บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
408
3 นาที
13 พฤศจิกายน 2568
ปี 2025 ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม! Preemptive Adaptation ทางรอดก่อนเจ๊ง
 

การทำธุรกิจยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โอกาสสำเร็จพอมี! แต่โอกาสที่จะเจ๊ง ก็มีสูงเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาเมืองไทยเองก็เจอวิกฤติมาหลายลูก 
 
เช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง ในปี 2540 , วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ ในปี 2554 , วิกฤติโควิด 19 ในปี 2563 – 2565 มาถึงปัจจุบันที่อาจจะเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในประเทศเอง ส่งผลให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบมาก สอดคล้องกับตัวเลขน่าตกใจที่สะท้อนความเสี่ยงของอัตราการอยู่รอดของธุรกิจ คือ
  • 40% ล้มเหลวใน 3 ปีแรก
  • 50% ล้มเหลวภายใน 5 ปี
สำหรับสตาร์ทอัพ ความล้มเหลวสูงถึง 90% โดย 10% ล้มเหลวในปีแรก และผู้ก่อตั้งครั้งแรกมีโอกาสสำเร็จเพียง 18% และตัวเลขของคนที่ทำธุรกิจและหวาดกลัวความล้มเหลวเพิ่มขึ้นจาก 44% ในปี 2019 เป็น 49% ในปี 2024 
 
ถ้าวิเคราะห์ให้ลึกลงไปอีกว่าในปัจจุบันอะไรคือความเสี่ยงที่แท้จริง จะทำให้เรามองเห็นภาพปัญหาและนำไปสู่วิธีการหาหนทางแก้ไขได้อย่างถูกต้องหรือเตรียมแผนรับมือก่อนเริ่มทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
1.การแข่งขันทางธุรกิจที่ดุเดือด
 
ยกตัวอย่างง่ายๆ คือธุรกิจร้านอาหารที่เคยเป็นอาชีพที่มั่นคงสร้างรายได้ดีแต่ตอนนี้คู่แข่งเยอะมาก แถมมีแบรนด์ใหญ่ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ กระโดดมาร่วมวง ในขณะที่กลุ่มลูกค้าไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เมื่อมีตัวเลือกมากลูกค้าก็กระจายตัวไปสู่แบรนด์ต่างๆ 
 
2.ต้นทุนที่ควบคุมยาก + กระแสเงินสดที่ไม่มากพอ
 

ภาพจาก https://elements.envato.com

คนทำธุรกิจต่างพยายามรัดเข็มขัดตัวเอง เป็นวิธีพื้นฐานเพื่อทำให้อยู่รอดได้นานที่สุด แต่ก็ดูจะไม่ค่อยได้ผลมากนักยกตัวอย่างการขายผ่านแอปพลิเคชัน Delivery (Food Delivery) ทำให้ร้านต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น (GP) ประมาณ 25% ถึง 35% ของยอดขาย ทำให้กำไรลดลงมาก เพราะต้องขายให้ได้มากกว่าเดิม 3 เท่า ถึงจะกำไรเท่าเดิ
 
3.ลูกค้ามีตัวเลือกและหาข้อมูลในโซเชี่ยลมากขึ้น
 
ลูกค้าส่วนใหญ่จะ "เชื่อรีวิว" ในโลกออนไลน์มากกว่าโฆษณา หากมีรีวิวที่ไม่ดีเพียง 1-2 ครั้ง ลูกค้าจำนวนมากก็จะไม่มาใช้บริการ และยุคนี้ ลูกค้าไม่ได้เปรียบเทียบแค่ราคาและคุณภาพเท่านั้น แต่เปรียบเทียบ "ความเร็ว" และ "ความง่าย" ในการสั่งซื้อด้วย หากขั้นตอนการสั่งซื้อ/บริการซับซ้อนมากไป ลูกค้าจะหนีไปหาคู่แข่งที่ใช้เทคโนโลยีได้ดีกว่า
 
ยังไม่รวมวิกฤติในอีกหลายด้านที่เป็นปัจจัยเสริมเช่นพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป อะไรที่ไม่จำเป็นก็ยังไม่ซื้อ มีการประหยัดและวางแผนการใช้เงินอย่างรัดกุมมากขึ้น หรือปัญหาราคาค่าเช่าพื้นที่เพิ่มสูง ยิ่งทำเลดี ราคายิ่งแพง บางแห่งค่าเช่าร้านมากกว่า 30-40% ของยอดขาย ทำไปก็ไม่มีกำไร เป็นต้น
 
Preemptive Adaptation เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ
 
กลยุทธ์การปรับตัวล่วงหน้า หรือ Preemptive Adaptation คือแนวทางที่ธุรกิจต้องรู้ก่อนจะสายเกินไป ในความเป็นจริงวิกฤติเหล่านี้สามารถกลายเป็นโอกาสในการเติบโตได้ หากมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม 
 
1.การลดต้นทุนและจัดการกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ
 
ภาพจาก https://elements.envato.com

การตรวจสอบและลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินในช่วงวิกฤติ โดยมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย เช่น ลดค่าเช่าพื้นที่หรือเจรจาสัญญากับซัพพลายเออร์ การจัดการกระแสเงินสดที่ดีสามารถช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้นานขึ้น 
 
จากการศึกษาพบว่า ธุรกิจที่ลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถลดความสูญเสียรายได้ลงได้ถึง 20-30% ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และ 80% ขององค์กรที่จัดการกระแสเงินสดได้ดีสามารถฟื้นตัวภายใน 12 เดือน

ยกตัวอย่าง : LEGO ก็เคยเจอช่วงวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2003-2004 ที่เผชิญกับยอดขายตกต่ำถึง 30% แต่บริษัทได้ลดต้นทุนการผลิตและปรับโครงสร้างองค์กร ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น 63% ในปีถัดมา และกลายเป็นแบรนด์ของเล่นอันดับหนึ่งของโลก

2.การมุ่งเน้นลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าเดิม
 
ภาพจาก www.amazon.com

ในวิกฤติ ลูกค้าอาจลดการใช้จ่าย ดังนั้นธุรกิจควรเน้นการสร้างความภักดีผ่านการสื่อสารที่โปร่งใสและบริการที่ปรับให้เข้ากับความต้องการใหม่ เช่น การให้ส่วนลดหรือโปรแกรมสะสมแต้ม เพื่อรักษายอดขาย 
 
มีข้อมูลน่าสนใจระบุว่า ธุรกิจที่รักษาฐานลูกค้าได้ดีสามารถลดอัตราการสูญเสียลูกค้าลงได้ 15-20% และเพิ่มรายได้จากลูกค้าเดิมได้ถึง 25% ในช่วงวิกฤติ โดย 52% ขององค์กรที่เน้นลูกค้ามีอัตราการฟื้นตัวเร็วกว่าค่าเฉลี่ย 
 
ยกตัวอย่างเช่น Amazon ในช่วงวิกฤติ COVID-19 ได้ปรับบริการให้เน้นการส่งสินค้าอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 28% ในปี 2020 และจำนวนสมาชิก Prime เพิ่มขึ้น 50 ล้านคน เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสในการขยายตลาดออนไลน์
 
3.การปรับตัวสู่ดิจิทัลและเทคโนโลยี
 
ภาพจาก https://th.airbnb.com

การนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การย้ายธุรกิจสู่แพลตฟอร์มออนไลน์หรือใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถช่วยธุรกิจเข้าถึงลูกค้าใหม่และลดต้นทุนการดำเนินงาน โดยธุรกิจที่ปรับตัวสู่ดิจิทัลมีอัตราการเติบโต 3 เท่าเมื่อเทียบกับธุรกิจแบบดั้งเดิม และ 60% ของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีฟื้นตัวได้ภายใน 6 เดือน 
 
ยกตัวอย่าง เช่น Airbnb ในวิกฤติปี 2008 ได้ปรับจากบริการที่พักสู่ "Online Experiences" เช่น คลาสทำอาหารออนไลน์ ส่งผลให้รายได้ฟื้นตัว 85% ภายในปีเดียว และมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2 พันล้านดอลลาร์เป็น 100 พันล้านดอลลาร์
 
4.การสร้างนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
 
ภาพจาก https://about.nike.com

วิกฤติเป็นโอกาสในการคิดค้นสิ่งใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไป เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนหรือบริการที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า บริษัทที่ลงทุนในนวัตกรรมในช่วงวิกฤติมีอัตราการเติบโตหลังวิกฤติสูงกว่า 2 เท่า และ 7% ของบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกสามารถเพิ่มรายได้ 10-15% ผ่านการนวัตกรรม 
 
ยกตัวอย่างเช่น Nike ในช่วงวิกฤติปี 2008 ได้พัฒนาแอป Nike+ Running เพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้าผ่านเทคโนโลยี ส่งผลให้ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 55% และบริษัทฟื้นตัวเร็วกว่าคู่แข่ง โดยปัจจุบัน Nike มีรายได้จากดิจิทัลมากกว่า 30% ของยอดรวม
 
5.การกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสใหม่
 
ภาพจาก www.disney.co.za

แทนที่จะพึ่งพาตลาดหรือผลิตภัณฑ์เดียว ธุรกิจควรกระจายไปยังช่องทางใหม่ เช่น การขยายตลาดต่างประเทศหรือพัฒนาธุรกิจข้างเคียง เนื่องจากธุรกิจที่กระจายความเสี่ยงมีโอกาสรอดจากวิกฤติสูงกว่า 40% และสามารถลดความสูญเสี
ยรายได้ลงได้ 25% โดย 93% ของบริษัทที่ไม่มีแผนกระจายความเสี่ยงล้มเหลวภายในปีเดียวหลังวิกฤติ 
 
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Disney ในช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมาได้กระจายจากสวนสนุกสู่บริการสตรีมมิง Disney+ ซึ่งเปิดตัวในปี 2019 ส่งผลให้จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคนภายใน 16 เดือน และรายได้จากสตรีมมิงชดเชยความสูญเสียจากสวนสนุกได้กว่า 50%
 
ถ้าดูในเมืองไทยเองหลายธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับตัวเชิงรุก โดยไม่รอให้วิกฤติเกิดขึ้นก่อน
 
แม้ว่ายุคนี้อาจไม่ใช่ยุคทองของการทำธุรกิจและยังมีความเสี่ยงที่เยอะมากแต่ในอีกมุมหนึ่งหากธุรกิจมีการวางแผนและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำธุรกิจ เมื่อผ่านช่วงเวลาแห่งปัญหาที่รุมเร้าธุรกิจจะยิ่งเติบโตได้เร็วมากขึ้น
 
#PreemptiveAdaptation #ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม #สร้างนวัตกรรม #วิกฤติทางเศรษฐกิจ
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
648
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
597
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
540
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
491
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
486
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
458
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด