บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางการเงิน
2.8K
2 นาที
3 กรกฎาคม 2560
9 วิธีเลือกลงทุนกับกองทุนที่ถูกใจ


ปัจจุบันการเลือกลงทุนกับกองทุนรวมนั้นถือเป็นอีกหนึ่งการออมที่มนุษย์เงินเดือนให้ความสนใจมาก ด้วยความพิเศษของการออมประเภทนี้ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างมากน้อยก็ตามแต่กองทุนที่เลือกใช้บริการ แต่ธนาคารเองก็มีหน่วยบริการที่พร้อมสนับสนุนคนที่คิดจะลงทุนแบบรายย่อยให้สามารถเลือกลงทุนได้เงินขั้นต่ำที่ไม่กระทบกระเทือนต่อชีวิตประจำวัน
 
แต่ในฐานะของมือใหม่ด้านการลงทุนเองก็อาจจะไม่แน่ใจนักว่าในสารพัดกองทุนที่มีให้เลือกจำนวนมากนี้จะมีวิธีการอย่างไรที่จะเลือกกองทุนที่ดีที่ถูกใจที่สุดด้วยเหตุนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จึงมี 10 วิธีสำหรับการตัดตัวเลือกที่ไม่จำเป็นให้คุณสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนที่ถูกใจลองไปศึกษาเรื่องนี้พร้อมกันได้เลย
 
1.ดูที่อัตราตอบแทน (เบื้องต้น)

 
แม้อัตราผลตอบแทนเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญของธุรกิจกองทุนแต่ก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง นักลงทุนควรสืบหาว่าตัวเลขที่ปรากฏนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เช่น การเทียบอัตราผลตอบแทนกองทุนทุกๆ เดือนกับดัชนี หาเดือนที่ผลตอบแทนสูงเป็นพิเศษแล้ววิเคราะห์ว่าเดือนที่สามารถชนะตลาดนั้นมาจากปัจจัยใดบ้าง และผู้จัดการกองทุนน่าจะสามารถทำซ้ำได้อีกในอนาคตหรือไม่

การลงทุนกองทุนก็เป็นเหมือนการวัดใจอย่างหนึ่งหากเราขายหน่วยลงทุนไปในตอนที่สถานการณ์ไม่ดีแต่อาจมีโอกาสที่กองทุนนั้นจะกลับมามีราคาดีได้อีก ทั้งนี้ประสบการณ์ในการดูและวิเคราะห์จึงจำเป็นมาก
 
2.เทียบมวยให้ถูกคู่ 
 
กองทุนรวมมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติเฉพาะตัว และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป และแต่ละกองทุนก็มีความเสี่ยงและผลตอบแทนไม่เท่ากัน เมื่อทราบดังนี้ การเปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนที่คุณสมบัติแตกต่างกันย่อมไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก ดังนั้นการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของกองทุนควรจะเป็นการเปรียบเทียบ ระหว่างกองทุนที่มีนโยบายและคุณสมบัติคล้ายกันที่สุด

3.ซื้อของดีและถูก 


กองทุนแต่ละกองมีค่าใช้จ่ายในตัวเอง ทั้งค่าบริหารกองทุน ค่าผู้ดูแลผลประโยชน์ มาร์เกตติ้ง หนังสือพิมพ์ และอีกมากมาย โดยทั่วไป กองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมักจะมีค่าใช้จ่ายมากตามไปด้วย ข้อมูล “อัตราส่วนค่าใช้จ่าย” หรือเปอร์เซ็นของสินทรัพย์ที่จะต้องหักไปจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ สามารถบอกได้ว่ารายได้สุทธิที่นักลงทุนจะได้รับจะถูกลดตัดตอนไปมากน้อยเพียงใด และคุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้รับกลับคืนมากแค่ไหน
 
4.หลีกเลี่ยงกองทุน Turnover สูง 

กองทุนที่มีอัตราหมุนเวียนหลักทรัพย์สูง หรือมีการซื้อขายหลักทรัพย์บ่อยครั้งจะก่อให้เกิดค่าจ่ายทางอ้อมต่อเงินของนักลงทุนคือ ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมหรือคอมมิชชั่นนั่นเอง นอกจากนั้นนักลงทุนบาง ส่วนอาจมีมุมมองว่าผู้จัดการกองทุนที่มีอัตราหมุนเวียนหลักทรัพย์สูงไม่มีความมั่นใจในการลงทุน จึงไม่มีเหตุผลที่ดีพอในการถือสินทรัพย์ที่ได้ลงทุนไป
 
5.ทำความรู้จักผู้บริหารกองทุน 

 
นักลงทุนสามารถวิเคราะห์แนวทางการลงทุนของผู้จัดการกองทุนได้หลายทาง เช่น การคำนวณทางคณิตศาสตร์และสถิติพวก Sharp ratio, Alpha, R square ฯลฯ เพื่อหากลยุทธ์ของผู้จัดการกองทุนว่ามีประสิทธิภาพ เข้ากับสไตล์ของเราหรือไม่ อาจจะพอทำให้เราเห็นว่าธรรมชาติของผู้จัดการกองทุนนั้นๆ มีแนวโน้มตามตลาดใด ชอบตัวแปรปัจจัยใดเป็นพิเศษ และแพ้ทางสถานการณ์แบบใด ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีหน่วยงานกลางหลายแห่ง มีบริการจัดอันดับกองทุนตามวิธีของตนเผยแพร่กับนักลงทุนมากขึ้นด้วย

6.Active vs Passive fund 
 
กองทุนแบบ passive คือกองทุนที่ไม่ได้ถูกบริหารอยู่ตลอดเวลา การบริหารกองทุนประเภทนี้ไม่ต้องการหาช่องทางในการชนะตลาดเหมือนกองทุนแบบ active แต่จะพยายามเลียนแบบผลตอบแทนและความเสี่ยงของดัชนีที่เลือกไว้  เพราะว่ากองทุนประเภทนี้ไม่ต้องบริหารจัดการและการตัดสินใจอะไรมากมาย ค่าใช้จ่ายการจัดการกองทุนจึงน้อย สำหรับประเทศไทยที่กองทุนแบบ passive เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน และยังมีสัดส่วนที่น้อยมาก จึงน่าติดตามว่ากองทุน Passive นี้จะเติบโตเหมือนในต่างประเทศได้หรือไม่
 
7.คัดทิ้งไปซะบ้าง

 
สมัยนี้ บลจ.ต่างขยันเปิดกองทุนใหม่ๆ มาแข่งกัน บางกองทุนก็แค่เปลี่ยนคุณสมบัติจากกองอื่นๆ เล็กน้อยเพื่อให้ตั้งชื่อใหม่ได้ ทำให้การเลือกลงทุนยากขึ้นทุกวันๆ เพราะมีตัวเลือกมากเหลือเกิน ถ้าการเลือกกองทุนจากเทคนิคร้อยแปดพัดเก้านั้นทำให้เราปวดหัว การตัดตัวเลือกทิ้งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แทนที่นักลงทุนจะวิเคราะห์คัดเลือกกองทุนทีละกองมาใส่ในพอร์ตการลงทุนก็น่าจะทำให้ชีวิตการลงทุนนั้นง่ายขึ้นเยอะ

9.ขายตอนไหนดี
 
ต้องเข้าใจก่อนว่ากองทุนนั้นไม่ใช่หุ้น หลักของการซื้อขายหุ้นของคนส่วนมากคือการซื้อถูก ขายแพง เมื่อตลาดหุ้นตกฮวบจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนส่วนใหญ่จะเทขายหุ้นของตนออกไป แต่ไม่จำเป็นเสมอไปสำหรับกองทุนรวม เพราะกองทุนได้ถูกบริหารความเสี่ยงแล้ว ความสัมพันธ์กับตลาดจึงอาจจะไม่เหมือนกัน การขายกองทุนจึงอาจมีเหตุผลต่างไปจากหลักทรัพย์แบบหุ้น

นี่คือตัวอย่างของหลักเกณฑ์ที่จะเตือนว่าอาจจะถึงเวลาขายแล้ว กองทุนที่ผลประกอบการแย่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย กองทุนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน เช่น เปลี่ยนผู้จัดการกองทุนหรือเปลี่ยนกลยุทธการลงทุน สุดท้ายคือ เหตุผลส่วนตัวของนักลงทุน เช่น จุดประสงค์ในการลงทุนของเราเปลี่ยนไป พอร์ตการลงทุนไม่สมดุล หรือว่าเราได้ไปถึงจุดหมายที่ต้องการแล้ว
 
อย่างไรก็ตามการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจกองทุนรวมอาจส่งผลให้ เราตามหลังผู้อื่นอยู่ก้าวหนึ่งการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากสิ่งที่รู้เดิมๆ ก็จะช่วยให้เราซื้อกองทุนได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น และนี่คือเคล็ดลับพื้นฐานที่ไม่ควรลืมเมื่อเรากำลังตัดสินใจซื้อกองทุน
 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
500
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด