บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    การวางแผนธุรกิจ
3.3K
2 นาที
14 มีนาคม 2560
6 วิธีเปลี่ยนทัศนคติ เพื่อสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด!
 
ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดหากเราจะรู้สึกว่าคนที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจนั้นจะต้องมีต้นทุนความคิดหรือความฉลาดที่มากกว่าคนทั่วไปแต่ www.ThaiFranchiseCenter.com มีผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดโดยนักจิตวิทยาที่ชื่อว่า Carol Dweck ได้ใช้เวลาทำการศึกษาและวิจัยจนค้นพบว่า ทัศนคติเป็นปัจจัยบ่งชี้ความสำเร็จได้ดีกว่าไอคิว (IQ-Intelligence Quotient)
 
ภาพจาก goo.gl/t9sE8K
 
ทั้งนี้ Carol Dweck ค้นพบว่าทัศนคติหลักของมนุษย์ แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ 
 
1.Fixed Mindset หมายถึง คนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่การเปลี่ยนความคิดหรือทัศนคติของคนประเภทนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย สิ่งนี้จะสร้างปัญหา เพราะเมื่อคนประเภทนี้เผชิญความท้าทายหรือเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคที่เกินจะรับมือ เขาจะรู้สึกหมดแรงและสิ้นหวัง  
 
2.Growth Mindset หมายถึง กลุ่มคนที่มีทัศนคติหรือความเชื่อว่าตัวเองสามารถพัฒนาความสามารถด้านต่างๆ ได้ ด้วยความพยายาม ความมั่นใจอาจไม่สูงมาก แต่มีความมุ่งมั่น แม้บางคนจะมี IQ ไม่สูง แต่พวกเขาจะดีกว่ากลุ่ม Fixed Mindset ที่มี IQ สูง เพราะพวกเขากล้าที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและความท้าทาย ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
 
ทั้งนี้ใช่ว่าหากสำรวจตรวจสอบตัวเองแล้วปรากฏว่าเราอยู่ในหมวดของ Fixed Mindset ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสกลายเป็น Growth Mindset ได้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับวิธีคิดถ้าเราเปลี่ยนตัวเองได้โอกาสสร้างธุรกิจก็เริ่มต้นได้และเมื่อกลายเป็นกลุ่ม Growth Mindset เมื่อไหร่ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วยและนี่คือ 6 แนวทางเปลี่ยนความคิดสู่การสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งในอนาคต
 
1.อย่าใช้ชีวิตแบบคนหมดหนทาง

ภาพจาก  goo.gl/eSndGk

ไม่แปลกที่บางช่วงเวลาของชีวิตเรารู้สึกอับจนหนทาง เช่น ธุรกิจใกล้ปิดตัว โดนหุ้นส่วนโกงเงินไปเกือบหมด ขาดทุนและมีหนี้สินจำนวนมหาศาล และอีกหลายๆ เรื่อง สิ่งนี้แค่เข้ามาทดสอบว่าคุณจะเผชิญหน้ากับมันอย่างไร อาจจะเรียนรู้ เก็บเป็นประสบการณ์แล้วก้าวต่อไปหรือปล่อยให้ปัญหาเหล่านั้นพันธนาการไม่ให้เราก้าวต่อไป ทางไหนก็ได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งนั้นมีตัวอย่างของนักธุรกิจมากมายที่ไม่ยอมแพ้ต่อความสิ้นหวังและสุดท้ายพวกเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจระดับโลกได้เช่น
  1. Walter Elias Disney ผู้ก่อตั้งบริษัท Walt Disney ถูกไล่ออกจากหนังสือพิมพ์ Kansas City Star ด้วยเหตุผลที่ว่าเขา “ขาดจินตนาการและความคิดที่สร้างสรรค์”
  2. Oprah Winfrey พิธีกรรายการทอล์กโชว์ที่โด่งดังที่สุดในสหรัฐฯ ก็เคยถูกไล่ออกจากการเป็นผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ในบัลติมอร์ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ใช้อารมณ์และใส่ความรู้สึกมากจนเกินไป”
  3.  Henry Ford ต้องล้มเหลวในการก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ถึง 2 ครั้ง กว่าจะมาประสบความสำเร็จกับบริษัท Ford Motor ผู้ผลิตรถยนต์ค่าย Ford 
  4. Steven Spielberg เจ้าพ่อแห่งวงการบันเทิง ก็เคยถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเรียนในสาขาภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียหลายต่อหลายครั้ง 
2.ค้นหาสิ่งที่เราชื่นชอบและหลงใหล


 ภาพจาก goo.gl/jKmWPX

สิ่งที่เรียกว่าความชอบ จะช่วยให้เราสามารถเพิ่มขีดความสามารถได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะบนโลกนี้มีคนที่มีความสามารถมีอยู่เยอะมากการจะอุดรอยรั่วเหล่านั้นได้คือการใช้ความชอบเข้ามาช่วย ยกตัวอย่างเช่น เราชอบเล่นดนตรี ก็ให้เปิดร้านขายอุปกรณ์ดนตรี เราก็จะได้ทั้งขายและทำในสิ่งที่รัก

รวมถึงได้แนะนำลูกค้าที่มาซื้ออุปกรณ์ ถือเป็นความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งที่เติมเต็มการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี ส่วนคำแนะนำจาก Warren Buffett เคยแนะนำวิธีการหาสิ่งที่เราชื่นชอบจริงๆ ด้วยเทคนิคที่ชื่อว่า 5/25 โดยให้เขียนสิ่งที่เราชอบและสนใจลงไป 25 เรื่อง จากนั้นตัดออกไป 20 เรื่อง สำหรับ 5 เรื่องที่เหลือ คือเรื่องที่คุณรัก ชื่นชอบ และเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ส่วนที่เหลือเป็นเพียงความฟุ้งซ่านเท่านั้น
 
3.ลงมือปฏิบัติ 
 
สิ่งที่ทำให้คนที่มีทัศนคติแบบ Growth Mindset สามารถเอาชนะอุปสรรคและความกลัวได้ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความกล้าเท่านั้น แต่เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าการจะชนะความกังวล และความสิ้นหวังอับจนหนทางได้ ต้องลงมือแก้ไขปัญหาเท่านั้น เพราะการที่มัวแต่นั่งเครียดนั่งกังวลไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ต้องแก้ปัญหา และหาวิธีที่ทำเราสามารถเดินหน้าต่อไปได้ นั่นต่างหากคือวิธีการที่ถูกต้อง       
 
4.อย่าสร้างข้อจำกัดให้ตัวเอง
 
หากเราสร้างข้อจำกัดให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือความคิด มันจะแพร่กระจายไปยังเรื่องอื่นๆ ในชีวิตได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ซึ่งความจริงแล้วมนุษย์เราไม่มีข้อจำกัด แต่เราสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นเราก็จะทำงานได้แค่ตามที่คิด ตามที่หัวหน้าสั่ง หากเราไม่สามารถเอาชนะกับดักทางทัศนคติตัวนี้ไปได้ เราก็ไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่อยู่นอกเหนือการควบคุมไปได้ตลอดชีวิต
 
5.อย่าบ่นเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ

การเป็นคนขี้บ่นคือสัญญาณที่ชัดเจนของคนที่มีทัศนคติแบบ Fixed Mindset เพราะไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรเขาก็มักจะบ่นไปเรื่อยโดยไม่หาวิธีหรือไม่ลงมือแก้ไขปัญหา ตรงกันข้ามกับคนที่มีทัศนคติแบบ Growth Mindset ซึ่งไม่ค่อยบ่นเวลาพบกับปัญหา เพราะเขามักมองหาโอกาสจากทุกๆ เรื่อง และพร้อมปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น 
 
6.คาดหวังผลลัพธ์ 

คนที่มีทัศนคติแบบ Growth Mindset จะรู้ตัวว่าพวกเขามีโอกาสทำเรื่องต่างๆ ผิดพลาดได้เป็นครั้งเป็นคราว การวิเคราะห์หรือคาดหวังในผลลัพธ์ จะช่วยให้การทำงานของพวกเขามีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น เมื่อเขาคาดหวังผลลัพธ์แบบหนึ่ง รูปแบบและขั้นตอนการทำงานก็ต้องทำแบบหนึ่ง

ถ้าคาดหวังผลลัพธ์อีกแบบ ก็จะมีรูปแบบการทำงานที่ต่างกันออกไป แต่หากเราไม่คาดหวังผลลัพธ์ ไม่คิดวิเคราะห์อะไรเลย บางครั้งปัญหาและอุปสรรคที่รออยู่ข้างหน้าอาจสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ แต่เพราะไม่วิเคราะห์หรือคาดหวังผลลัพธ์ล่วงหน้า ก็จะกลายเป็นการสร้างปัญหาและสร้างความผิดพลาดในการทำงานขึ้นมาแทน
 
ทั้งนี้วิธีการเหล่านี้เป็นเพียงจุดตั้งต้นให้เราสามารถก้าวขึ้นมายืนในจุดสตาร์ทที่สามารถเริ่มเดินหน้าในเส้นทางธุรกิจได้ที่เหลือก็คือไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาที่ต้องแก้กันไปทีละขั้นตอนกว่าจะประสบความสำเร็จได้ระยะทางเป็นสิ่งพิสูจน์คนที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะไปอยู่ยังจุดสูงสุดของแวดวงธุรกิจได้
 
ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/tpHHK2
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
422
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด