บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.9K
2 นาที
28 สิงหาคม 2562
ประเด็นฮอต! ใบปริญญาสำคัญกับรายได้หรือไม่


สมัยก่อนเรียนอะไรมาก็สามารถนำวิชาชีพนั้นไปประกอบอาชีพทำเงินได้ตลอดทั้งชีวิต การแข่งขันในสมัยก่อนค่อนข้างน้อย เพราะคนที่จะมีโอกาสได้เรียนน้อยกว่าสมัยนี้มาก ทำให้จำนวนคนที่จบออกมาน้อยลงไปอีก ตำแหน่งจึงว่างมากมาย ทำอาชีพไหนก็ทำได้แทบจะตลอดชีวิตจนกว่าจะเกษียณ
 
แต่ปัจจุบันนี้การแข่งขันด้านการศึกษาค่อนข้างสูง จำนวนคนที่เรียนจบปริญญานั้นมีค่อนข้างมาก คนเก่ง ๆ มีให้เห็นเต็มไปหมด หรือบางคนเรียนจบไม่ตรงกับสายงาน แน่นอนว่าใครหลายคนอาจคิดว่าการได้รับปริญญาจากวิทยาลัยอาจไม่สำคัญสำหรับอาชีพของเราอีกต่อไป สู้ออกมาทำงานเลยดีกว่า 
 
ภาพจาก bit.ly/30R7AkA
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาคุณผู้อ่านไปดูข้อมูลจากฝั่งของอเมริกาว่าทัศนคติของวัยรุ่นหนุ่มสาวอเมริกานั้นคิดเห็นในเรื่องความสำคัญของการศึกษาอย่างไร รวมถึงนำเสนอข้อมูลจากสถิติแรงงานสหรัฐว่าผู้ที่จบมัธยมปลายในสหรัฐจะมีรายได้มากหรือน้อยกว่าคนที่มีใบปริญญา 
 
จอห์นฟอลลอนซีอีโอของบริษัทการศึกษาเพียร์สันกล่าวใน “Street Signs Europe” ของซีเอ็นบีซีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า การเปลี่ยนไปคาดหวังในอาชีพการงานและความคาดหวังในชีวิตที่มั่นคงมากขึ้นนั้น ยิ่งลดความสำคัญของการเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
 
ภาพจาก abcnews.go.com
 
“ลองคิดดูสิถ้าคุณเป็นเด็กมัธยมปลายอายุ 18 ปีที่ลาออกจากโรงเรียนในปีนี้ พวกเขามีโอกาสทำมากกว่า 50% แต่ถ้าเป็นคณอาจจะมีโอกาสทำมากกว่า 100%” เขากล่าว
 
“ คุณจะทำงานได้ดีในอายุ 70 ปีหรือ 80 ปี และในช่วงเวลานั้นคุณคงมีอาชีพที่แตกต่างกัน 5-6 อาชีพ ดังนั้นความคิดที่คุณคิดตอนเรียนมัธยมว่าตอนอายุ 20 และ 22 จะได้มีชีวิตแบบที่คิดฝันไว้นั้น จะไม่มีอีกต่อไป เพราะคุณจะต้องเรียนรู้ใหม่ reskill และ retrain ตลอดชีวิตการทำงานของคุณ”
 
Pearson ผู้ให้บริการการศึกษารายใหญ่ที่สุดของโลกสร้างเนื้อหาด้านการศึกษาและการประเมินผลและดำเนินงานใน 70 ประเทศทั่วโลก ทางบริษัทประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า การวางจำหน่ายหนังสือ 1,500 เล่มในสหรัฐอเมริกาทั้งหมดจะเป็นแบบ “ดิจิตอลก่อน”
 
ภาพจาก bit.ly/2PjZUpR
 
ฟอลลอนบอกกับ CNBC ว่า ทัศนคติต่อการศึกษาและอาชีพเปลี่ยนไป เนื่องจากความจริงที่ว่า คนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาใน “โลกแห่งดิจิตอลครั้งแรก”
 
“พวกเขาไม่ต้องการใช้โชคกับการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพียงเพื่อจะพบว่า มันไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการของพวกเขาในโลกแห่งการทำงาน” เขากล่าว “ความจริงคือ เราจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต”
 
ตัวเลขแสดงให้เห็นว่าคนหนุ่มสาวกำลังพิจารณาทางเลือกอื่นๆในการศึกษาระดับอุดมศึกษามากขึ้น
 
สถิติของศูนย์วิจัยนักศึกษาแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่าภาพรวมการลงทะเบียนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาในสหรัฐอเมริกาลดลง 1.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในฤดูใบไม้ผลิปี 2562 ในปี 2019 ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าการลงทะเบียนเรียนที่สถาบันของรัฐและเอกชน 4 ปีลดลงจากปีที่แล้ว

ภาพจาก bit.ly/2KYuHUY
 
ในขณะเดียวกันผลสำรวจความคิดเห็นจากนักเรียนโรงเรียนในประเทศอังกฤษเกือบ 3,000 คนที่ตีพิมพ์ในเดือนนี้ พบว่า 20% ของคนหนุ่มสาวอายุ 16 ปี ไม่คิดว่าการเข้ามหาวิทยาลัยเป็นเรื่องสำคัญ บริษัทวิจัยตลาด Ipsos Mori ยังพบว่าคนหนุ่มสาวรู้สึกว่าการรู้ว่าคนที่เหมาะสมนั้นสำคัญกว่าการได้รับปริญญา
 
อย่างไรก็ตาม Fallon กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสามารถทำให้ตัวเองมีความเกี่ยวข้องกับอาชีพได้มากขึ้น โดยการเผยแพร่ความจริงที่ว่า พวกเขากำลังฝึกอบรมนักเรียนในเรื่องทักษะชีวิตที่สำคัญที่ไม่สามารถทำได้ง่ายๆเองแบบอัตโนมัติ
 
“ (เรากำลังตรวจสอบ) ทักษะที่ไม่สามารถขัดขวางได้ด้วยเทคโนโลยี และยากที่สุดสำหรับเครื่องจักรที่จะเลียนแบบทักษะนี้ได” เขากล่าวกับ CNBC
 
“ ขณะนี้ทักษะที่กำลังสนใจคือ ทักษะการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้ ความคล่องแคล่วของการคิด – ความสามารถในการสร้างสรรค์และเกิดความคิดอะไรใหม่ ๆ – ความสามารถในการโน้มน้าวใจคนในมุมมองที่ต่างออกไป ความสามารถในการเป็นผู้นำ ความสามารถในการเอาใจใส่ (และ) เพื่อดูแลใครบางคน”

ภาพจาก bit.ly/1Seb3QS
 
ฟอลลอนกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้เป็น “ทักษะของมนุษย์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ” และเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่ามหาวิทยาลัยเป็นสถาบันที่ทำงานได้ดีที่สุดในการสอนพวกเขา
 
“มหาวิทยาลัยอาจไม่ได้ทำหน้าที่ได้ดีมากพอในการอธิบายเกี่ยวกับสังคมว่า นั่นคือสิ่งที่พวกเขาควรทำนะ หรือเราควรต้องใช้ทักษะทั้งหมดที่กล่าวไป ซึ่งคุณลักษณะเหล่านั้นแหละที่จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับงานของเรา ซึ่งเราการศึกษาจะทำ” เขาอธิบาย “ดังนั้นต้องเปลี่ยนแปลง และฉันคิดว่ามันจะเปลี่ยนได้”
 
ถึงแม้ว่า Fallon จะทำนายว่า การศึกษาในวิทยาลัยจะมีความสำคัญน้อยลงในอนาคต แต่สถิติแสดงให้เห็นว่าการไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนั้นยังคงมีเหตุผลในด้านการเงิน
 
เพราะจากข้อมูลที่เผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ พนักงานที่มีระดับปริญญาตรี มูลค่าที่ได้รับมากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ของวุฒิมัธยมปลาย และคนที่เป็นอาจารย์และวุฒิปริญญาเอกมีรายได้มากกว่าสามเท่าของรายได้วุฒิมัธยมปลาย

ภาพจาก cnb.cx/2znjZAW
 
ในขณะเดียวกันรายงานประจำปี 2018 จากแผนกการศึกษาของรัฐบาลอังกฤษ และสถาบันเพื่อการศึกษาด้านการคลังพบว่าผู้ชายในสหราชอาณาจักรได้รับเงินเพิ่ม 6% หากพวกเขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ในขณะที่ผู้หญิงมีรายได้เพิ่มขึ้น 28%
 
สำหรับในสหรัฐอเมริกานั้น ใบปริญญายังเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างรายได้ให้แก่ผู้ที่จบการศึกษาในวิทยาลัยอยู่ และทางฝั่งวิทยาลัยก็พยายามที่จะพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้ผู้ที่มาเข้าเรียนเห็นว่า การเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นยังคงมีประโยชน์ในการสอนทักษะต่าง ๆ ในชีวิตที่แตกต่างจากหุ่นยนต์หรือเครื่องจักร 
 
ฝั่งประเทศไทยนั้นกระแสคนที่เรียนไม่จบ แต่ก็สามารถสร้างรายได้ให้แก่ตนเองก็มีมากมาย บางคนเรียนจบปริญญาตรีมีรายได้น้อยกว่าผู้ที่จบมัธยม แต่ถ้าหากจะฟันธงเลยว่าแบบไหนจะประสบความสำเร็จมากกว่าก็คงเป็นเรื่องที่ยาก เพราะแต่ละคนมีเกณฑ์คำว่า “ประสบความสำเร็จ” หรือ “ความพอใจในชีวิต” แตกต่างกัน

www.ThaiFranchiseCenter.com ก็เห็นว่าการที่เราจะเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งก็ต้องเจออุปสรรคเหมือนกัน อยู่ที่ตัวเราแล้วว่า เรามีเป้าหมายในชีวิตแบบใดและเส้นทางไหนจะสอดคล้องกับเป้าหมายมากที่สุด
 
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php
 
 
อ้างอิงข้อมูล   https://cnb.cx/2znjZAW
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
632
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
548
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
495
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
464
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
446
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
441
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด