ที่ผ่านมาฮ่องกงถือเป็นตัวแทนของประเทศจีนในการติดต่อกับต่างประเทศ จึงไม่แปลกที่จีนจะปกครองฮ่องกงโดยใช้โมเดล “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในช่วงเวลามากกว่า 20 ปี นับตั้งแต่ได้รับมอบดินแดนนี้คืนจากอังกฤษ 
 

ถึงแม้ไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบ แต่มันก็เป็นวิธีการที่ให้ผลดีในทางปฏิบัติ และสอดคล้องกับความเป็นจริง ในการนำเอาแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง กลับมารวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง 
 

ทั้งนี้ เชื่อว่าจีนแผ่นดินใหญ่จะไม่มีทางยินยอมปล่อยให้ฮ่องกง ประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการเป็นอันขาด แม้ว่าประชาชนนับล้านคนในขณะนี้ จะลุกขึ้นมาประท้วงครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกง เพื่อต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน   
 

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะขอนำเสนอ 10 เรื่องจริงที่หลายๆ คนอาจไม่รู้มาก่อน เกี่ยวกับเกาะฮ่องกง ซึ่งถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของเอเชีย มาดูกันว่าเรื่องราวต่างๆ ของฮ่องกงมีที่มาที่ไปอย่างไร ท่ามกลางการประท้วงยังไม่ยุติ 
 

1.ฮ่องกง ความหมายในภาษาจีนกลาง “ท่าเรือหอม” 
 

ภาพจาก bit.ly/2KAUzWE

ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศจีน ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง อยู่ในเขตอำเภอซินอัน ฮ่องกงนั้นเดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งในเขตเซินเจิ้น ฮ่องกงเป็นภาษากวางตุ้ง ซึ่งมาจากภาษาจีนกลางว่า เซียงก่าง หมายความว่า “ท่าเรือหอม” ซึ่งเดิมกวางตุ้งเป็นแหล่งปลูกไม้หอมชนิดหนึ่ง ส่งขายเป็นสินค้าออก โดยใช้ฮ่องกงขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือน้ำลึกตอนใต้ของจีน
 

2.ฮ่องกง ตกอยู่ใต้อาณานิคมอังกฤษหลังจากสงครามฝิ่น 
 

คริสต์ศตวรรษที่ 19 ในเวลานั้นเอง ประเทศอังกฤษปกครองโดยพระนางวิกตอเรีย ซึ่งกำลังต้องการอาณานิคมในแถบทะเลจีนใต้ เพื่อใช้เป็นที่จัดส่งสินค้าฝิ่น และอังกฤษกับจีนก็มีปัญหาเรื่องการค้าขายฝิ่น จนลุกลามทำให้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ขึ้นในปีค.ศ.1839 และกัปตันอีเลียตได้ยกพลขึ้นบกที่ท่าเรือหอม ได้ประกาศให้ฮ่องกงเป็นของอังกฤษในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ.1841ตามผลของสนธิสัญญาหนานจิงปี 1842 (The Treaty of Nanjing 1842) ทำให้เกาะฮ่องกงตกเป็นของอังกฤษ
 

3.ฮ่องกง อยู่ภายใต้การดูแลของอังกฤษเป็นเวลา 156 ปี (1841-1997) 
 

ภาพจาก bit.ly/2KAUzWE

จีนและอังกฤษ มีปัญหากันเรื่องการค้าฝิ่นมาตลอด จนทำให้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ซึ่งหลังสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 อังกฤษได้บีบบังคับให้จีนทำสัญญา โดยให้อังกฤษเช่าฮ่องกงทั้งหมดเป็นเวลา 99 ปี โดยกำหนดวันหมดสัญญาไว้วันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ.1997 ด้วยภูมิประเทศของฮ่องกงเอง มีท่าน้ำลึกเหมาะจอดเรือสินค้า จึงทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก
 

4.ฮ่องกง ถูกส่งมอบให้ประเทศจีนวันที่ 1 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1997
 

ประเทศอังกฤษและจีน ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ผ่านการเจรจาต่อรองกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะเรื่องของดินแดน จนกระทั่งได้มาซึ่งแถลงการณ์ร่วมของอังกฤษและจีนในปี ค.ศ. 1984 ถึงการจัดการฮ่องกงต่อไป หลังจากที่อังกฤษถอนตัวออกจากฮ่องกงในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1997 ซึ่งการส่งมอบในครั้งนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
 

5.ฮ่องกง ปกครองโดยจีนในรูปแบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” 
 

ภาพจาก  bit.ly/2N3GYsM

ฮ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง รัฐบาลจีนใช้นโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ปกครองฮ่องกง ตามกฎหมายพื้นฐานที่ใช้ปกครองและบริหารฮ่องกง ที่สภาประชาชนจีนอนุมัติและประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2533 ให้สิทธิฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างอิสระ สามารถดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การพาณิชย์ ฯลฯ ได้ตามระบบเสรี รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ฮ่องกง สามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีต่อไปได้อีกเป็นเวลา 50 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 จนไปถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2590 (ค.ศ.2047) 
 

6.ธงชาติฮ่องกง สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและสามัคคี 
 

ภาพจาก  bit.ly/2Z0WHew

ธงชาติของฮ่องกงแสดงกล้วยไม้สีขาวกลีบดอก 5 กลีบดอกสีแดงเข้ม นับเป็นธงอย่างเป็นทางการของฮ่องกงนับตั้งแต่ 1997 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหลักการ 'ประเทศหนึ่งสองระบบ' ที่อยู่เบื้องหลังการรวมตัวใหม่ของจีนกับจีน ซึ่งดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของธงมาจาก Bauhinia blakeana หรือที่เรียกว่า Orchid Tree ของฮ่องกง ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมสีม่วงจะปลูกไว้ทั่วเมืองและบานสะพรั่งระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนมีนาคม ธงสีขาวเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความสามัคคี
 

7.ฮ่องกง เริ่มมีการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อช่วงปี ค.ศ.2014 
 

เมื่อรัฐบาลจีนได้พยายามควบคุมทิศทางการเมืองของฮ่องกงมาก จึงส่งผลให้แรงต่อต้านการแทรกแซงจีนโดยชาวฮ่องกง ก็ได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดสูงสุดในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งมีการประท้วงครั้งใหญ่เป็นระยะเวลายาวนาน และความเคลื่อนไหวก็ยังคงดำเนินอยู่ถึง ค.ศ. 2017 แม้จะไม่เข้มข้นเหมือนในครั้งนั้นแล้วก็ตาม
 

 

ภาพจาก bit.ly/2KPvGW6

การประท้วงในฮ่องกง ที่มีผู้ชุมนุมจำนวนกว่า 2 ล้านคน ได้ยกระดับข้อเรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกงยกเลิกกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และเรียกร้องให้นางแคร์รี ลัม ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งการชุมนุมในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในรอบ 30 ปี หรือนับตั้งแต่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีนเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2540 (1997) 
 

9.กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ชนวนประท้วงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ฮ่องกง

สำหรับกฎหมายที่เป็นประเด็นประท้วงในฮ่องกงนั้น เป็นกฎหมายว่าด้วยผู้กระทำผิดที่หลบหนี และการช่วยเหลือทางกฎหมายซึ่งกันและกันในคดีอาชญากรรม โดยรัฐบาลฮ่องกงเป็นผู้เสนอร่างกฎหมายนี้เมื่อเดือนก.พ.62 ที่ผ่านมา ซึ่งครอบคลุมถึงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กับจีน และเขตอำนาจอื่นๆ ที่ไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง
 

10.เหตุผลคนฮ่องกงชุมนุมประท้วงเต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน
 

ภาพจาก bit.ly/2Z3zGvz

การประท้วงครั้งใหญ่นี้ ชาวฮ่องกงวิตกกังวลว่า กฎหมายดังกล่าวจะเป็นการเปิดช่องให้รัฐบาลจีนสามารถดำเนินการใดๆ กับผู้ที่ไม่เห็นด้วยทางการเมืองกับจีน และจะทำให้ไต้หวันและมาเก๊า สามารถร้องขอให้ฮ่องกงส่งตัวใครก็ได้ ด้วยการตั้งข้อหาว่าก่อคดีในพื้นที่ของไต้หวันและมาเก๊า ซึ่งผู้ประท้วงเป็นห่วงว่า อาจจะหมายถึงผู้ที่ต่อต้านจีนนั่นเอง
 

คนฮ่องกงยังกังวลด้วยว่า กฎหมายนี้จะอนุญาตให้มีการส่งตัวผู้ต้องสงสัยหรืออาชญากรไปยังจีน โดยที่ไม่มีการรับรองว่า ผู้ถูกดำเนินคดีจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ในการตั้งข้อกล่าวหา ตลอดไปจนถึงขั้นตอนของการดำเนินคดี 
 

นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกทางการจีนหมายหัวเอาไว้แล้ว ก็อาจจะโดนตั้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม และถูกดำเนินคดีอย่างไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ทำงานด้านสังคม มนุษยธรรม และสื่อมวลชน
 

อย่างไรก็ตาม การประท้วงในฮ่องกงอาจจะอยู่ในช่วงของการหาแนวร่วม และพักเอาแรง เพราะข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง 2 ข้อ ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งได้แก่ การยกเลิกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน และ การเรียกร้องให้นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ลาออกจากตำแหน่ง แต่เรายังคงต้องติดตามกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร
 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document

เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

 

 

อ้างอิงข้อมูล 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)