บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.3K
2 นาที
8 กรกฎาคม 2562
เทคนิคหาเงิน 10 ล้าน ก่อนอายุ40
 

เงิน 10 ล้านไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ และดูจะเป็นฝันที่ใหญ่เกินตัว หลายคนไม่กล้าตั้งเป้าใหญ่ขนาดนี้ ชีวิตนี้ขอแค่ได้เห็นเงินล้านก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากพอแล้ว แต่แนวคิดแบบ “Shoot of $10 million, not to $1 million” บอกให้เรากล้าที่จะตั้งเป้าหมายว่าฉันอยากมีเงิน 10 ล้าน เพราะถ้าทำไม่ได้ไปไม่ถึงจริงๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเสียหายเพราะอย่างน้อยเราก็ยังมีเงินเก็บหลักล้านแม้จะไม่ถึงเป้าหมายก็ตามที
 
ช่วงอายุของคนที่ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่ามีโอกาสเข้าใกล้เงิน 10 ล้านได้มากที่สุดน่าจะเป็นวัยผู้ใหญ่ตอนปลายเริ่มตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป เพราะคนกลุ่มนี้มีประสบการณ์และมีแนวทางในการทำงาน การลงทุน เรียกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ โอกาสจะหาเงิน 10 ล้านก็ดูจะง่ายกว่าช่วงอายุอื่นๆ 
 
สมมุติฐานของการมีเงิน 10 ล้าน ไม่ใช่จู่ๆ จะนึกทำแล้วให้มีได้ทันที นี่คือPassion ที่ควรตั้งเป้ามาตั้งแต่ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ เริ่มทำงานตอนอายุ 25 ปี เงินเดือน 20,000 บาท โดยเฉลี่ยเงินเดือนเพิ่มขึ้นปีละ 6% และได้โบนัส 4 เท่าต่อปี หากเก็บออมทุกเดือน เดือนละ 15% ของเงินเดือน และนำเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทน 2% ต่อปี หากทำแบบนี้สม่ำเสมอจนถึงอายุ 40 ปี จะมีเงินเก็บอยู่ที่ 3.05 ล้านบาท  ซึ่งจะเห็นได้ว่าต่อให้ทำตามวินัยทางการเงินของตัวเองอย่างสุดโต่งเงินเก็บก็ยังไปไม่ถึง 10 ล้าน แล้วทีนี้จะทำอย่างไรให้ได้ 10 ล้าน
 
1.เพิ่มจำนวนเงินเก็บให้มากขึ้น
 
ภาพจาก https://pixabay.com

เทคนิคแรก แนะนำให้เพิ่มจำนวนเงินเก็บให้มากขึ้น โดยเก็บเงินให้ได้มากกว่า 30% ของรายได้ต่อเดือน แต่จะทำยังไงให้เราเก็บเงินได้มากมายขนาดนั้น มี 2 วิธีง่ายๆ มาแนะนำ วิธีแรกคือ ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง ลองเริ่มจากการจดบันทึกรับจ่ายเพื่อให้เราเห็นว่า ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างเป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซึ่งสามารถลดหรือตัดทิ้งไปได้ โดยที่ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตของเรามากนัก เช่น การออกไปทานข้าวนอกบ้านที่มีราคาแพงบ่อยครั้ง หากเราสามารถลดจำนวนครั้งในการไปทานข้าวนอกบ้านลงได้ ก็จะช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และทำให้มีเงินเหลือมาเก็บออมได้มากขึ้น

ภาพจาก https://pixabay.com
 
วิธีที่สองคือ ออมก่อนใช้และออมอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีรายได้เข้ามาก็ให้เก็บออมก่อนเลย และพยายามทำให้เป็นนิสัย โดยเก็บออมก่อนใช้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ถ้าอยากให้ชัวร์ แนะนำให้ใช้วิธีตัดบัญชีเงินฝากจากบัญชีเงินเดือนทุกเดือนเพื่อนำฝากเงินอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้เรามีวินัยในการออมเงินและมั่นใจได้ว่า เราจะมีเงินเก็บแน่นอนทุกเดือน
 
2.เพิ่มรายได้ให้ตัวเอง


ภาพจาก https://pixabay.com

เทคนิคที่สองคือการเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง โดยหารายได้เพิ่มให้ได้ปีละ 15% แต่คำถามคือแล้วจะทำยังไงเราถึงสามารถหารายได้เพิ่มได้ มี 2 วิธีมานำเสนอ เริ่มจาก วิธีแรกคือ พัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถของตัวเองเพื่อสร้างผลงานให้โดดเด่น เป็นที่ยอมรับ ซึ่งจะทำให้เราได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้น หรือมีโอกาสได้ทำงานที่ท้าทายซึ่งได้ผลตอบแทนสูงขึ้น
 
วิธีที่สองคือ มองหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น โดยแปลงความรู้ความสามารถที่เรามีมาสร้างรายได้ด้วยการทำอาชีพเสริม เช่น ใครมีความสามารถในการถ่ายภาพก็สามารถรับงานถ่ายภาพตามงานต่างๆ อย่างงานรับปริญญาได้ หรือใครมีฝีมือในการทำขนมก็สามารถทำขนมมาขาย โดยใช้ Social Media ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นช่องทางในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ หากอาชีพเสริมที่เราทำนั้นรุ่ง รับรองว่าจะมีรายได้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
 
3.เริ่มให้เงินทำงานแทน

ภาพจาก bit.ly/2LGxnqZ

เทคนิคสุดท้ายคือ ให้เงินทำงานแทนเรา โดยแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7% ต่อปี ทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังคงเก็บเงินไว้ในเงินฝากซึ่งได้ดอกเบี้ยค่อนข้างน้อยมากๆ โดยเฉพาะเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.5% ต่อปี ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการลงทุนแบบไม่เสี่ยงนั้นถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ดังนั้น แนะนำให้เริ่มต้นศึกษาการลงทุนด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้ ซึ่งปัจจุบันมีสินทรัพย์มากมายให้เราเลือกลงทุน เช่น
  • สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝาก ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.4% ต่อปี
  • สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงปานกลาง เช่น ตราสารหนี้ ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 5.5% ต่อปี
  • สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้นไทย ทองคำ โดยหุ้นไทยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10.4% ต่อปี ส่วนทองคำให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.3% ต่อปี 
ภาพจาก bit.ly/30iGKRN

ทั้งนี้ อย่าลืมว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต และการลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน ดังนั้น เราเองในฐานะของผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่เรารับได้และระยะเวลาลงทุน ซึ่งบรรดาเศรษฐีระดับโลกทั้งหลายที่เราเห็นเขามีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน นั่นก็ไม่ใช่เพราะเขาทำธุรกิจอย่างเดียวแต่ทุกคนมีการลงทุนในรูปแบบเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดรายได้ให้เพิ่มพูนได้อย่างทวีคูณ
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: 
@thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
ช่วงอายุระหว่าง 20-25 คือรอยต่อระหว่างกำลังจบการศึกษาและกำลังเริ่มทำงานอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ใครที่ไม่เรียนต่อปริญญาโท ก็จะกระโดดเข้าสู่วัยแรงงาน ไม่ว่าจะเริ่มจากลงทุนทำกิจการตัวเอง สืบทอดกิจการที่บ้าน หรือว่าเลือกทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ช่วงนี้เรียกว่า “การหาประสบการณ์&rdqu..
75months ago   3,080  5 นาที
ฝันของทุกคนคือ “อยากรวย” คำว่ารวยในความหมายที่แท้จริง คือมีเงินไว้จับจ่ายใช้สอย ซื้อของ ท่องเที่ยว อยากจ่ายอะไรก็จ่าย อยากได้อะไรก็ซื้อ เจ็บไข้ได้ป่วยก็มีเงินรักษา ใครที่โลกสวยหน่อยอาจบอกว่า “เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้” อันนี้ถูกต้องแต่อย่างน้อยการมีเงินก็ทำให้ “ช..
75months ago   2,864  7 นาที
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
510
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
431
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
414
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด