บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.6K
2 นาที
25 มกราคม 2562
ส่อง! ออฟฟิส Facebook และ Google ที่น่าทำงานที่สุดในโลก
 

ภาพจาก  goo.gl/EpEdVj

เมื่อปีที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมออฟฟิศของ Facebook และ Instagram ที่ Silicon Valley ที่สหรัฐอเมริกาโดยมีคนไทยที่ทำงานใน Instagram เป็นผู้นำชม ซึ่งในการเดินทางในทริปนี้ส่วนใหญ่ผมใช้บริการ Uber ซึ่งอูเบอร์อาจเรียกได้ว่าเป็นบริการหลักในการเดินทางของคนที่นั่นครับ 
 
หลายคนเคยได้ยินว่าบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ตั้งอยู่ใน Silicon Valley หรือแถบ Bay Area ในซานฟรานซิสโก ตอนที่นั่งรถออกไปคล้ายไปแถวรังสิตคือค่อนข้างไกลจากตัวเมืองสาเหตุเพราะบริษัทเหล่านี้ต้องไปสร้างนิคมทางเทคโนโลยีของเขาเอง ผมไปที่ Facebook ก่อน ที่นี่จะเป็นออฟฟิศแนวราบ เป็นกลุ่มตึก 3 ชั้นที่ใหญ่มาก


ภาพจาก  goo.gl/EpEdVj

โดยจะเป็นกลุ่มตึกกระจัดกระจายเหมือนไป Universal หรือ Disneyland ที่มีพื้นที่ open space ต้องมีคนรู้จักข้างในจึงจะสามารถเข้าไปชมข้างในได้ ที่น่าตกใจคือในออฟฟิศของ Facebook หรือ Instagram จะมีคนหลากเชื้อชาติอยู่รวมกันมาก ข้างในนี้จะมีร้านอาหาร มีกาแฟ มีฟู้ดทรัคซึ่งทุกอย่างฟรีหมดเลยสำหรับพนักงาน วัฒนธรรมการทำงานเท่าที่คุยดูน่าสนใจมากเลยทีเดียว อย่างห้องทำงานของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กเองก็ไม่ได้มีห้องส่วนตัว เขาจะนั่งทำงานเขียนโปรแกรมรวมกับคนอื่นในห้องแบบเปิดกว้าง เพราะเขาเชื่อว่าทุกอย่างต้องเปิดโล่งและสามารถเข้าถึงได้ จากที่ผมเคยคิดว่าที่นี่ต้องมีขั้นตอนต่างๆ มากมาย ปรากฏว่าไม่มี 


ภาพจาก  goo.gl/EpEdVj
 
ออฟฟิศเฟซบุ๊กและกูเกิ้ลที่สิงคโปร์เเองก็มีวัฒนธรรมคล้ายๆ กันคือไม่มีเวลาเข้างานตายตัวแต่ต้องทำงานและส่งงานได้ตรงตามเวลา ออฟฟิศเปิดตลอด 24 ชม. มีของกินตลอดทั้งวัน (ยกเว้นวันอาทิตย์เพราะไม่อยากให้คนทำงานมากเกินไป work&life balance) ที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ ดดยปกติบริษัทประเภทนี้น่าที่จะได้เจอแต่ฝรั่ง

แต่ครั้งนี้ผมเจอคนเอเชียเยอะมาก ทั้งอินเดีย จีน เมื่อก่อนกลุ่มคนในซิลิกอนวัลเล่ย์หรือบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นคนอินเดียเสียส่วนใหญ่และจะมีอิทธิพลมากดูได้จาก CEO ของบริษัทหลายแห่งจะเป็นคนอินเดีย เช่น CEO ของกูเกิลหรือไมโครซอฟต์ แต่จากการสังเกตผมมองว่าต่อไปคนจีนและคนเอเชียจะมีบทบาทมากขึ้น เพราะคนเหล่านี้เข้ามาเป็นเจเนอเรชั่นต่อไปในซิลิคอนวัลเล่ย์ ส่วนคนไทยอยู่ในเฟซบุ๊กมีอยู่หลายสิบคนเหมือนกันทั้งเอนจิเนียร์ทั้งทำทางด้านธุรกิจ


ภาพจาก  goo.gl/nuJy3R
 
ตอนที่จะไปที่ Google ผมใช้บริการอูเบอร์อีกครั้งซึ่งพบสิ่งที่น่าสนใจมากก็คือที่อูเบอร์ที่นี่มีแบบคาร์พูลเพื่อแชร์ค่ารถให้ถูกลง และล่าสุดยังมีอูเบอร์พูลเอกซ์เพรสเพิ่มขึ้นมาซึ่งจะเร็วกว่าเดิม จะเป็นระบบการนัดรับผู้โดยสารตรงจุดใหญ่ๆ ที่สะดวก ทำให้การเดินทางรวดเร็วขึ้นและราคาถูกลงไปครึ่งหนึ่งเลย ถือเป็นโมเดลหนึ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นที่นั่น

ที่กูเกิลน่าเสียดายที่ติดต่อคนรู้จักไม่ทันเลยได้แค่เดินดูบรรยากาศรอบๆ บรรยากาศของกูเกิลคล้ายกับในมหาวิทยาลัย ทั้งกูเกิลและเฟซบุ๊กมีความเหมือนกันคือเป็นพื้นที่ระนาบใหญ่ แบบแคมปัสขนาดใหญ่ มีจักรยานให้ใช้ฟรี บรรยากาศข้างในโดยเทียบเคียงกับที่สิงคโปร์ก็น่าจะเหมือนกันคือมีอาหารฟรี ทุกอย่างฟรี แต่เท่าที่อ่านมาคนในกูเกิลจะมีอยู่สองชนชั้น คือกลุ่มเอนจิเนียร์ที่ทำเรื่องนวัตกรรมต่างๆ


ภาพจาก  goo.gl/nuJy3R

ซึ่งจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คือมีอาหารฟรีทั้งเช้า กลางวัน เย็น ทุกวัน มีการดูแลอย่างดี 24 ชั่วโมง กับกลุ่มที่ทำด้านบิสเนส พวกนี้ค่อนข้างจะเป็นชนชั้นสองเล็กน้อยคือมีอาหารฟรีแต่จะมีแค่เช้าและกลางวัน ส่วนเย็นไม่มี เสาร์อาทิตย์ไม่มีเช่นกัน จะเห็นว่าถ้าคุณเป็นพวก Technical จะได้รับการดูแลอย่างดี แต่โดยรวมก็เห็นว่าเขาดูแลคนดีมากนะครับ
 
ด้วยความที่กูเกิลและเฟซบุ๊กอยู่ไกลจากตัวเมืองมากจึงต้องเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบเพื่อดึงคนให้อยู่ด้วยนานๆ หากพนักงานต้องออกมากินเองคงต้องใช้เวลามากเขาจึงต้องมีทุกอย่างให้ฟรี ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สันทนาการ รถบัสรับส่งจากตัวเมือง วัฒนธรรมนี้จึงขยายออกมาจนกลายมาเป็นวัฒนธรรมทั่วโลกไปแล้ว 


ภาพจาก  goo.gl/nuJy3R
 
วิธีการจัดการในเรื่องของอาหารที่กูเกิลหรือเฟซบุ๊กนั้นเหมือนกัน เขาเชื่อว่าการอิ่มนั้นจะมีผลต่อการทำงาน ถ้ามีอาหารอยู่ตลอดเวลาสมองก็จะคิดและทำงานตลอดเวลา ดังนั้นจะมีอาหารจัดไว้ที่ไมโครคิทซึ่งจะเป็นครัวเล็กๆ อยู่ตลอดเวลา การวางตำแหน่งโต๊ะทำงานก็จะอยู่ไม่ห่างจากไมโครคิทเช่น ไม่ใช่แค่นั้นเขายังใส่ใจในเรื่องสุขภาพของพนักงานด้วยเพราะอาหารที่มีความหวานหรือน้ำตาลเยอะๆ จะถูฏวางในที่หยิบยาก อาหารเฮลตี้จะวางไว้ที่หยิบง่าย อะไรที่ไม่ค่อยถูกกินจะเอาออกไปและเอาอันใหม่มาแทน

อย่างที่กูเกิลร้านไหนที่คนกินน้อยเขาก็จะเอาออกเลยถือว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพนักงานของเขาได้ ตรงนี้สำคัญมาก กูเกิลจึงเป็นองค์กรต้นแบบของบรรดาบริษ้ทที่ทำทางด้านเทคโนโลยี หรือพวกเทคสตาร์ทอัพในโลกนี้ กูเกิลกลายเป็นบริษัทที่เปลี่ยนวัฒนธรรมในการทำงานในซิลิคอนวัลเล่ย์ และบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกก็รับเอาวัฒนธรรมนี้มาแล้วด้วย เมืองไทยเองก็เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นแล้วเหมือนกัน เช่น ประกาศรับสมัครงานของบริษัทเทคโนโลยีพวกเทคสตาร์ทที่ต้องบอกความสะดวกสบายต่างๆ ของบริษัทตน ไม่ว่าจะใกล้รถไฟฟ้า มีอาหารกลางวัน มีปาร์ตี้ ฯลฯ เรื่องเหล่านี้เริ่มเป็นปัจจัยที่จะดึงคนรุ่นใหม่ให้อยู่กับองค์กรได้ 


ภาพจาก  goo.gl/nuJy3R
 
วัฒนธรรมในการทำงานมันเปลี่ยนไปมากแล้ว อะไรที่เคยคิดว่าใช่ อาจจะไม่ใช่อีกต่อไป หากคุณจะปรับองค์กรรับคนรุ่นใหม่เข้ามาแต่ยังมีวัฒนธรรมการทำงานแบบเดิมๆ ก็คงไม่สามารถรับคนกลุ่มนี้เข้ามาได้ องค์กรหลายๆ แห่งได้ปรับเปลี่ยนแล้ว

หากคุณต้องการเปลี่ยนองค์กรของตนเองคงต้องกลับมาดูที่วัฒนธรรมในการทำงานเสียก่อน มันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนที่บิสเนสโมเดลเพียงอย่างเดียว ต้องเปลี่ยนกันถึงวัฒนธรรมการทำงานและการดูแลคนด้วยแล้วครับ มันถึงจะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานกับเราได้จริงๆ
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
จับเทรนด์ยุคใหม่ เลิกกลัว AI แย่งงาน แต่ให้กลัวค..
2,790
รวมธุรกิจเสือลำบาก ปี 2567/2024 โหดจัด ไปไม่รอด!
1,395
โหดจัด! ฟาสต์ฟู้ดจีน ไล่แซงแบรนด์ตะวันตก
700
เศรษฐกิจทรุดครึ่งปี! เลิกจ้างงานนับหมื่น บริษัทฯ..
634
รวมวิธีคิดเหนือชั้นทำให้รู้ว่า “ธุรกิจติดตลาด” ห..
560
10 ไอเดียแคมเปญโปรโมชั่น ร้านอาหาร เพิ่มยอดขาย ฉ..
489
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด