บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
494
2 นาที
15 พฤษภาคม 2568
ร้านอาหารเจ๊ง? เจาะลึก P&L ทำไม...กำไรถึงกลายเป็นศูนย์
 

ธุรกิจร้านอาหารแม้สินค้ามีความต้องการต่อเนื่อง แต่ความเสี่ยงก็มีมากเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนทุกร้านที่เปิดแล้วจะขายดี หลายปัจจัยมีผลมากทั้งเรื่องเศรษฐกิจขาลง คู่แข่งเพิ่มขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และปัญหาหนักสุดคือเรื่องต้นทุนที่เพิ่มสวนทางกับยอดขาย ไม่ว่าจะค่าแรง ค่าเช่า วัตถุดิบ เป็นต้น
 
แต่ในอีกมุมหนึ่งคนทำร้านอาหารเองอาจยังไม่ได้วางระบบในร้านให้แข็งแรงมากพอ บางร้านซื้อมาขายไปมียอดขายเข้ามาแล้วก็จ่ายออกไปด้วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งการทำร้านอาหารแบบนี้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเจ๊งได้มากขึ้น ซึ่งเรื่องของ P&L (Profit and Loss Statement) เป็นสิ่งสำคัญที่คนทำร้านอาหารจำเป็นต้องสนใจมากๆ
 
คำว่า Profit and Loss Statement คืองบกำไรขาดทุนที่เป็นตัววัดผลในการทำธุรกิจในแต่ละเดือน ว่ายอดขายที่หามาได้ หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เหลือกำไรแค่ไหน ซึ่งก็สัมพันธ์กันไปถึงเรื่องค่าเช่าและระยะเวลาในการเช่า รวมถึงโอกาสคืนทุนของแต่ละร้านเองด้วย ทั้งนี้การทำ ทำ P&L ต้องบันทึกข้อมูลสำคัญ ได้แก่
 

ภาพจาก https://elements.envato.com
  1. ยอดขาย ซึ่งเป็นรายได้จากทุกช่องทางไม่ว่าจะหน้าร้านหรือว่าเดลิเวอรี่
  2. ต้นทุนอาหาร ปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 30-35%
  3. ต้นทุนค่าแรง ประกอบด้วยหลายค่าทั้งพนักงานประจำ ชั่วคราว ค่าล่วงเวลา สวัสดิการต่างๆ ประมาณ 15-20%
  4. ต้นทุนค่าใช้จ่ายการบริหาร 
    • ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) เช่น ค่าไฟฟ้า+ค่าน้ำ+ค่าแก๊ส+ค่าวัสดุสิ้นเปลืองต่าง ๆ+ค่าการตลาด+ค่าเดินทาง+อื่น ๆ ประมาณ 5-10% 
    • ต้นทุนแปรผัน (Variable Cost) เช่น ค่าทำบัญชี+ค่าภาษีต่าง ๆ และอื่น ๆ ประมาณ 5% หรืออาจจะไม่มีสำหรับร้านอาหารขนาดเล็ก
  5. ต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10-15%
  6. กำไร/ขาดทุนสุทธิ โดยปกติแล้ว ควรมีกำไรอยู่ที่ 10% ขึ้นไป
การได้บันทึกข้อมูลรายรับและรายจ่ายอย่างละเอียดจะทำให้เรามองเห็นเส้นทางการเงินว่าเข้าเท่าไหร่ ใช้จ่ายออกไปทางไหนจะได้วางแผนในการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม ในทางกลับกันหากไม่มีการบันทึกงบกำไรขาดทุนไว้ถึงสิ้นเดือนก็จะไม่รู้เลยว่าค่าใช้จ่ายส่วนใดที่สูงเกินมาตรฐานทำให้แก้ปัญหาได้ไม่ถูกจุด อุดรูรั่วไม่ได้ผล
 

ภาพจาก https://elements.envato.com
 
ยกตัวอย่างบางร้านทำธุรกิจมา 1 ปี (12 เดือน) มีกำไรเฉลี่ยเดือนละ 50,000 บาท กำไรสะสม 600,000 บาท ถ้าดูจากตัวเลขก็น่าปลื้มใจมาก แต่ถ้าไปดูการวิเคราะห์ด้วย P&L กำไรส่วนนี้ยังไม่ใช่กำไรแท้จริง เพราะร้านมีสัญญาเช่า 36 เดือน รวมกับเงินลงทุนในตอนเปิดร้านครั้งแรกกว่า 2 ล้านบาท 
 
หมายความว่าถ้ายังพอใจกับกำไรแบบเดิมๆ ไปจนถึงหมดสัญญามีกำไรสะสม 1.8 ล้านบาท กำไรสุทธิจะขาดทุนอยู่ที่ 200,000 บาท ก็เป็นเรื่องที่ร้านแห่งนี้จะต้องหาวิธีการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น หรือใช้วิธีการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพื่อให้ได้ตัวเลขที่เป็นกำไรจริงๆ ไม่ใช่แค่กำไรที่มีแค่ตัวเลขหลอกตา
 
ความสำคัญของ P&L นอกจากจะทำให้ทราบผลการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาหนึ่งของธุรกิจ รู้รายละเอียดเกี่ยวกับรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นแต่ละงวด ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของกำไรสะสม 
 
ตัวเลขเหล่านี้มีผลอย่างมากในการวิเคราะห์แผนการตลาด เพื่อสร้างแผนธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ มีผลไปถึงเรื่องของการเพิ่มขึ้นของสาขาในอนาคตได้ด้วย 
 
ดังนั้น P&L จึงนับเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจร้านอาหาร อาจไม่ใช่วิธีการทำให้ร้านขายดี แต่เป็นวิธีการที่ทำให้เรารู้ว่าร้านอาหารควรจะวางแผนต่อไปอย่างไรเพื่อให้อยู่รอด 

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
602
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
491
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
466
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
412
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
403
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
397
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด