บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
262
2 นาที
29 ธันวาคม 2568
กลยุทธ์เทศกาลขายของแพงอย่างแนบเนียน
 

เป็นธรรมดาของช่วงปลายปีที่พ่อค้าแม่ค้าหรือคนทำธุรกิจมุ่งหวังจะสร้างยอดขายจากช่วงเวลานี้ให้ได้มากที่สุด เนื่องจากตั้งแต่เดือนตุลาคม - ปลายธันวาคม ต่อเนื่องไปถึงต้นเดือนมกราคม คือช่วงเวลาแห่งความสุขที่มีทั้งวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่
 
ถ้าดูตัวเลขจากปี 2024 ที่ผ่านมา ไตรมาสสุดท้ายของปียอดขายของธุรกิจค้าปลีกเติบโตถึง 3.8% หรือถ้าดูในมุมของสินค้าออนไลน์ก็ยิ่งชัดเจนมาก ไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว มีมูลค่าสูงขึ้น 20% ถ้าเทียบกับช่วงเวลาอื่น ทำให้เกิดคำถามว่าในช่วงเวลาที่ใครๆก็จ้องจะหาลูกค้าแบบนี้ แล้วการทำธุรกิจจะมีกลยุทธ์อะไรที่ควรนำมาใช้เพื่อให้ได้ผลมากที่สุด ถ้าไม่นับการลด แลก แจก แถม ที่เห็นกันทั่วไป กลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า “Christmas Creep” ก็ถือว่าน่าสนใจ
 
“Christmas Creep” วิธีเพิ่มยอดขายคูณ 2
 

ภาพจาก https://app.envato.com

Christmas Creep ไม่ได้พูดถึงเรื่องการขายสินค้าในวันคริสมาสต์ แต่เป็นกลยุทธ์ที่พูดถึงว่าใครเร็วกว่าก็ได้เปรียบ โดยเฉพาะในยุคนี้ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นธุรกิจที่เร็วเอาชนะธุรกิจที่ช้ากว่า เดิมทีคำนี้ถูกใช้ในฝั่งยุโรป เพื่ออธิบายพฤติกรรมของร้านค้าปลีกที่ต้องการขยายฤดูกาลจับจ่ายให้ยาวขึ้น เช่น ห้างในสหรัฐฯ ที่เริ่มตั้งต้นสนตั้งแต่เดือนกันยายน หรือซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษที่วางช็อกโกแลตคริสต์มาสตั้งแต่ช่วง Back to School เพราะยิ่งผู้บริโภคเห็นของเร็ว ก็ยิ่งกระตุ้นให้พวกเขาเริ่มจับจ่ายเร็วขึ้นตามไปด้วย
 
อย่างไรก็ดีในไทยเองก็เริ่มเห็นภาพนี้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในห้างสรรพสินค้า แบรนด์แฟชั่น หรือแม้แต่คาเฟ่ต่าง ๆ ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนธีมตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม และเริ่มมีการโปรโมทหรือวางสินค้าที่ใช้ธีมคริสต์มาส หรือวันปีใหม่ ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว “Christmas Creep” มีข้อดีหลายอย่างเช่น
  1. ขยายเวลาในการสร้างรายได้มากขึ้น เพราะช่วงเวลา 3 เดือนก่อนถึงปีใหม่ เป็นช่วงที่ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ทำยอดขายได้ถึง 20% ถึง 30% ของยอดขายรวมทั้งปี การยิ่งเริ่มได้เร็ว ก็ยิ่งมีโอกาสสร้างยอดขายสะสมได้มากกว่าคู่แข่งที่เริ่มต้นช้า
  2. พฤติกรรมผู้บริโภคที่จับจ่ายเร็วขึ้น มีข้อมูลน่าสนใจระบุว่า 30-40% ของลูกค้าเริ่มจับจ่ายสินค้ามากขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน โดยเฉพาะ กลุ่ม Gen X และ Gen Z ที่ชอบวางแผนการซื้อสินค้าแต่เนิ่นๆ
  3. สร้าง Conversion Rate ได้สูงขึ้น วัดผลจากแบรนด์ที่ทำการตลาดแบบ Christmas Creep จะมีการตอบสนองจากลูกค้าได้สูงกว่า 14% เมื่อเทียบกับแบรนด์ที่ไม่ได้นำกลยุทธ์นี้มาใช้
Christmas Creep สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
 

ซึ่งต้องยอมรับว่าผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้จะรอช็อปปิ้งเมื่อถึงเทศกาล แต่จะวางแผนไว้ล่วงหน้า เป็นผลจากปัจจัยคือ
  • บริหารงบประมาณ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นผู้บริโภคจึงต้อง กระจายค่าใช้จ่าย ในช่วงเทศกาล แทนที่จะจ่ายก้อนใหญ่ในเดือนใดเดือนหนึ่ง
  • หลีกเลี่ยงจากความแออัด ที่ต้องเจอกับลูกค้าอีกจำนวนมากในการซื้อสินค้าเมื่อเข้าใกล้ถึงเวลาเทศกาลที่แท้จริง
  • เรื่องของความคุ้มค่า โดยเฉพาะการหาโปรโมชันพิเศษ แบรนด์ที่เริ่มเร็วก็จะสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ที่สนใจความคุ้มค่าได้ก่อน
  • การตัดสินใจที่เร็วขึ้นจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ผู้บริโภคยุคใหม่เห็นโฆษณา, รีวิว, และไอเดียของขวัญผ่านโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจซื้อจึงเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องรอถึงเทศกาลเท่านั้น
  • การหาของขวัญล่วงหน้า เพราะช่วงปลายปีแบบนี้คือการส่งความสุข ส่วนใหญ่จะใช้ Google หรือแพลตฟอร์มโซเชี่ยลอื่นๆในการหาของขวัญที่น่าสนใจซึ่งการปรากฏคำค้นหาก็เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อที่เร็วขึ้น
  • ตอบสนองความสุขก่อนใคร ต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ทำงานเครียดมาทั้งปี ช่วงเวลานี้อยากผ่อนคลายกันบ้าง การได้สินค้าที่พิเศษๆในช่วงเวลานี้จึงเป็นอีกความสุขของคนยุคใหม่
กรณีศึกษา แคมเปญ Christmas Creep ที่ประสบความสำเร็จ
 
ในประเทศไทย "Christmas Creep" ถูกนำมาใช้และประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร
 
1.ศูนย์การค้าใช้ Christmas Creep อย่างเต็มรูปแบบ
 
ภาพจาก https://citly.me/M9I6S

เพื่อให้เป็นจุดสนใจของลูกค้าได้เป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นการจัดแต่งไฟสวยงาม เพื่อให้เป็นที่ถ่ายภาพหรือการจัดแคมเปญอื่นๆ ยกตัวอย่างห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัลที่มักจะเริ่มแคมเปญเทศกาลปลายปีในชื่อ "The World's Great Celebration" และเริ่มติดตั้งต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ ที่ Central World ตั้งแต่ ต้นเดือนตุลาคม
 
ทำให้ปริมาณผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 25-30 ในช่วงเทศกาล เมื่อเทียบกับช่วงปกติ และยังเป็นการชิง “แลนด์มาร์คแห่งแรก” ที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นเป็นการชิงส่วนแบ่งการตลาดที่เร็วกว่าก็ได้เปรียบ
 
2.ร้านกาแฟและเครื่องดื่ม
 
กลุ่มนี้ใช้ Christmas Creep ในการกระตุ้นยอดขายสินค้าพิเศษ โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าที่ชอบสะสมและมองหาความแปลกใหม่ ยกตัวอย่างเช่น Starbucks มักจะเปิดตัวแก้วคริสต์มาส (Holiday Collection) และเครื่องดื่มประจำเทศกาล เช่น Peppermint Mocha, Toffee Nut Latte ตั้งแต่ช่วยปลายเดือนตุลาคม ซึ่งมีข้อมูลน่าสนใจระบุว่าในร้านกาแฟจะมียอดขายสินค้าที่ไม่ใช่กาแฟช่วงเทศกาลพุ่งสูงขึ้นกว่า 30% แถมยังช่วยสร้างภาพจำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เป็นผู้เริ่มเทศกาลแห่งชองขวัญด้วย
 
3.ธุรกิจสินค้าตกแต่งบ้าน / เครื่องใช้ภายในบ้าน
 

ภาพจาก https://citly.me/wjG0q

กลุ่มนี้ใช้ Creep เพื่อเจาะกลุ่ม ผู้ที่ต้องการซื้อของตกแต่งล่วงหน้าเพื่อเตรียมบ้านสำหรับงานเลี้ยง และงานสังสรรค์ หรือการจัดแต่งบ้านเพื่อความสวยงาม ยกตัวอย่างคือ IKEA มักจะนำคอลเลกชันสินค้าฤดูหนาวและคริสต์มาส เข้ามาวางจำหน่ายตั้งแต่ เดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม ช่วยให้ IKEA ได้เปรียบในการจับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อแบบวางแผน
 
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการเตรียมพร้อมล่วงหน้า แม้ไม่มีตัวเลขยอดขายที่เปิดเผย แต่การเป็นผู้นำในการวางขายสินค้าตกแต่งก่อนใคร ทำให้แบรนด์สามารถ ดึงดูดลูกค้าและ ยืดระยะเวลาการสร้างรายได้ที่นานกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน
 
ทั้งนี้การที่แบรนด์ใดก็ตามเริ่มบุกเข้าหาลูกค้าได้ก่อนจะมีความได้เปรียบที่ไม่ใช่แค่การเพิ่มยอดขาย แต่จะเป็นการสร้างบรรยากาศพิเศษทำให้แบรนด์ดูมีจุดเด่นที่แตกต่างเป็นภาพลักษณ์ ภาพจำที่ทำให้คนสนใจ เป็นประโยชน์และผลพลอยได้ที่ตามมาที่อาจจะไม่ได้ทำให้สร้างยอดขายได้ดีแค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
650
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
599
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
542
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
499
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
493
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
459
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด