บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
7.6K
2 นาที
11 มกราคม 2562
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! ยาคูลท์
 

ยาคูลท์ เกิดมาเราก็รู้จัก บางคนเคยดื่มตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นสาวกตัวยงอยู่ เคยสงสัยกันบ้างไหมละว่ายาคูลท์อยู่คู่กับเรามานานทำไมดีไซน์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และสมัยก่อนจะฮิตมากกับคำว่า “ถามสาวยาคูลท์” ทำไมต้องถามสาวยาคูลท์? อีกหลายเรื่องราวเกี่ยวกับ ยาคูลท์ที่ www.ThaiFranchiseCenter.com ภูมิใจนำเสนอแง่มุมที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน ถ้ารู้แล้วคุณอาจจะรักยาคูลท์เพิ่มมากขึ้นก็ได้ 
 
1.ยาคูลท์แบรนด์เก่าแก่อายุกว่า 90 ปี


ยาคูลท์ถือเป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวแบรนด์แรกของญี่ปุ่น คิดค้นโดย ดร. Minoru Shirota ตั้งแต่ปี 1935 ก่อนที่จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและแพร่หลายมายังประเทศไทยเมื่อประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา ผู้นำเข้าแบรนด์ยาคูลท์จากญี่ปุ่นมาตีตลาดในไทยคือบริษัท ยาคูลท์ แห่งประเทศไทย ที่ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกตลาดนมเปรี้ยวแลตโตบาซิลลัสในไทยให้เฟื่องฟู
 
2.ยาคูลท์ชื่อเป็นยาแต่ไม่ใช่ยา
 
ยาคูลท์เป็นนมเปรี้ยวจากญี่ปุ่น ที่โดยปกติประเทศที่ได้ชื่อว่าชาตินิยมอย่างญี่ปุ่นมักจะไม่ยอมตั้งชื่อเป็นภาษาอื่น แต่ยกเว้นยาคูลท์นี้ที่เขียนชื่ออย่างเป็นทางการว่า YAKULT ซึ่งเป็นภาษาประดิษฐ์ Esperanto ที่มีคนใช้เพื่อช่วยในการสื่อสารให้เข้าใจง่ายขึ้น เข้าใจว่า YAKULT มีรากศัพท์มาจากคำว่า Jahuto ในภาษา Esperanto ที่มีความหมายเหมือนคำว่า Yoghurt ที่แปลได้ว่า ยาที่ทำให้มีอายุยืนยาว
 
3.ส่วนประกอบของยาคูลท์คือแลตโตบาซิลลัสที่แข็งแรงมาก
 

ยาคูลท์จัดเป็น Probiotic หรืออาหารเสริมแบททีเรียและจุลินทรีย์ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย จุดเริ่มต้นมาจากจุลินทรีย์กรดนมที่อยู่ในลำไส้ของมนุษย์ แต่ ดร.มิโมรุ นำเอาจุลินทรีย์นี้ออกมาเพาะเลี้ยงให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อให้ทนต่อสภาวะกรดและด่างในร่างกายเราได้ และตั้งชื่อจุลินทรีย์ชนิดนี้ว่า Lactobacillus Casei Shirota Strain  หรือจุลินทรีย์ชิโรต้า
 
4.ยาคูลท์มีน้ำตาลถึง 18%

น้ำตาลถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในยาคูลท์แต่ไม่ใช่ใส่เพื่อเพิ่มรสชาติหากแต่น้ำตาลคือที่ที่แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้ดี ในยาคูลท์ 1 ขวดจึงมีน้ำตาลถึง 18% สำหรับคนที่ต้องการเรื่องสุขภาพแต่ไม่อยากได้ความอ้วนมาเป็นของแถมเขาถึงได้แนะนำให้บริโภคแค่วันละ 1 ขวดก็พอเพราะน้ำตาลในยาคูลท์คำนวณแล้วเท่ากับ 3.5 ช้อนชา และให้พลังงาน 71 Kcal
 
5.ทำไมยาคูลท์มีแต่ไซน์เล็ก
 

สำหรับสาวกยาคูลท์ที่นิยมบริโภคเป็นประจำอาจสะดุดตรงที่ขนาด บางทีอยากจะดื่มแบบเยอะๆ แต่พอกระดกนิดเดียวหมดขวดซะแล้ว ซึ่งยาคูลท์ 1 ขวดขนาด 80 cc เขาคำนวณมาแล้วว่าเหมาะสมกับร่างกายของคนมากที่สุด ซึ่งตัวที่ทำให้นมมีรสเปรี้ยวคือ แลคโตบาซิลลัสที่อยู่ในยาคูลท์ ส่วนใหญ่เป็นกรดแลคติกถ้าดื่มขวมใหญ่อาจอ้วนง่ายหรือร่างกายอาจได้รับแบคทีเรียเกินความจำเป็นนั่นเอง
 
6.ยาคูลท์เคยใช้ขวดแก้ว
 
ตั้งแต่ปี 1935 ยาคูลท์เคยใช้ขวดแก้วใสกริ้งมาตลอด สรีระของขวดมีแรงบันดาลใจจาก "Kokeishi" ตุ๊กตาโบราณ จนกระทั่งปี 1968 ปรับเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกแบบที่เราเห็นๆ ในปัจจุปัน เพราะต้นทุนถูกกว่าและน้ำหนักเบากว่าขวดแก้ว รวมกันหลายขวดก็หลายกิโล ทำให้สาวยาคูลท์ในยุคใหม่ไม่ต้องแบกขวดแก้วหนักเกินเหมือนในอดีต
 
7.วลีเด็ดคือ “ถามสาวยาคูลท์ซิคะ”
 

สาวยาคูลท์ เป็นกลยุทธ์การขายที่ช่วยสร้างให้ลูกค้ารับรู้แบรนด์ได้อย่างเข้าใจ ถือได้ว่าสาวยาคูลท์เป็น Brand Ambassador ที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ผลิตลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เทคนิคการตลาดแบบสาวยาคูลท์เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 1963 ซึ่งบริษัทยาคูลท์ประเทศญี่ปุ่นยุคแรกๆมีธรรมเนียมแสนเก๋จนต้องยกนิ้วให้ เพราะพนักงานในบริษัทยาคูลท์ จะตั้งแถวตบมือทุกครั้งเมื่อสาวยาคูลท์ญี่ปุ่นออกไปปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจก่อนสาวยาคูลท์ออกไปพบลูกค้า
 
8.รายได้สาวยาคูลท์ไม่ธรรมดา
 
การฟันธงว่าสาวยาคูลท์รายได้เท่าไหร่อาจไม่ชัดเจนแต่จากข้อมูลเบื้องต้นประมาณได้ว่าสาวยาคูลท์มีรายได้หลักจากเปอร์เซ็นต์การขายที่สาวยาคูลท์ 1 คนจะขายได้ไม่ต่ำกว่า วันละ 800 ขวด

อันเนื่องมาจากการตลาดที่เน้นให้ลูกค้าซื้อได้จากสาวยาคูลท์และมีการแบ่งโซนขายกันชัดเจน หากใน 1 เดือนทำงาน 26 วันรายได้ประมาณ 17,680 บาท รวมกับโบนัสอีกประมาณเดือนละ 3,000 เบ็ดเสร็จก็มีรายได้เกือบ 20,000 แต่ใช่ว่าจะเป็นสาวยาคูลท์ได้ง่ายๆ ต้องมีการอบรม การสอบ และการขายในช่วงแรกที่เรายังไม่มีฐานลูกค้าตัวเองก็จะเริ่มต้นได้ยากสักหน่อย
 
9.อหิวาตกโรคคือจุดพลิกสร้างชื่อให้ยาคูลท์เมืองไทย
 

ในปี 1972 เกิดอหิวาตกโรคระบาดแถวสมุทรปราการ บริษัทยาคูลท์ได้นำยาคูลท์ลงไปในพื้นที่ ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ป่วยอาการหนักถ่ายไม่หยุด 3 คน ซึ่งการที่ผู้ป่วยจะใช้ยาคูลท์ดื่มแทนยาต้องหยุดยาอื่นๆทั้งหมด และดื่มยาคูลท์ต่างน้ำผลปรากฏว่า 3 ชั่วโมงผ่านไป คนไข้ที่ดื่มยาคูลท์หยุดถ่ายและกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
 
10.ยาคูลท์ไม่มีแบบกล่องแพคเกจออกขาย

เราอาจเคยเห็นแบรนด์อื่นๆ จัดเซตสินค้าออกมาวางขาย แต่ไม่เคยเห็น ยาคูลท์ทำแบบนั้น เหตุผลคือ ยาคูลท์เป็นแบรนด์ที่มุ่งเน้นการรักษาธรรมชาติและไม่อยากเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม วัสดุที่ใช้ทุกวันนี้คือ Poly Styrene ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติและการที่ยาคูลท์มีขวดขนาดเล็กนอกจากเหตุผลว่าเป็นปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกาย ขวดขนาดเล็กนี้สามารถยกดื่มได้ในทีเดียวไม่จำเป็นต้องใช้หลอดอีกด้วย
 
บทเรียนหนึ่งที่เราควรศึกษาว่าทำไมยาคูลท์ถึงอยู่คู่สังคมไทยได้อย่างไม่เสื่อมคลายในขณะที่บางธุรกิจเริ่มต้นทีหลังแต่กับล้มเหลวไม่เป็นท่า ยาคูลท์ไม่ใช่สินค้าจำเป็นขนาดที่ต้องดื่มต้องกินต้องใช้ทุกวัน แต่สิ่งที่ยาคูลท์ทำคือตอกย้ำคือความเป็นแบรนด์ที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย สินค้าใดก็ตามหากตอกย้ำในจุดนี้ได้โอกาสเติบโตก็สดใสสวยงามเช่นกัน
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: 
@thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S 

ขอบคุณรูปภาพจาก www.facebook.com/yakultthailand
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
634
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
567
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
524
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
447
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
442
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
431
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด