บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การตลาดออนไลน์ SEO
1.5K
2 นาที
14 กุมภาพันธ์ 2562
แบงก์ไทยจะทำ E-Marketplace รอดหรือร่วง?
 

 
เมื่อไม่นานมานี้แบงก์ชาติได้ประกาศอนุญาตให้ธนาคารไทยทำธุรกิจเกี่ยวกับ e-commerce ได้ เพื่อสู้กับการเข้ามาของยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Alibaba และ JD.com ซึ่งรู้กันดีว่าบริษัทต่างชาติเหล่านี้มีความเข้มแข็งในเรื่อง e-commerce อย่างมากและบุกเข้ามาในธุรกิจการเงินแล้วด้วย

บริษัทหล่านี้กำลังจะกลายเป็นภัยคุกคามสำหรับธนาคารไทยในอีกไม่ช้า การบุกเข้ามาของธุรกิจต่างชาติเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจดั้งเดิมอย่างธนาคารสู้ไม่ได้อย่างแน่นอนหากยังทำอย่างเดิม เพราะธุรกิจ e-commerce เหล่านี้มีฐานข้อมูลของลูกค้ามากกว่าธนาคารและล้วนเป็นข้อมูลในเชิงลึก ทั้งยังมีข้อมูลของฝั่งผู้ประกอบการ marketplace อีกเป็นจำนวนมาก งานนี้แบงก์ชาติจึงต้องรีบยื่นมือมาช่วยบรรดาธนาคารของไทยในการสู้ศึกครั้งนี้ให้ได้ งานนี้หากใครยังไม่รีบปรับตัวก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก
 
ธุรกิจ e-commerce ของจีนนั้นได้ฉีก business model มาทำธุรกิจแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น e-commerce, e-payment ฯลฯ ในกลุ่มยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba กลุ่ม JD.com และกลุ่มของ Tencent มีการสร้าง ecosystem ที่มีทุกอย่างครบถ้วนในตัวเอง สร้างความน่าวิตกอยู่หลายประการ เช่น กลุ่มของ Alibaba ที่ซื้อ Lazada แล้วนั้นตอนนี้น่าจะเชื่อได้ว่ามีฐานข้อมูลผู้ใช้ e-commerce ในประเทศไทยมากที่สุด และยังเข้าไปลงทุนใน Ascend (ทรูมันนี่) อีก 20% ยิ่งเพิ่มความสามารถที่จะบุกเข้าไปในส่วนของ payment ได้ง่ายมากขึ้น

 
ภาพจาก goo.gl/qbtakm

นอกจากนั้นกลุ่มของ JD.com ได้มีการเข้ามาลงทุนใน e-commerce, e-financial และ e-logistics แล้ว เมื่อกลุ่มเหล่านี้เข้ามาบุกธุรกิจในไทย ที่สุดแล้วสิ่งที่ทุกกลุ่มต้องการก็คือการเอาข้อมูลจากธุรกิจมาใช้ในแบบบูรณาการและเอามาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคว่าเป็นอย่างไร จากนั้นคงเริ่มมีการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มคนทั่วไปซึ่งเป็นธุรกิจที่ใหญ่ทีเดียวและในกลุ่มของผู้ประกอบการในโลกออนไลน์ ซึ่งการปล่อยกู้ในธุรกิจเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น เพราะ e-marketplace นั้นจะรู้เรื่องการหมุนเวียนของเงินไม่ว่าจะเป็นการเข้าหรือออกของแต่ละธุรกิจที่อยู่ใน marketplace ทั้งหมด
 
ดังนั้นการมาของกลุ่มเหล่านี้และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีจึงทำให้ธนาคารไทยต้องปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อรายได้ของธนาคารแน่นอน ฉะนั้นธนาคารจึงควรต้องมีช่องทางที่จะให้บริการลูกค้าบนแพลตฟอร์ม e-commerce ได้เอง โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารอยู่แล้ว แทนที่บรรดา SMEs หรือบริษัทห้างร้านต่างๆ

ซึ่งเป็นผู้ผลิตจะต้องไปหาตลาดขายเองก็ให้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มของธนาคารที่มีบริการให้ครบวงจร และธนาคารเป็นผู้โปรโมทเรียกคนให้เข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการใน marketplace เอง ความได้เปรียบของธนาคารนั้นอยู่ตรงที่มีฐานข้อมูลของลูกค้าอยู่ในมือ เพียงแต่ทำอย่างไรให้ลูกค้าเดิมเข้ามาอยู่ในช่องทางการขายของธนาคารหรือ marketplace ของตนให้ได้ ซึ่งจุดนี้จะช่วยให้ธนาคารมีข้อมูลของธุรกิจได้เกือบครบวงจร และยังทำให้มีข้อมูลที่จะสามารถต่อยอดธุรกิจต่อไปคือการนำเสนอบริการที่ดีอื่นๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น 
 
การตัดสินใจของแบงก์ชาติครั้งนี้นับว่าทันการณ์และรวดเร็ว ในสภาวการณ์เช่นนี้ที่เกมการแข่งขันไม่ใช่เกมของธุรกิจ e-commerce รายย่อยหรือแค่ผู้ประกอบการในไทยเท่านั้น การอนุญาตของแบงก์ชาติครั้งนี้นับว่าเป็นการยกระดับและทำให้มองเห็นกลุ่มคนที่มีความพร้อมที่จะสู้กับกลุ่มธุรกิจต่างชาติได้ชัดเจนมากขึ้น การที่ธนาคารจะเข้ามาสู้ในสนามนี้ถึงแม้ว่าระยะแรกอาจดูเป็นธุรกิจที่ไม่ทำกำไรในทางตรงแต่ในทางอ้อมธนาคารจะได้ข้อมูลลูกค้ามากขึ้น อย่างน้อยก็เป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ธนาคารสามารถรับมือกับผู้ให้บริการจากต่างชาติได้ จะเห็นว่าตอนนี้มีบางธนาคารได้ลงมือทำล่วงหน้าไปแล้ว 

ภาพจาก goo.gl/pJE54z
 
ทางออกที่ดีที่พอจะมองเห็นในเวลานี้คือธนาคารไทยหันไปจับมือกับ e-marketplace ของไทยเราเอง ซึ่งดูจะลงตัวมากทีเดียว และควรรีบทำก่อนที่ marketplace ในไทยจะตายจากไปมากกว่านี้ การที่แบงก์ชาติตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลให้ยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศเริ่มหันมาสนใจธนาคารมากขึ้น ธนาคารขนาดใหญ่น่าจะได้เตรียมตัวกันไปแล้ว ส่วนธนาคารที่ยังไม่ได้เตรียมพร้อมในเรื่องนี้ การร่วมมือกับ local marketplace เป็นทางออกที่น่าสนใจและดูว่าจะได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ส่วนข้อดีในฝั่งของบริษัทหรือ SMEs ไทยก็จะมีตัวเลือกมากขึ้น เพราะมีแพลตฟอร์มที่เป็น e-marketplace ของไทยเองที่มีความเข้าใจในธุรกิจด้วยกันดีอยู่แล้ว และสุดท้ายฝั่งของผู้บริโภคก็จะมีตัวเลือกที่มากขึ้นผลจากการแข่งขัน e-commerce ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในประมาณกลางปีหรือปลายปีนี้น่าจะมีผู้ให้บริการ e-marketplace เพิ่มมากขึ้นอีกหลายรายเลยทีเดียว
 
การอนุญาตในครั้งนี้จะทำให้ธนาคารขยับขยายออกมาสู่ธุรกิจใหม่ สามารถเพิ่มศักยภาพจากเดิมที่ทำอยู่แต่ในประเทศจะสามารถขยายออกไปในระดับ Global Business ได้ จากธุรกิจที่เป็นธนาคารมาเป็น non-bank จึงเป็นอะไรที่น่าจับตามองมากทีเดียว เชื่อว่าธนาคารคงต้องมีการดึงคนที่มีประสบการณ์จริงๆ ในด้าน e-commerce เข้าไปช่วย ซึ่งสมาคมทางด้านอีคอมเมิร์ซต่างๆ และผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซทั้งหลายน่าจะพร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือ 
 
การประกาศของแบงก์ชาติครั้งนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการ e-commerce ไทยและจะช่วยให้ e-commerce ไทยโตเร็วมากขึ้น จากนี้ไปการแข่งขันของ e-commerce จะรุนแรงมากขึ้นๆ ในทางกลับกันผู้บริโภคเองก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น เงินมหาศาลที่ส่งเข้ามาในธุรกิจออนไลน์จะเร่งให้ธุรกิจออฟไลน์ตายเร็วขึ้น ขณะนี้ทุกธุรกิจเข้าสู่ยุคการปรับตัวแม้แต่ผู้บริโภคเองก็ปรับตัวแล้วเช่นกัน ทุกอย่างกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 จริงๆ ฉะนั้นใครก็ตามที่ยังไม่ปรับตัวเข้ามาสู่ออนไลน์คุณจะตายไปเร็วกว่าเดิม
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
503
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
421
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด