บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    วางแผนขยายธุรกิจ    การสร้างมูลค่าทางธุรกิจ
4.6K
2 นาที
3 ตุลาคม 2552

ยุคนี้กลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรนำมาใช้คืออะไร ? 

พื้นฐานของการทำธุรกิจโดยทั่วไป สูตรตั้งต้นในการก้าวย่างมักจะไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก แต่พอธุรกิจตั้งไข่ได้แล้ว กลยุทธ์ในการเดินหน้าของแต่ละรายจะเริ่มถูกงัดออกมาใช้สารพัดวิธี

 และสิ่งนี่เองที่จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างของผู้ประกอบการแต่ละรายให้เห็นอย่างชัดเจน
กลยุทธ์ใครดีก็เหมือนมีเครื่องมือนำทางสู่ความสำเร็จได้เร็วและมากกว่ารายอื่น แต่กลยุทธ์ที่ว่าไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ต้องผันแปรไปตามสถานการณ์แวดล้อมในแต่ช่วง เพราะสถานการณ์หนึ่งก็เหมาะเฉพาะแค่กลยุทธ์แบบหนึ่ง แต่พอสถานการณ์เปลี่ยน ยุคสมัยเปลี่ยน กลยุทธ์ที่ว่าเจ๋งในขณะนั้น ก็อาจจะเชย ใช้การไม่ได้ในสมัยนี้

ยกตัวอย่างในอดีต ประไทยเป็นฐานการผลิตให้บริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ เพราะต้นทุนการตั้งสถานประกอบการ ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนแรงงาน ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ

ผลผลิตที่ได้ออกมา เจ้าของบริษัทผู้จ้างสามารถตั้งราคาขายสินค้าในอัตราที่ต่ำได้สบาย การขายก็คล่อง กำไรก็งาม

แต่พอมายุคนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยถูกยกระดับสูงขึ้น แรงงานพัฒนาฝีมือมากขึ้น ต้นทุนค่าจ้างก็ย่อมแพงขึ้น บริษัทที่จะเข้ามาจ้างไทยให้ผลิตสินค้าต้นทุนถูกเพื่อนำไปขายแข่งกับประเทศอื่นในราคาต่ำก็ทำไม่ได้แล้ว ต้องย้ายไปหาทำเลอื่นที่ต้นทุนต่ำกว่าไทย หรือไม่ก็ต้องปรับรูปแบบการผลิตสู่สินค้าคุณภาพสูงขึ้น หลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา หันไปมุ่งแข่งคุณภาพแทน เป็นต้น

แล้วยุคนี้กลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรนำมาใช้คืออะไร ?

ภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ฟันธงว่า นวัตกรรม คือ คำตอบที่ลงตัวที่สุดในยุคนี้ ซึ่งหมายรวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ ตั้งแต่กระบวนการผลิต แพ็กเกจจิง การจัดจำหน่าย และบริการลูกค้า

แน่นอนว่าการใช้นวัตกรรมต้องมีการลงทุน จะสูงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ และขนาดของกำลังการผลิตที่จะใช้ แต่ถึงจะลงทุนสูงผลตอบแทนที่ได้กลับคืนมาก็คุ้ม เพราะสินค้าที่ผลิตได้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากความโดดเด่นหรือแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น

ยิ่งไปกว่านั้น ในระยะยาวนวัตกรรมยังช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย เป็นฟันเฟืองสำคัญต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกระบวนการผลิต เฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนจากแรงงาน และการบริหารจัดการเศษสิ่งวัสดุหรือวัตถุดิบเหลือทิ้งจากขั้นตอนการผลิต

การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นกำลังหลักในการเผชิญกับทุกสภาพความผันผวนทางเศรษฐกิจและต้นทุนทุกด้าน

“เอสเอ็มอีไทยมีจุดอ่อนในเรื่องการนำนวัตกรรมมาใช้ ทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับต่างประเทศได้ สินค้าจำนวนมากที่ผลิตได้เอง แต่กลับถูกสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนแย่งตลาดไปแทบเกลี้ยง เนื่องจากผู้ประกอบการไทยมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าในสินค้าประเภทเดียวกันเกรดเดียวกัน ก็เป็นธรรมดาที่ลูกค้าจะเลือกซื้อของอินเตอร์มากกว่า” ภักดิ์ กล่าว

การหันมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ จึงเป็นทางออกที่ลงตัวต่อการผลิตของธุรกิจเอสเอ็มอีไทย

นอกจากจะช่วยให้แข่งขันตลาดในประเทศจากการถูกบุกรุกจากสินค้าเพื่อนบ้านได้แล้ว ยังสามารถต่อยอดออกไปแข่งขันกับนานาประเทศได้ด้วย

ไม่ต้องห่วงว่าการใช้นวัตกรรมจะเป็นเรื่องเกินความสามารถหรือต้องพึ่งพาเงินทุนก้อนโต นวัตกรรมใหม่ๆ จำนวนมากสมัยนี้ใช้เงินลงทุนไม่ต้องสูงมาก

หน่วยงานรัฐและสถาบันการศึกษาในระดับอาชีวศึกษาและมหาวิทยาลัยของไทยมีบริการให้คำแนะนำ วิจัย และประดิษฐ์นวัตกรรมหลากหลายออกมาช่วยเหลืออยู่ตลอด ภายใต้โครงการต่างๆ ที่รัฐเข้าไปส่งเสริม สนับสนุน อยู่ที่ว่าผู้ประกอบการจะหันมาใส่ใจ เสาะหาช่องทางนำนวัตกรรมที่ทันสมัยไปใช้เสริมกิจการตัวเองหรือไม่

กระนั้นก็ต้องเตือนว่า นวัตกรรมไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการการันตีสู่ความสำเร็จ แต่เป็นกลยุทธ์สู่ความสำเร็จที่เหมาะเจาะในยุคนี้สมัยนี้

ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ ธนาคารกสิกรไทย เสริมว่า การใช้นวัตกรรมมีเงื่อนของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พอใช้ผ่านไประยะหนึ่งอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาต่อยอดให้เหมาะกับสถานการณ์ใหม่ๆ ที่ผ่านมา

กล่าวได้ว่าผู้ประกอบการต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เพราะธุรกิจที่อยู่รอดได้คือ ธุรกิจที่รู้จักปรับตัว

กลยุทธ์อีกประการที่เอสเอ็มอีควรสร้างเพิ่มเติมคือ เครือข่าย เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจต่อกัน สามารถพึ่งพาอาศัยกันได้ ไม่จำเป็นต้องจำกัดแค่เครือข่ายที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดียวกัน ธุรกิจอื่นก็จำเป็นต้องสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงให้ถึง

การมีเครือข่ายหลากหลายกลุ่ม จะยิ่งเป็นประโยชน์มาก เพราะแต่ละกลุ่มจะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีที่จะได้แลกเปลี่ยนกันในการหาลู่ทางอื่นเพิ่มเติม เช่น ช่องทางหาแหล่งวัตถุดิบ ช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุน ช่องการสร้างตลาดใหม่ เป็นต้น

การเปิดมุมมองข้ามไปฝั่งธุรกิจอื่นบ้าง อาจได้ลูกค้าจากเครือข่ายง่ายๆ ไม่ต้องไปมองหรือขวนขวายหาลูกค้าอื่นไกลให้สิ้นเปลืองต้นทุนทั้งเวลาและเงินทอง

ในทางกลับกัน เมื่อเราตกอยู่ในสถานะลูกค้าของเครือข่ายที่สร้างไว้บ้าง มองในแง่บวก เราก็จะได้รับสิทธิพิเศษในแง่ของราคา หรือการบริการที่ดีกว่าคนนอกกลุ่ม ยามเมื่อต้องสั่งซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบใกล้ตัว หรือต่อยอดไปสู่การขยายธุรกิจ ถือเป็นการประหยัดต้นทุนทางอ้อมได้อีกทาง

รวมถึงเป็นเวทีให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อคิดเห็น เมื่อประสบปัญหาทางธุรกิจ “บ่อยครั้งที่คิดหลายหัวก็ดีกว่าหัวเดียว” ทำให้หาทางออกได้เร็วขึ้น

เครือข่ายทางธุรกิจจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งอีกประการที่ต้องทำให้เกิดโดยเร็ว ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนทำทุกเรื่องด้วยตัวเองเสมอไป 
 
 
อ้างอิงจาก โพสต์ ทูเดย์

บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
557
หมดยุคทอง อพาร์ตเมนต์-หอพัก จากเสือนอนกิน สู่แมว..
541
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
502
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
479
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
442
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
431
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด