได้พื้นฐานถ้วนหน้าไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นใหม่แต่แนวคิดนี้มีมานานแล้ว แต่เพราะวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกและการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้แนวคิดนี้ถูกกลับมาพูดถึงในวงกว้าง จากเดิมที่มอง UBI ว่าเป็นนโยบายแก้ปัญหาเรื้อรังระยะยาว เช่นความยากจนและความเหลื่อมล้ำเท่านั้น แต่สหประชาชาติออกมาเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เร่งพิจารณาใช้ UBI ซึ่งรัฐบาลสเปนได้ผ่านโครงการ UBI ออกมาในช่วงกลางปี 2020 ซึ่งเร็วมาก และกำลังจะเป็นหนึ่งในโครงการ UBI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือจ่ายเงินเดือนละประมาณ 400-1,000 ยูโรให้คนในประเทศมากถึง850,000 คน
 
เอาอะไรเป็นเกณฑ์ว่าต่อเดือนควรจ่ายเงินเท่าไหร่
 

ภาพจาก www.freepik.com

รายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI )คือการให้เงินรายเดือนแก่ประชาชนทุกคน โดยไม่มีเงื่อนไข เงินก้อนนี้มีค่าสูงกว่าเส้นความยากจน หรือระดับรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพในประเทศนั้นๆ เป็นรายได้ที่ทำให้คนๆ หนึ่งสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่เงินดังกล่าวไม่มากพอที่จะทำให้รวยโดยไม่ต้องทำงาน ซึ่งธนาคารโลกเคยประเมินว่าคนไทย 6.7 ล้านคน หรือราว 10% ของประชากร มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน (poverty line) ซึ่งกลุ่มนี้มีรายได้ขั้นต่ำอยู่ประมาณ 2,763 บาท/คน/เดือน 
 
เท่ากับว่าถ้าประเมินจากเรื่องนี้ การจ่ายเงินแบบรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI) ก็น่าจะประมาณคนละ 3,000 บาท/คน/เดือน อย่างไรก็ดีในทางกลับกันรายได้พื้นฐานถ้วนหน้าคือการให้เงินแก่ประชาชนไปทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องแจ้งหรือใช้คืนให้รัฐ นั่นหมายความว่า รัฐให้อิสรภาพแก่ประชาชนในระดับที่เพียงพอให้แต่ละคนแก้ไขปัญหาและใช้ชีวิตตามความฝันของตนเอง

เช่น ในเยอรมัน 3 ใน 4 ของผู้มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ เลือกที่จะรับเงินสดมากกว่าส่งเด็กหรือผู้สูงอายุไปอยู่ในความดูแลของพี่เลี้ยงหรือพยาบาล เพราะคนในครอบครัวสามารถดูแลเองได้ การให้เงินรายเดือนไปจัดการเองทำให้ประชาชนเอาเงินไปซื้ออาหารและของใช้จำเป็นสำหรับคนกลุ่มนี้แทน การแจกเงินจึงมีความยืดหยุ่นและแก้ปัญหาได้ตรงจุดกว่า
 
UBI เป็นนโยบายสวัสดิการที่ใครก็อยากได้ แต่ความจริงแล้วทำได้ยาก!


ภาพจาก www.freepik.com

เพราะการสรรหาเงินมาจ่ายนั้นมีจำนวนที่สูงมากพอนโยบายต้องใช้เงินมหาศาล สังคมก็จะกังวลว่านโยบาย UBI ต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง รัฐต้องขึ้นภาษีหรือเปล่า รัฐต้องไปตัดงบประมาณส่วนอื่นหรือเปล่า ต้องตัดสวัสดิการที่ประชาชนเคยได้หรือเปล่า และอีกหลายประเทศมองว่าแนวคิดแบบ UBI ไม่เหมาะสมเพราะคนเราไม่ควรงอมืองอเท้ารอรับเงินจากรัฐ ต่ควรต้องขวนขวายด้วยตัวเอง แล้วมองความยากจนว่าความผิดของปัจเจกเอง ไม่ใช่เป็นผลจากสิ่งแวดล้อมและสังคม
 
นอกจากนี้คนที่ไม่เห็นด้วยยังมองว่านโยบายนี้อาจทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น คนทำงานน้อยลง รวมถึงอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้อีกด้วย
 
มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะเกิด รายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI) ในประเทศไทย?
 

ภาพจาก www.freepik.com

นโยบายรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI) ยังไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่เชื่อว่านโยบายนี้จะเป็นจริงได้หากเรามีระบบการเมืองที่แข็งแรงพอพรรคการเมืองร่วมกันผลักดันอย่างจริงจัง และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ต่อต้านอุปสรรคหลักน่าจะมาจากชนชั้นนำในภาคธุรกิจและราชการ เพราะการจัดหางบประมาณที่อาจนำไปสู่การเพิ่มภาษี ซึ่งก็จะกระทบคนรวย หรืออาจต้องตัดงบประมาณส่วนอื่นๆ ซึ่งก็จะกระทบราชการ

นอกจากนี้หากต้องการให้เกิดนโยบายนี้เกิดขึ้นในประเทศต้องทำให้คนมองว่าเป็นสวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับพลเมืองทุกคน ต้องพยายามไม่ตั้งเงื่อนไขในการรับสวัสดิการ เหมือนกับสวัสดิการอื่นๆที่มี เช่น โครงการคนละครึ่งที่มีกำหนดเวลาในการใช้จ่าย กำหนดยอดเงินใช้ขั้นต่ำต่อวัน , หรือสวัสดิการค่าเลี้ยงดูบุตรที่กำหนดอายุขั้นต่ำ จำนวนบุตร เป็นต้น

ซึ่งการตั้งเงื่อนไขแบบนี้จะทำให้นโยบายเสียภาพความเป็นสิทธิ เพราะถ้าอะไรเป็นสิทธิ คนย่อมต้องได้เท่าเทียมกันโดยไม่มีเงื่อนไข
 

ภาพจาก www.freepik.com
 
สิ่งที่ยังกังวลตามมาอีกก็คือถ้าเรามีเงินเข้ามาง่ายๆ ในทุกเดือนโดยไม่ต้องทำงานจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมอะไรบ้างมีผลการศึกษานโยบายนี้จากประเทศเคนยาที่ระบุว่าถ้าจ่ายเงินน้อยแต่ถี่ คนจะนำเงินไปซื้ออาหารเพราะเงินก้อนไม่ใหญ่พอซื้อสิ่งของขนาดใหญ่ แต่ถ้าจ่ายเงินไม่ถี่แต่จ่ายก้อนใหญ่ คนจะนำเงินไปซื้อสินค้าคงทนต่างๆ และสิ่งของเครื่องใช้ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตได้

ในบางประเทศผลการศึกษาบอกว่าคนใช้เงิน UBI ไปซื้ออุปกรณ์ทำไร่ทำนา บางประเทศที่คนต้องย้ายถิ่นฐานเพื่อหาที่เพาะปลูกพืชใหม่เรื่อยๆ ตามสภาพอากาศ เงินจากโครงการ UBI ช่วยให้เขาไม่ต้องย้ายถิ่นฐานทุกปี ช่วยให้เขารอเพาะปลูกในพื้นที่เดิมในปีหน้าได้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการย้ายไปที่ใหม่ได้ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าคนแต่ละพื้นที่ใช้เงิน UBI เพื่อตอบโจทย์ชีวิตตัวเอง ซึ่งหลากหลายเกินกว่าที่ผู้วางนโยบายจะคิดแทนได้หมด
 
สำหรับประเทศไทยก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างจากต่างประเทศถ้ามีนโยบายแบบ UBI เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยแต่แนวคิดนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้นโดยเฉพาะหากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนและปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยที่ดูเป็นเรื่องควรแก้ไขเร่งด่วนยิ่งกว่า
 
ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
605
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
496
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
418
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด