ต้องยอมรับว่า E-Commerce ได้เข้ามามีบทบาททางธุรกิจอย่างมากในปัจจุบัน เป็นช่องทางการดำเนินธุรกิจที่สำคัญสำหรับธุรกิจแทบทุกประเภท ขณะเดียวกัน E-Commerce ยังเป็นโอกาสของธุรกิจที่จะเติบโตทำกำไรอย่างมหาศาล หากสามารถทำได้ประสบความสำเร็จ ดังนั้น การทำธุรกิจ E-Commerce ให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นจะต้องรู้แนวทางเคล็ดลับที่สำคัญ

 

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีเคล็ดลับ! การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้ประสบความสำเร็จ จากการสัมภาษณ์ “คุณเกียรติสิริ เจริญศิริ” หรือคุณโดม ผู้ก่อตั้ง บริษัท อินชอน กรุ๊ป ประเทศไทย และบริษัท  DiAd Agency จำกัด มานำเสนอให้ทราบ

 

คุณโดม เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ว่า ในส่วนตัวนั้นเชื่อว่า Facebook สามารถช่วยสร้างความต้องการให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้จริง ซึ่งต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคม ปี 2558 ซึ่งคุณโดมเพิ่งเริ่มธุรกิจ ยังไม่มีแบรนด์ใดเป็นที่รู้จักสำหรับธุรกิจฝักบัวน้ำแร่ ที่มีจุดเด่นแรงดันน้ำเบา แต่ปัจจุบัน Seoul Stone เป็นแบรนด์โด่งดังที่สร้างยอดขายได้มากกว่า 3-4 แสนชิ้น ทั้งในประเทศไทย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี 

 

โดย 95 เปอร์เซ็นต์ของงบการลงทุนสื่อของแบรนด์อยู่บนแพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเงินลงทุนถึง 2.5 เท่า ซึ่งในอนาคตคุณโดมกำลังจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งในทวีปเอเชียและยุโรป แน่นอนว่าผ่านช่องทาง Facebook

สำหรับคนที่อยากขายของออนไลน์ผ่าน Facebook ถ้าอยากรวย อยากมีรายได้จริงๆ ต้องมองหาสินค้าสำหรับคนรวย หรือตอบโจทย์ลูกค้าคนรวยมาขาย ซึ่งอาจจะดูจากเว็บไซต์อเมซอน มองหาว่าสินค้าตัวไหนบ้างที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุด 

 

โดยรูปแบบการขายถ้าคนที่ไม่มีเงินทุนมากนัก หรือมีเงินทุนเริ่มต้น 1,000 บาท ก็สามารถขายของออนไลน์ในรูปแบบของการพรีออเดอร์ หรือหาลูกค้าแล้วสั่งของมาทีหลัง โดยเลือกสินค้าที่ตัวเองเชี่ยวชาญ และตัวเองชอบมากที่สุด และต้องขายสินค้าที่ขายดีก่อนเป็นอันดับแรก ดูจากเว็บไซต์อเมซอน ว่าสินค้าตัวไหนบ้างที่ได้รับความนิยมและขายดีเป็นอันดับแรก 

 

คุณโดม ยังพูดถึงแนวโน้มของตลาดอีคอมเมิร์ซว่า ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ มีการเจริญเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีคนมาขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซมากขึ้น จึงทำให้ค่าน้ำมันหรือค่าโฆษณาในการทำธุรกิจออนไลน์แพงขึ้นตามด้วย ในขณะที่คนเริ่มขายสินค้าได้น้อยลง แต่ค่าโฆษณาแพงขึ้น โดยพื้นที่โฆษณาในเฟสบุ๊คเท่าเดิม แต่ผู้เล่นหน้าใหม่ลงไปเล่นมากขึ้น ประกอบกับสื่อโฆษณาออฟไลน์หันมาเล่นออนไลน์มากขึ้นด้วย

 

โดยสิ่งสำคัญในการลงโฆษณา Facebook ให้ประสบความสำเร็จ มี 3 ส่วน คือ กลุ่มเป้าหมาย, ข้อความ และรูปภาพหรือวิดีโอ หากวันนี้ลงโฆษณาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ให้ย้อนกลับมาดูว่าคุณพลาดสิ่งใดใน 3 ข้อนี้

 

หากคุณพึ่งเริ่มต้นธุรกิจ อย่าพึ่งลงโฆษณา Facebook ให้โพสต์คอนเท้นต์วันละ 1 คอนเท้นต์ก่อน อย่าใจร้อนรีบลงโฆษณา คุณต้องหาให้เจอว่าโพสต์ไหน ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย และเริ่มเรียนรู้ที่จะทำโฆษณาจากคอนเท้นต์นั้น

 

สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี คุณโดมอยากแนะนำว่า ให้ทุกท่านเริ่มจากตลาดที่ตนเองเชี่ยวชาญก่อน เพราะว่าถ้าคุณเชี่ยวชาญ คุณจะเข้าใจปัญหาของลูกค้าของตัวเอง และเข้าใจว่าควรจะรีบมืออะไรอย่างไรบ้าง

 

ที่สำคัญอย่าสนใจโฟกัสแค่สิ่งที่ตัวเองชอบ หรือสิ่งที่ตัวเองรัก แต่คุณต้องโฟกัสในสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญ และทำเงินแล้วในตลาด เพื่อลดระยะเวลาการประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด

 

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายคนกังวลว่า พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไทย กำลังได้รับผลกระทบจากศูนย์กระจายสินค้าของ Alibaba ที่ฉะเชิงเทรา และจะรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรดี และ SMEs ในไทยจะสามารถรับมืออย่างไรได้บ้าง

 

คุณโดม เล่าว่า จริงๆ แล้วเกือบทุกประเทศทั่วโลกก็มีการนำเข้า Supplier จากจีนเป็นหลักกันหลายประเทศ ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจวิธีการรับมือต่างๆ เราสามารถรับมือได้อย่างไรบ้าง ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป ถ้าทุกท่านสามารถปรับตัวได้เร็ว แต่ที่น่ากังวลก็คือวันนี้คนต่างประเทศมีความหิวกระหาย และพร้อมที่จะขายสินค้าไปสู่ต่างแดน แต่เมืองไทยหลายท่านยังปรับตัวกันช้า

ถ้าคนจีนสามารถนำสินค้าจากแหล่งกำเนิดมาขายได้ เราก็ทำได้เช่นกัน พร้อมทั้งยังสามารถใช้บริการเช็คสินค้าก่อนที่จะจัดส่งมาที่ประเทศไทยได้ทุกรายการ (เริ่มต้นเพียง 1 ชิ้นเท่านั้น ในราคาที่ไม่แพง) 

 

สิ่งที่หลายคนกังวลกันก็คือ คิดว่าคนจีนจะได้ต้นทุนสินค้าที่ราคาถูกกว่าคนไทย ซึ่งจริงๆ แล้ว เราก็สามารถติดต่อหาต้นทุนได้ราคาเดียวกับคนจีน ดังนั้น ข้อนี้ไม่ต้องกังวลว่าคนจีนจะเข้ามาได้เปรียบ เพราะได้ต้นทุนราคาที่ต่ำกว่า

โดยผู้ประกอบการ SME และพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไทย สามารถหาสินค้าจากกลุ่มผู้จัดจำหน่ายต่างๆ ในจีนได้ดังนี้

คุณโดม ย้ำในตอนท้ายว่า ต่อให้สินค้าและบริการเหมือนกัน คนไทยก็จะมีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง ก็คือ การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคด้วยกันเอง แต่เมื่อกลุ่มที่ 4 หรือเจ้าของแบรนด์ ที่ไม่ได้โฟกัสการขายสินค้าราคาถูกเพียงอย่างเดียว เริ่มบุกตลาดในไทย การแข่งขันตรงนี้จะเริ่มสูงขึ้น และความท้าทายจะเริ่มมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจเป็นปัญหากับ SMEs ในเมืองไทย คือ เวลาจะสร้างแบรนด์ หลายคนยังไม่ทราบว่า ควรเริ่มต้นอย่างไรดี แต่ก่อนที่ SME จะเริ่มสร้างแบรนด์ ควรลองถามตัวเองก่อนว่า วันนี้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตัวเองคือใคร  และพวกเขาเหล่านั้นมีปัญหาอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น

 

ผู้ประกอบการ SME ควรหยุดโฟกัสที่สินค้า แต่ให้โฟกัสที่ปัญหาของลูกค้า ถ้า SME ไทยรู้และเข้าใจปัญหาของลูกค้าแล้ว เชื่อว่าจะสร้างแบรนด์และนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ นั่นก็เท่ากับเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น 

 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

 

อ่านจดหมายข่าวอื่นๆ www.thaifranchisecenter.com/newsletter/index.php

อ้างอิงข้อมูล

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)