บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
471
2 นาที
18 เมษายน 2568
ธุรกิจอาหารในจีน เจ๊งยับ 3 ล้านราย วงจรอุบาทว์การแข่งราคา
 

ปี 2025 นอกจากเราต้องจับตาดูสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกมากน้อยแค่ไหน เราต้องติดตามดูอีกว่า สินค้าและธุรกิจจากจีนจะทะลักเข้าไทยมากน้อยแค่ไหนด้วย จากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศจีนซบเซา บวกกับการแข่งขันของธุรกิจต่างๆ ในประเทศจีนเอง โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีการแข่งขันกันที่ดุเดือด 
 
ข้อมูลในปี 2024 พบว่า ธุรกิจร้านอาหารจากจีน ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับต้นๆ ทั้งในจีนและตลาดโลก เมื่อร้านอาหารในจีนมีจำนวนมาก อาวุธของแต่ละร้านที่นำมาต่อสู้กัน ก็คือ "ราคา" ขายถูก ลดราคา เพื่อดึงดูดผู้บริโภค  
 
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ธุรกิจร้านอาหารในจีนประสบปัญหาหนักจากการแข่งขันราคาที่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มร้านหม้อไฟและหมาล่า การลดราคาสินค้าและบริการเพื่อดึงดูดลูกค้า ส่งผลให้ร้านอาหารหลายแห่งต้องปิดตัวลง 
 
จากข้อมูลระหว่างเดือนตุลาคม 2023 ถึงตุลาคม 2024 พบว่ามีร้านหม้อไฟเปิดใหม่กว่า 160,000 แห่ง แต่กลับมีร้านหม้อไฟปิดตัวลงถึง 2,061 แห่ง นอกจากนี้ การแข่งขันราคายังส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนลดลง เช่น ร้านไหตี่เลา (Haidilao) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนลดลงจาก 105 หยวนในปี 2022 มาเป็น 97 หยวนในช่วงกลางปี 2024 
 
 
ท่ามกลางเศรษฐกิจซบเซาในจีน ทำให้การเปิดร้านอาหารเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะมีการแข่งขันกันสูง นำไปสู่การลดราคากันอย่างดุเดือด บางร้านขายกาแฟ 9.9 หยวน/แก้ว หรือประมาณ 47 บาท หรือร้านอาหารที่ขายอาหารชุดสำหรับ 4 คน ราคา 99 หยวน หรือประมาณ 480 บาท เมื่อเทียบกับสมัยก่อนถือว่าถูกอย่างมาก 
 
ข้อมูลจาก Qicchacha เป็นหน่วยงานที่จดทะเบียนในจีน ระบุว่า ปี 2024 มีจำนวนบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารในประเทศจีน ปิดตัวลงมากเป็นประวัติการณ์ ราวๆ 3 ล้านแห่ง โดยส่วนใหญ่ร้านอาหารที่ปิดตัวลงจะอยู่ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเซินเจิ้น คิดเป็นอัตราการปิดตัวของร้านอาหารในแต่ละเดือนประมาณ 10-15% 
 
แม้แต่ธุรกิจร้านขายอุปกรณ์และเครื่องมือทำครัวมือ 2 ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น เตาทำอาหาร เตาอบขนมปัง ก็ยังต้องปิดตัว แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายแล้วก็ตาม ปัญหามาจากประชาชนไม่ค่อยออกไปกินข้าวนอกบ้าน เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
 
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ร้านอาหารในจีนไปต่อไปไหว คือ ค่าเช่า ที่แพงถึงเดือนละ 50,000 หยวน หรือประมาณ 250,000 บาท โดยทำเลอยู่ในมุมอับ คนเดินผ่านน้อย เปิดร้านมาได้ไม่กี่เดือนก็ต้องปิดตัวไป 
 
 
ข้อมูลยังพบว่า ร้านอาหารจีนส่วนใหญ่จะอยู่รอดได้ประมาณไม่เกิน 500 วัน ในปักกิ่งอาจอยู่ได้ไม่ถึงด้วยซ้ำ โดยร้านอาหารในปักกิ่งสามารถทำกำไรลดลงไปถึง 88% ในช่วงครึ่งปีแรก 2024 ซึ่งร้านอาหารในจีนที่มีโอกาสเจ๊งส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารระดับกลางๆ มีสาเหตุจากรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย 
 
ถ้าร้านอาหารที่ต้องการอยู่รอดจากการแข่งขันด้านราคา ก็ต้องต้องลดต้นทุน เปลี่ยนเมนูอาหาร โดยเฉพาะร้านหม้อไฟหลายแห่งลดราคาจนถึง 9.9 หยวน เพื่อดึงดูดลูกค้า แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้า แต่กลับส่งผลกระทบต่อรายได้และความยั่งยืนของธุรกิจ 
 
ไม่เฉพาะในจีนเท่านั้นที่ร้านอาหารจีนแข่งขันกันเองจนต้องปิดตัวลง ในไทยก็เช่นกันเมื่อปี 2023 มีนักลงทุนชาวจีนรุ่นใหม่เข้ามาลงทุนในย่านห้วยขวางเป็นจำนวนมาก ทั้งทำธุรกิจร้านอาหารหรือบริการอื่นๆ ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับคนจีนด้วยกัน จนทำให้แต่ละร้านอาหารต่างขึ้นป้ายและมีเมนูเป็นภาษาจีนแทบทุกร้าน จนมองไปเป็นสีแดงหมด จนได้รับการขนานนามเป็น  “มณฑลห้วยขวาง” หรือ “ไซน่าทาวน์ ห้วยขวาง” 
 
แต่ในปัจจุบันร้านอาหารจีนและธุรกิจจีนย่านห้วยขวางปิดตัวลงไป อาทิ ร้านอาหารจีน ร้านซูเปอร์มาร์เก็ตจีน ฯลฯ เพราะแข่งขันกันเอง บวกกับเล่นสงครามราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า สุดท้ายก็ไปไม่รอด ต้องปิดตัวไปในที่สุด
 
 
สรุปแล้ว วงจรอุบาทว์จากการแข่งขันราคาที่รุนแรงในธุรกิจร้านอาหารจีน ส่งผลให้ร้านอาหารหลายแห่งต้องปิดตัวลง และสร้างความท้าทายให้กับผู้ประกอบการในการปรับตัว เพื่อความอยู่รอดในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
 
อ้างอิงข้อมูล 
 
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
602
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
491
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
466
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
412
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
403
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
396
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด