บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.2K
2 นาที
18 สิงหาคม 2565
5 เรื่องที่ควรรู้! ก่อนคิดเปิดร้าน “กาแฟสด”
 

ไม่ว่าจะยุคไหนถ้าพูดถึงธุรกิจยอดฮิตต้องมีชื่อของ “ร้านกาแฟ” รวมอยู่ด้วย นี่คือธุรกิจที่คนสนใจลงทุนอย่างมาก เข้าตำราคนยิ่งดื่ม ธุรกิจยิ่งโต มูลค่าการตลาดรวมกว่า 60,000 ล้านบาท (รวมตลาดกาแฟสำเร็จรูป) ซึ่งหากแยกย่อยจะพบว่าตลาดกาแฟนอกบ้าน หรือบรรดาธุรกิจร้านกาแฟต่างๆมีมูลค่ารวมกว่า 27,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าร้านกาแฟในยุคนี้เน้นจัดร้านให้มีความพิเศษใช้กลยุทธ์ด้วยบรรยากาศของร้านที่สวยงาม มีเมนูซิกเนเจอร์ดึงดูดผู้บริโภคให้มาใช้บริการ
 
แต่ใช่ว่าคิดจะเปิดร้าน “กาแฟสด” แล้วจะรวยได้ทันที www.ThaiFranchiseCenter.com มีเคล็ดลับดีๆมาแนะนำให้คนที่อยากเปิดร้านกาแฟควรรู้ไว้จะได้คืนทุนไว กำไรเร็วมากขึ้น
 
1.อย่าคิดเปิดร้านแบบ “เท่ห์ๆ”
 

บางคนมองว่าเปิดร้านกาแฟเป็นเรื่องง่าย แค่เปิดร้านมีกาแฟขาย เดี๋ยวก็มีลูกค้ามาเอง ความคิดแบบผิดๆ นี้พาให้เราจมสู่หายนะได้ การเปิดร้านกาแฟที่ดูว่าง่ายแต่ความจริงต้องมีการวางแผน เตรียมการ หาข้อมูลด้านการตลาดเป็นอย่างดี เริ่มต้นเราต้องรู้ก่อนว่าเราต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าแบบไหน โดยส่วนใหญ่ร้านกาแฟมี 3 ประเภทคือ
  1. ปร้านกาแฟแบบเคาน์เตอร์เล็กๆ เริ่มต้นที่หลักหมื่น มักตั้งอยู่ใกล้ อาคารสำนักงาน รถไฟฟ้า สถานศึกษา
  2. ร้านกาแฟแบบมุมกาแฟ เริ่มต้นที่หลักแสน ลักษณะคล้ายเคาน์เตอร์บาร์ อาจมีโต๊ะเล็กๆ เพื่อให้ลูกค้านั่งรอกาแฟ มักจะอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าหรือ Community Mall
  3. ร้านกาแฟแบบ Stand Alone ร้านแบบนี้ลงทุนค่อนข้างสูง ตั้งแต่หลายแสนบาทไปจนถึงหลักล้าน ลักษณะเป็นร้านเดี่ยวๆดัดแปลงจากที่พักอาศัย อาคารพานิชย์
2.ตัดสินใจให้ดีว่าจะเลือกแบบแฟรนไชส์หรือไม่แฟรนไชส์ดี
 

ข้อดีของการลงทุนเอง คือ เราได้รูปแบบร้านตามที่ต้องการ สามารถดีไซน์ทุกอย่างได้แบบที่เราชอบ ไม่ต้องเสียค่าแฟรนไชส์ มีความยืดหยุ่นในการลงทุนสูง ส่วนใหญ่หากมีเงินทุนมากพอ มีประสบการณ์มาบ้าง การลงทุนด้วยตัวเองก็เป็นทางเลือกที่ดี

แต่ข้อดีของการซื้อแฟรนไชส์ก็มีที่น่าสนใจเช่น เราไม่ต้องมาเริ่มต้นจากศูนย์ แฟรนไชส์วางระบบบริหารจัดการ สินค้า วัตถุดิบให้เราเริ่มเปิดร้านได้เลย แถมยังส่งเสริมเรื่องการตลาด การพัฒนาสินค้าใหม่ และบางแบรนด์เป็นที่รู้จักในตลาดอย่างดี เราสามารถต่อยอดขายได้กำไรง่ายขึ้น โดยปัจจุบันมีแฟรนไชส์กาแฟที่น่าสนใจหลายแบรนด์รวมถึงบางทีไม่ใช่แบรนด์กาแฟโดยตรงแต่เป็นแฟรนไชส์เครื่องดื่มที่มีเมนูกาแฟรวมอยู่ด้วยก็ถือว่าน่าสนใจลงทุนเช่นกัน
 
3.เครื่องชงกาแฟ หัวใจสำคัญของการเปิดร้านกาแฟ
 


บางคนเลือกใช้เครื่องที่ไม่เหมาะสมกับร้าน ก็ทำให้ทุนหายกำไรหดได้ เช่นหากเป็นร้านขนาดเล็กรองรับลูกค้าวันละไม่เกิน100 แก้ว ควรเลือกใช้เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก 1 หัวชง เพราะลูกค้าที่เดินผ่านก็จะเห็นว่าราคาไม่น่าจะแพงจะตัดสินใจเดินเข้าร้านง่ายขึ้น แต่หากเป็นร้านกาแฟที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีที่นั่งรองรับลูกค้าได้มาก สามารถรับลูกค้าได้วันละ150แก้วขึ้นไป ควรเลือกใช้เครื่องชงกาแฟ 2 หัวชงเพื่อรองรับการใช้งานจำนวนมาก เป็นต้น

ซึ่งราคาเครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก ราคาเริ่มต้นที่ 30,000 – 60,000 บาท , ขนาดกลาง าคาเริ่มต้นที่ 50,000 – 80,000 บาท และขนาดใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 100,000 – 300,000 บาท ยังไม่รวมอุปกรณ์อื่น ๆสำหรับเปิดร้าน และวัตถุดิบที่ใช้ทำเครื่องดื่มต่างๆ งบประมาณลงทุนโดยรวมมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับขนาดร้าน ทำเล และการตกแต่งเป็นสำคัญ
 
4.เข้าใจคำว่า “ระยะเวลาคืนทุน”
 

แม้การเปิดร้านกาแฟจะดีแสนดี และมีลูกค้ามาก แต่ก็ใช่ว่าเราจะคืนทุนได้เลยทันที ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราลงทุนไปเท่าไหร่ โอกาสในการขายของเราเป็นอย่างไร ถ้าอยากรวยด้วยร้านกาแฟเราต้องคำนวณส่วนนี้ให้ได้โดยแนวทางคำนวณเบื้องต้นเช่น

ลงทุนเปิดร้าน 400,000 บาท (รวมทุกอย่างหมดแล้ว) ขายกาแฟแก้วละ 40 บาท ถ้าคิดว่าต่อวันเราขายได้ 100 แก้ว รายได้ต่อเดือนคือ (40×100) x30 = 120,000 บาท หักต้นทุนต่อแก้วเฉลี่ย 12 บาท ต้นทุนต่อเดือนประมาณ (12×100) x30 = 36,000 บาท เราจึงมีรายได้ก่อนหักค่าดำเนินการอื่นๆ อยู่ที่ 120,000 – 36,000 บาท = 84,000 บาท

ซึ่งค่าดำเนินการก็เช่น ค่าเช่าพื้นที่ , ค่าจ้างพนักงาน , ค่าน้ำค่าไฟ , จิปาถะต่างๆ หากคิดเบ็ดเสร็จหักหมดทุกอย่างเหลือกำไรต่อเดือนจริงๆ ประมาณ 20,000 บาท ก็เท่ากับว่าใช้ระยะเวลาในการคืนทุนประมาณ 14 เดือนเป็นอย่างน้อย
 
5.ร้านกาแฟยุคใหม่ “แข่งกันที่การตลาด”
 

ใครๆ ก็เปิดร้านกาแฟ ลูกค้ามีตัวเลือกมาก จะทำอย่างไรให้ลูกค้าต้องเจาะจงมาซื้อกาแฟกับร้านของเรา คำตอบก็อยู่ที่เรื่อง “การตลาด” ทั้งการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ , การทำโปรโมชั่นต่างๆ , การเพิ่มช่องทางเดลิเวอรี่ , การจัดกิจกรรมพิเศษส่งเสริมการขายต่างๆ เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญ เพราะต่อให้กาแฟเราอร่อย บรรยากาศร้านเราดี แต่เราโฆษณาไม่เป็น คนที่เขาทำการตลาดเก่งกว่าเขาก็จะเด่นกว่า และคนจะรู้จักมากกว่า หากคิดจะเปิดร้านกาแฟให้รุ่งและรวย ต้องฉลาดเรื่องการตลาดมากๆ 
 
อย่างไรก็ดีการลงทุนร้านกาแฟในปี 2565 ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่อง “รายได้ของประชาชน” ที่ลดน้อยลง คนส่วนใหญ่มองหาสินค้าราคาประหยัด ดังนั้นในฐานะคนเปิดร้านก็ต้องโฟกัสให้ชัดเจนไปเลยว่าเราเจาะตลาดกลุ่มไหน กาแฟราคาแพงหรือเจาะตลาดขนาดกลางกาแฟราคาหลักสิบ (40-60 บาท) หรือจะเลือกเปิดร้านกาแฟแบบราคาถูก (ราคา 20-25 บาท)

ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงินทุนและวิสัยทัศน์ที่เรามองเห็น โดยร้านกาแฟสดทั่วไปต้นทุนกาแฟเย็น 1 แก้วขนาด 22 ออนซ์
 
ต้นทุนประมาณ 18.19 บาท หากตั้งราคาขายต่ำกว่านี้ก็ไม่กำไร ก็ต้องตั้งราคาที่เหมาะสมคิดรวมกับค่าเช่าพื้นที่และปัจจัยอื่นๆ ราคาเฉลี่ยจึงอยู่ที่ 40-50 บาท 
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3SjVStZ , https://bit.ly/377UYu2 , https://bit.ly/33qrhmE 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
500
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด