บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
271
3 นาที
25 ธันวาคม 2568
อวสานราชภัฏ ปรับตัวไม่ทันเปลี่ยนแปลง! หรือแค่คนวิจารณ์?


คำว่า “อวสาน” อาจหมายถึงจุดจบในเรื่องหนึ่งเพื่อเปลี่ยนแปลงไปในอีกด้านหนึ่ง ในเรื่องของการศึกษาก็เช่นกัน 
 
หลักสูตรการเรียนในปัจจุบันต้องเน้นให้รู้จักการนำความรู้ไปใช้ได้จริง คิดวิเคราะห์เป็น ไม่ใช่การท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง สถาบันการศึกษาโดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัยที่ปัจจุบันมีทั้งของภาครัฐและเอกชน หากใครปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงก็อาจจะถูกกระแสโลกยุคใหม่กลืนกินได้เช่นกัน
 
ทั้งนี้เราอยากจะพูดถึงในแง่มุมของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มักจะถูก “ด้อยค่า” ถูกมองว่าเป็นแค่สถาบันการศึกษาลำดับสุดท้ายที่คนจะเลือก เรื่องราวที่แท้จริงอาจไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพียงแต่กระแสโซเชี่ยลหรือถ้อยคำที่พูดต่อๆกันมาโดยไม่ได้วิเคราะห์กันอย่างจริงจัง ทำให้คำว่า “ราชภัฏ” กลายเป็นแพะรับบาปได้โดยปริยาย

“วิทยาลัยครู” จุดเริ่มต้นก่อนเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏ”
 

ภาพจาก https://crru.ac.th

ในปี 2503 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกฐานะ โรงเรียนฝึกหัดครู ที่มีอยู่ 17 แห่งทั่วประเทศให้เป็น "วิทยาลัยครู" 
 
เพื่อผลิตครูให้เพียงพอต่อความต้องการหลังขยายการศึกษาภาคบังคับ และในปี 2535 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "สถาบันราชภัฏ" ให้กับวิทยาลัยครูทั่วประเทศ พร้อมพระราชทานพระราชลัญจกรประจำพระองค์ให้เป็น "สัญลักษณ์ประจำสถาบันราชภัฏ" 
 
และในปี 2547 ได้ถูกยกฐานะขึ้นเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” โดยกำหนดให้ทุกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวัน “ราชภัฏ” 
 
ปัจจุบัน มีทั้งหมด 38 แห่ง และถ้าอ้างอิงข้อมูลจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำหรับ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ใช้ข้อมูล ณ ช่วงปลายปี 2567 / ต้นปี 2568 มีจำนวนนักศึกษาทั้งหมดในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏประมาณ 309,366 คน
 
ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏแต่ละแห่งจะมีความเชี่ยวชาญและสาขาเฉพาะทางที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมจะเปิดสอนหลักสูตรในกลุ่มวิชาหลัก ๆ เช่น
  • กลุ่มครุศาสตร์ (หลักสูตร 4 ปี) เน้นการผลิตครูมืออาชีพ
  • กลุ่มบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ เน้นตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคดิจิทัล หลักสูตรถูกปรับให้ทันสมัย เน้นทักษะที่ใช้ในยุคปัจจุบันมากขึ้น
  • กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น วิทยาการคอมพิวเตอร์ , วิศวกรรมซอฟต์แวร์ , วิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (เริ่มเปิด)
  • กลุ่มมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรม เช่น ศิลปะศาสตร์บัณฑิต เน้นภาษาอังกฤษธุรกิจ ,การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ เป็นต้น
ทำไม “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” ถึงถูกด้อยค่า! คนไม่ค่อยสนใจ
 
วิเคราะห์กันในความเป็นจริง ทุกๆ สถาบันการศึกษา มุ่งเน้นคุณภาพของผู้เรียนเป็นสำคัญ และต้องยอมรับในอีกส่วนหนึ่งว่าความเหลื่อมล้ำทางสังคม การยึดติดกับภาพลักษณ์มีส่วนสำคัญที่ทำให้คนมอง “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” ในมุมที่แตกต่าง ซึ่งมีหลายเหตุผลที่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
 
1.ภาพจำในฐานะที่เป็น “วิทยาลัยครู”
 

ภาพจาก https://crru.ac.th
 
คนส่วนใหญ่ยังจดจำมหาวิทยาลัยราชภัฏในการเป็น “วิทยาลัยครู” แม้จะมีการยกระดับหรือเปลี่ยนแปลงแต่ภาพจำสถาบันที่เน้นการผลิตครูก็ยังคงอยู่ เป็นเหตุผลหนึ่งที่คนเข้าใจผิดและคนที่ไม่สนใจการเป็นครู มองข้ามสถาบันนี้ไป
 
2.ความเชื่อเรื่องลำดับชั้นสถาบัน 
 
โดยสังคมไทยยังคงยึดติดกับ การจัดอันดับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการวัดจากคะแนนสอบเข้า (Admissions Score) ในอดีต มหาวิทยาลัยที่มีคะแนนสูงมักถูกมองว่ามีคุณภาพดีกว่า และเมื่อราชภัฏมักมีเกณฑ์การรับเข้าที่ไม่สูงมากนัก จึงทำให้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ถูกมองข้าม
 
3.การไม่ได้รับการรับรองจากบริษัทเอกชนบางแห่ง:
 
ยิ่งในอดีต มีกรณีที่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่บางแห่งระบุคุณสมบัติการรับสมัครที่ "ไม่รับ" ผู้จบจากราชภัฏ หรือพิจารณาให้เงินเดือนเริ่มต้นที่ต่ำกว่า แม้ปัจจุบันปัญหานี้ลดลงมากแล้ว แต่ทัศนคติยังคงอยู่ และเป็นอีกภาพจำที่ฝังรากลึกมาก
 
4.การลดลงของคุณภาพผู้เรียนและการแข่งขัน (Quality of Students and Competition)
 

ภาพจาก https://crru.ac.th

โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเปิดรับนักศึกษาในหลายช่องทางและหลายรอบ เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงการศึกษาในระดับท้องถิ่น แต่ความยืดหยุ่นนี้ทำให้เกิดมุมมองว่า "เข้าได้ง่าย" เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยที่ต้องแข่งขันสูง ทำให้มีนักศึกษาที่มีความพร้อมในการเรียนรู้และผลการเรียนในระดับที่แตกต่างกันเข้ามาในระบบ
 
5.ทำเลที่ตั้งและความเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
 
ด้วยบทบาทดั้งเดิมของราชภัฏคือการเป็น "สถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น" ซึ่งอาจถูกตีความผิดไปจากความเข้าใจของคนเมือง รวมถึงการที่ราชภัฏหลายแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภูมิภาค และมุ่งเน้นหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของท้องถิ่น อาจทำให้หลักสูตรดูไม่ "หรูหรา" หรือ "เป็นสากล" เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ หรือเมืองหลัก
 
6.ผลกระทบจาก "วิกฤตประชากร"
 
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา จำนวนนักเรียนที่จบชั้น ม.6 ทั่วประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง เกิดปัญหาวิกฤตวัยเรียน ทำให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งต้องแข่งขันกันดึงดูดนักศึกษา และราชภัฏได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ผู้เรียนมักเลือกในภายหลัง
 
7.ความแตกต่างทางด้านงบประมาณและทรัพยากร
 

ภาพจาก https://crru.ac.th

ทั้งนี้มหาวิทยาลัยราชภัฏหลายแห่งมีงบประมาณดำเนินการและการวิจัยที่จำกัดเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยของรัฐขนาดใหญ่หรือถ้าเทียบกับมหาวิทยาลัยเอกชนก็ยิ่งแตกต่าง ทำให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ห้องปฏิบัติการ หรือการดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพสูงทำได้ยาก
 
กระแสโซเชี่ยลยิ่งทำให้ “ราชภัฏ” ถูกวิจารณ์มากขึ้น
 
ทั้งๆที่ “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” ไม่ได้ผิดพลาดใดๆ ในทางตรงกันข้ามก็ไม่ต่างจากสถาบันการศึกษาอื่นๆ ที่พยายามปรับเปลี่ยนตัวเองในทุกรูปแบบเพื่อให้ก้าวทันยุคสมัยได้มากขึ้น แต่กระนั้นก็ดีด้วยภาพจำที่ฝังหัว มุมมองที่ไม่เข้าใจ และอีกหลายๆบริบททำให้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันสนุกในโลกโซเชี่ยล ตอกย้ำให้ดูแย่เกินจริงไปมาก 
 
ยกตัวอย่างเช่นใน Pantip เคยมีกระทู้ว่า “ทำไมคนเรียนราชภัฏถึงโดนดูถูก ถามจริงเรียนราชภัฏเราผิดอะไร? เป็นกระทู้ที่ปรากฏเมื่อปี 2564 ก็ปรากฏว่ามีผู้เข้าชมกว่า 1 ล้านวิว และมีคอมเม้นต์กว่า 500 ข้อความ โดยกว่า 70% เป็นการถกเถียงกันเองระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หรือกระทู้ที่ตั้งขึ้นว่า “มีบริษัทไหนบ้างครับ ที่ไม่รับนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ” 
 
คนที่อยู่ในโซเชี่ยลก็พูดถึงเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง แน่นอนว่าผลกระทบย่อมตกอยู่กับนิสิตนักศึกษาที่อยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏกลายเป็นเหมือนชนชั้นที่ 2 หรือทำให้คนที่กำลังมองหาสถาบันการศึกษาต้องคิดหนัก ทั้งที่ความจริงระบบการเรียนการสอนและอีกหลายอย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏทำได้ดีไม่แพ้สถาบันอื่นเช่นกัน
 
“มหาวิทยาลัยราชภัฏ” เดินหน้าต่อ เน้นพัฒนาบุคลากร “คุณภาพ”
 
ภาพจาก https://citly.me/Zstx4

ทั้งนี้บริบทของการเรียนในยุคใหม่ จำเป็นต้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทางมหาลัยราชภัฏเองก็ตระหนักดี ซึ่งก็มีหลายแห่งที่มีความโดดเด่นเช่น
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (SSRU) ถือเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มราชภัฏอย่างต่อเนื่อง ครองตำแหน่งสูงสุดทั้งด้าน จำนวนนักศึกษา และ คะแนนการจัดอันดับ จากหลายสถาบัน
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (CMRU) เป็นราชภัฏที่มีขนาดใหญ่และได้รับความนิยมสูงในภาคเหนือ มีชื่อเสียงด้าน ครุศาสตร์ และ ศิลปกรรมศาสตร์ รวมถึงเป็นศูนย์กลางการศึกษาและการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ภาคเหนือ
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (BSRU) เป็นอีกแห่งที่มีความนิยมสูงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดดเด่นด้านสาขา ครุศาสตร์ และมีชื่อเสียงในด้าน วิทยาลัยการดนตรี และสาขาศิลปกรรมศาสตร์
รวมถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏหลายแห่งในต่างจังหวัด เช่น ราชภัฏนครราชสีมา, ราชภัฏสุราษฎร์ธานี, ราชภัฏอุบลราชธานี ต่างก็เป็นศูนย์กลางการศึกษาที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมสูงในภูมิภาคของตนเอง
 
และถ้าพูดถึงโอกาสประสบความสำเร็จของผู้เรียน "มหาวิทยาลัยราชภัฏ" เทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ "ชื่อสถาบัน" เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยส่วนบุคคล และ สาขาวิชา เป็นหลัก 
 
ซึ่งเมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว ผู้ที่จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างจากผู้ที่จบจากมหาวิทยาลัยอื่น หากมีคุณสมบัติที่ตลาดแรงงานต้องการ ในส่วนของเงินเดือนเริ่มต้นก็ขึ้นอยู่กับสถานประกอบการและความสามารถของแต่ละคนรวมถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
641
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
586
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
534
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
478
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
462
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
455
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด