ภาพจาก goo.gl/71R6cX

ธุรกิจกาแฟเกรดพรีเมี่ยมอย่างสตาร์บัคเรื่องชื่อเสียงนั้นการันตีในระดับโลก เราทุกคนรู้จักกันดี ด้วยสาขาทั่วโลกที่มีกว่า 19,000 แห่ง มียอดขายกาแฟกว่า 70 ล้านแก้ว/สัปดาห์ใน 44 ประเทศทั่วโลก ในส่วนของเมืองไทยเองตัวเลขก็ยังบอกถึงการเติบโตของสตาร์บัคได้อย่างดีกับปริมาณการขายที่ไม่น้อยกว่า 1.8 ล้านแก้ว/เดือนจากสาขาในเมืองไทย

แน่นอนว่าจุดเด่นของสตาร์บัคที่เน้นตลาดพรีเมี่ยมเป็นหลักความน่าสนใจที่ยิ่งกว่าคือการทำตลาดและการออกสินค้าใหม่มาอย่างต่อเนื่องโดยส่วนใหญ่จะเป็นการออกสินค้าให้ตรงกับความต้องการของคนในแต่ละประเทศ แน่นอนว่าสตาร์บัคของแต่ละประเทศก็ต้องมีทีเด็ดดึงดูดใจลูกค้า

www.ThaiFranchiseCenter.com ได้นำข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับเมนูเด็ดจากรอบโลกที่หากินไม่ได้ง่ายๆแต่จะว่าไปบางเมนูก็มีเปิดบริการในเมืองไทยแล้วเหมือนกันนะ

 

เป็นเมนูเด็ดจากออสเตรเลียที่เกิดจากการผสมผสานของวัตถุดิบอย่างชาเขียวมัทฉะและช็อคโกแลต ทำให้เกิดเป็นเมนูสุดครีเอทเหมือนที่เราเห็นนี้ แน่นอนว่าแฟนพันธุ์แท้สตาบัคส์ต้องชื่นใจกับเมนูนี้มากๆเพราะเขายังเพิ่มวิปครีมพร้อมผงมัทฉะด้านบนให้อีกด้วย

 

 

เป็นเมนูเปิดตัวใหม่ของสตาร์บัคในแถบเอเชีย และดูเหมือนว่าเมนูนี้ที่ประเทศไทยก็จะมีให้ลิ้มลองเหมือนกันโดยจุดเด่นของเมนูอยู่ตรง Chestnut หรือเกาลัดที่ผ่านการคั่วหอมกรุ่นแล้วปั่นรวมกับกาแฟเอสเปรสโซที่ผสม White Chocolate ไซรัป และ Chestnut ไซรัป โดยราคาของเมนูนี้ในเมืองไทยเริ่มที่แก้วเล็ก 145 บาท (ปั่น 160 บาท) ไปจนถึงแก้วขนาดใหญ่ 175 บาท (ปั่น 190 บาท)
 

 

ไม่แน่ใจว่าใครที่ไปเกาหลีจะเคยได้ชิมเมนูนี้กันหรือยัง จะเรียกว่าเป็นเมนูสุขภาพของสตาร์บัคก็ว่าได้เพราะนอกจากอะโวคาโดปั่นมาเป็นสมูทตี้แล้วเขายังเพิ่มสารอาหารให้มากขึ้นด้วยส่วนผสมของผักคะน้า โยเกิร์ตไขมันต่ำและน้ำมันมะพร้าวแต่ถามว่าอร่อยไหม ต้องถามใจคนรักสุขภาพดูละนะงานนี้

 

เป็นอีกเมนูสุขภาพจากสตาร์บัคในเกาหลีใต้จุดเด่นคือเป็นเมนูที่ให้พลังงานประมาณ 100 กิโลแคลอรี่และส่วนผสมที่ทำให้น่าสนใจคือ Fizzos โซดากับน้ำเลมอนที่มีการเพิ่มกลิ่นของแอพพริคอตและขิงให้มีเอกลักษณ์ในตัวเองยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีเจลลี่รสมะม่วงเพิ่มสีสันการดื่มให้แปลกและแตกต่าง เมนูนี้ขายดีทีเดียวละ

 

เมนูนี้อยู่ในแถบเอเชียและหาซื้อได้ในเมืองไทยเหมือนกันจุดเด่นที่น่าสนใจคือการเป็นม็อคคาราเมลปั่นที่มีความหวานจากไซรัปที่ทั้งหอมและมันเพิ่มกลิ่นคาราเมลเข้าไปอีกชั้นให้ดึงดูดใจมากขึ้นด้านบนยังราดคาราเมลกับวิปครีมให้อีกด้วย รวมๆแล้วเมนูนี้น่าจะถูกใจคนรักความหวานเพราะวัตถุดิบแต่ละอย่าง หวานเว่อร์ๆเลยทีเดียว

 

เป็นเมนูที่เรียกว่า Limited edition จากญี่ปุ่นโดยแท้มีแรงบันดาลใจจากขนมหวานคลาสสิคของอเมริกันคือพายเชอร์รี่ ที่เสิร์ฟพร้อมไอศครีมวานิลลา ที่นำมาพัฒนาให้กลายเป็นเครื่องดื่ม โดยมีแป้งพายชิ้นเล็กๆ กระจายไปทั่ว โปะด้วยเชอร์รี่เชื่อมและวิปครีม ปิดท้ายด้วยแป้งพายทำเป็นรูปโค้งมนเหมือนฝาปิดแก้วกาแฟ เวลากินต้องใช้หลอดทิ่มลงไป ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนกับการใช้ส้อมตักกินพายซึ่งก็มีจำหน่ายที่ญี่ปุ่นเมื่อ 13 เม.ย.-16 พ.ค.ที่ผ่านมาเท่านั้น
 

 

น่าดีใจที่เมนูนี้ก็มีในเมืองไทยเหมือนกันเป็นแนวกาแฟของคนที่รักพุดดิ้งด้วย กับการผสมผสานที่ออกมาลงตัวมากๆกับด้านล่างที่เป็นไอริชครีมอย่างดีซึ่งเข้นมากปั่นกับเอสเพรซโซ่ ที่ให้ทั้งกลิ่นหอม หวานมัน และคนที่เคยกินก็บอกว่ารสชาตินั้นเนียนสุดๆ ใครอยากกินก็เตรียมเงินไว้สัก 170 บาทสำหรับแก้วขนาดเล็กนะ
 

 

เป็น Limited edition อีกเมนูจากญี่ปุ่น ที่มีส่วนผสมของกล้วยผสมผสานด้วยการใส่ชอคโกแลต ไซรับ โรยด้วยเวเฟอร์เคลือบช็อคโกแลตอีกชั้น ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ก็มีให้เลือกอีกอย่างนั้นคือ White Chocolatey Banana Cocoa Frappuccino ที่มาในแนวเดียวกัน เมนูนี้ราคาเริ่มตั้งแต่ 560 – 640 เยน แต่มีจำหน่ายจำกัดและสิ้นสุดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

น่ายินดีกับคอกาแฟสตาร์บัคเมืองไทยอีกครั้งที่เมนูนี้ก็มีเปิดตัวในเมืองไทยแล้วเช่นกันตามรายงานของสตาร์บัคคอฟฟี่ไทยแลนด์ กับเมนูกาแฟที่ผสมโยเกิร์ตและผลอาซาอี เบอร์รี่ ที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 10 ซุปเปอร์ฟรุตของโลก ตามรายงานแจ้งว่าพร้อมเสิร์ฟเมนูนี้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2017 ลองตามไปหารับประทานด้วยที่สตาร์บัคทุกสาขาเลย
 

 

เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดลับเฉพาะของสตาร์บัคที่ใครไม่รู้ก็จะต้องไม่เคยสั่งแน่ๆเพราะงานนี้ถ้าต้องการจริงๆ ให้บอกกับเบาริสต้าได้เลยเขาจะมีส่วนผสมที่น่าสนใจอย่างเมนูนี้ก็จะเป็นการผสมกันระหว่างความหอมละมุนของอบเชยและไซรับจบด้วยวิปครีมผงอบเชยซึ่งเป็นเมนูขายดีในอเมริกาใต้ด้วยความที่มีกลิ่นอายของความเป็นละตินอย่างชัดเจนนั่นเอง

 

เมนูเดียวกันนี้แต่ในแถบยุโรป , ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เขาจะเรียกว่า Creamy Caramel Latte ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือเนยและคาราเมล ส่วนรสชาตินั้นก็แน่นอนว่าจะออกมาในสไตล์หวานๆ มันๆ ออกจะจืดๆนิดหน่อยถ้าเทียบกับลิ้นของคนไทยแต่ในแถบนั้นเขาก็นิยมกันสำหรับเมนูนี้

 

 

ใช้การผสมผสานระหว่างชามัทฉะและเอสเปรสโซ่กลายเป็นเมนูรสเลิศที่น่าสนใจตั้งแต่สีสันที่สวยสะดุดตากับจุดเด่นเรื่องรสชาติที่ขอบอกว่าทั้งกลิ่นและความเข้มข้นนั้นน่าจะถูกใจคอกาแฟแต่น่าเสียดายที่เมนูนี้อยู่ในเอเชียแต่ยังไม่เห็นมีในเมืองไทยหรือเราจะลองไปสั่งดูเผื่อบางทีจะมีแต่เราไม่รู้ก็ได้

 

เป็นการผสมผสานระหว่างไข่มุกกับกาแฟที่ให้อารมณ์คล้ายกับการดื่มชาไข่มุกแต่ที่พิเศษกว่าสมกับการเป็นสตาร์บัคคือไข่มุกที่ใช้นั้นคือเจลลี่รสกาแฟ เอามาปั่นผสมกับกาแฟ ตามด้วยวิปครีม ราดด้วยคาราเมล อารมณ์ก็จะฟินๆเวลาที่ได้กินเมนูนี้เข้าไป

 

 

อีกหนึ่ง Limited edition ที่ออกมาในช่วงเทศกาลเท่านั้นเมนูนี้จำหน่ายมาจนถึงเดือนมีนาคม 2017 ที่ผ่านมาโดยเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่น “ซากุระ” 2017 ของญี่ปุ่นที่ราคาเริ่มตั้งแต่ 430-550 เยน และเป็นเวอร์ชั่นแรกของคอลเลคชั่นที่มีอีกหลายแบบตามมาเพื่อให้เข้ากับเทศกาลซากุระของญี่ปุ่น

 

อัตราการเติบโตของสตาร์บัคทั่วโลกยังมีแนวโน้มที่สดใสในประเทศไทยเองก็เช่นกันที่มีการตั้งเป้าจะขยายสาขาในเมืองไทยให้ถึง 400 แห่งภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งดูแล้วมีโอกาสเป็นไปได้มากเพราะนี่คือธุรกิจที่มีการตลาดแข็งแกร่งและรู้จักการปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคสมัยซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากกับการทำธุรกิจในยุคนี้

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก goo.gl/ZyHmi3