บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.5K
3 นาที
24 กันยายน 2562
มีเหนื่อย! พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัด ปี 2020


คิดอะไรไม่ออก! เบื่องานประจำ! ไม่มีอะไรทำ! ก็เลือกมาเป็นพ่อค้าแม่ค้า ในยุคสมัยหนึ่งอาชีพพ่อค้าแม่ค้าเคยบูมมาก ยิ่งเศรษฐกิจดีคนมีกำลังซื้อ คนขายของสนุกมากขายมือเป็นระวิงกำไรต่อวันกว่า 1,000 บาท บางคนขายของเดือนเดียวรายได้ดีกว่าทำงานประจำ แต่นั่นคือเรื่องในอดีตที่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
 
สิ่งที่เห็นในยุคนี้คือเศรษฐกิจไม่ดีก็ส่วนหนึ่ง พ่อค้าแม่ค้ามีเยอะ บางทีตลาดพ่อค้าแม่ค้าเยอะกว่าคนซื้อซะอีก ไหนจะเรื่องตลาดออนไลน์ที่เข้ามาแทรกทำให้การขายของตามตลาดนัดนั้นยากยิ่งขึ้น www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าการเป็นพ่อค้าแม่ค้าในยุคนี้ “เหนื่อยสุดๆ”
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2562 พบว่าชะลอตัวลงต่ำสุดในรอบ 5 ปี อยู่ที่ร้อยละ 2.3 (ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี) ส่งผลให้ครึ่งปีแรก GDP ไทยขยายตัวร้อยละ 2.6 จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ในขณะที่การใช้จ่ายครัวเรือนยังสามารถเป็นแรงหนุนต่อเศรษฐกิจได้แม้ว่าจะชะลอตัวลงบ้างก็ตาม
 
สอดคล้องกับความเป็นจริงที่มองเห็นได้ด้วยตาคนบ่นกันอุบ ว่ารายได้ไม่ดี มีแต่รายจ่าย พ่อค้าแม่ค้าก็พูดไม่ต่างกันว่าตลาดมีแต่คนเดินไม่มีคนซื้อ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองพะเยาซึ่งหลายปีก่อนเศรษฐกิจคึกคัก มาก แต่ปัจจุบันตลาดเงียบยิ่งกว่าป่าช้า พ่อค้าแม่ค้าบอกว่าขายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค วันละไม่ถึง 100 บาท จากปกติขายวันละ 1,000 กว่าบาทแม่ค้าหลายรายต้องนั่งเล่นโทรศัพท์และนั่งหลับกัน รอคอยว่าจะมีลูกค้ามาชื้อไหม


ภาพจาก bit.ly/2miK5Sp
 
หรือจะเป็นข่าวของตลาดสำเพ็งที่มีรายงานว่าสภาพการค้าในสำเพ็งเงียบเหงาลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ 3-4 ปีที่ผ่านมา และตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ถือว่าเงียบเหงามากที่สุด หลายร้านที่ต้นทุนไม่มากพอต้องทยอยปิดตัวเพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว โดยค่าเช่าที่สำเพ็งถือว่าสูงมาก บางทีถึงหลักแสนบาทต่อเดือน  ส่วนคนที่ไม่ต้องเช่าพื้นที่แต่มีหน้าร้านของตัวเองก็บอกว่ารายได้หดหายไปกว่า 70%  ต้องหาทางออกด้วยการไปขายของออนไลน์เพื่อประคองตัวในยุคนี้
 
แม้กระทั่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ภาพสะท้อนความเงียบเหงาของตลาดที่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดแม่กิมเฮง เทศบาลนครราชสีมายังบ่นกันว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทำให้ลูกค้าเลือกซื้อเครื่องไหว้น้อยลง ยอดขายลดลงกว่า 15% ขณะที่แผงขายผลไม้ และแผงขายเป็ดพะโล้ บรรยากาศก็เงียบเหงาเช่นกัน
 
สิ่งเหล่านี้สะท้อนความ “เหนื่อย” ที่ชัดเจนของพ่อค้าแม่ค้าว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะขายดีมีกำไรเหมือนแต่ก่อน
 
อย่างไรก็ดีคงไม่ใช่ทางออกที่ดีถ้าเอาแต่บ่นและโทษโน่นนี่นั่น  ในเมื่อหลีกเลี่ยงกับปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซาไม่ได้ พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องหาวิธีแก้ไข จะได้ “ลดความเหนื่อย” ให้น้อยลง และจะได้เป็นการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นด้วย
 
7 วิธีขายของให้มีกำไรมากขึ้น พ่อค้าแม่ค้า “เหนื่อย” น้อยลง


ภาพจาก bit.ly/2mfOOnU
 
ถ้าเราตัดปัจจัยภายนอกออกไปและลองหันมาโฟกัสว่า “อะไรคือเหตุผลที่คนไม่ซื้อ” “อะไรคือเหตุผลที่คนไม่อยากจ่ายเงิน” และ “ต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าเรามากขึ้น” เมื่อเราพิจารณาตัวเองเป็นหลักเราอาจจะพบทางแก้ไขได้หลายวิธี
 
1. สินค้าไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการ
 
คนยุคนี้ประหยัดในการใช้เงินมากขึ้น สินค้าอะไรก็ตามที่ไม่จำเป็น แม้จะดูน่าสนใจแต่คนส่วนใหญ่มักจะ “ไม่ซื้อ” แม้เราจะมั่นใจว่าสินค้าที่เราขายนั่นดีแสนดีแต่บางที “ผิดที่ผิดเวลา” การจับจ่ายก็ไม่เกิดขึ้น ทางที่ดีลองสำรวจพื้นที่ที่ตัวเองเปิดร้านว่าสินค้าอะไรที่ลูกค้าต้องการ อาจจะไม่ใช่แค่ อาหาร เครื่องดื่ม แต่สินค้าบางอย่างก็ความต้องการในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันหากจับจุดความต้องการนั้นได้หาสินค้ามาขายได้ ยอดขายเราก็จะดีขึ้น
 
2. กระจายทำเลค้าขายมากขึ้น ไม่กระจุกตัวเหมือนเดิม


ภาพจาก bit.ly/2mKfb5r
 
พ่อค้าแม่ค้าอาจจะต้องลงทุนกับจำนวนคนที่มาช่วยในการขายของ โดยอาจจะเลือกเปิดร้านในหลายๆ ตลาดที่อาจจะดีกว่าการยึดติดอยู่กับตลาดใดตลาดหนึ่ง ที่สำคัญการขายของในหลายๆตลาดเป็นการกระจายความเสี่ยงและมีโอกาสได้พบกับลูกค้ารายใหม่ๆ มากขึ้น
 
3. เพิ่มช่องทางการซื้อให้มากกว่าเดิม


ภาพจาก bit.ly/2miXeed
 
สมัยนี้จะยึดติดกับการขายแบบออฟไลน์อย่างเดียวไม่ได้ เพราะคนส่วนใหญ่เวลาน้อยลง การซื้อของใช้ต่างๆ ก็เข้าสู่ตลาดออนไลน์มากขึ้น แม้เราจะไม่คุ้นเคยกับการขายผ่านออนไลน์แต่ในยุคนี้เราต้องศึกษาและพัฒนาเอาสินค้าของเราไปขายในตลาดออนไลน์ดูบ้าง จะช่วยเพิ่มยอดขายได้ดีขึ้นแน่นอน
 
4. ราคาสินค้า สมเหตุสมผลกับคุณภาพ


ภาพจาก bit.ly/2lf4DLa
 
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าคือ “ราคา” ในตลาดเดียวกัน สินค้าแบบเดียวกัน บางร้านขายดี ในขณะที่บางร้านขายไม่ได้ นั่นเพราะคนตัดสินกันที่ราคาขาย พ่อค้าแม่ค้าอาจจะแย้งว่า “ก็ต้นทุนมาแพงจะให้ขายต่ำกว่าทุนได้ยังไง” ความเป็นจริงคือใช่ แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขคือเราจะหาวิธีลดต้นทุนเหล่านี้ได้อย่างไร ต้องลองตัดสินใจว่าจะขายของที่ราคาสูงกว่าแล้วขายไม่ได้หรือเลือกขายในราคาที่ถูกลงโดยอาจไปลดต้นทุนด้านอื่นที่ไม่กระทบคุณภาพสินค้าอาจจะทำให้ขายได้มากขึ้น
 
5. อย่าขายสินค้า “ตามกระแส”
 
การเลือกเป็นพ่อค้าแม่ค้าอะไรที่เป็นกระแสมักจะมีคนแห่ขายกันจนเกลื่อน เมื่ออุปสงค์มากกว่าอุปทาน ลูกค้าก็รู้สึกเบื่อที่จะซื้อ บางคนลงทุนสต็อกสินค้าตามกระแสมาจนมากเกินพอดี เมื่อกระแสนั้นเปลี่ยนไป สินค้าที่สต็อกมาก็ยังขายไม่ได้ สุดท้ายก็ทุนหายกำไรหด อันนี้จะไปโทษว่าเศรษฐกิจไม่ดี ก็คงไม่ได้ต้องโทษตัวเองที่ตามกระแสมากเกินไปต่างหาก
 
6. หาจุดเด่นให้กับร้านค้า


ภาพจาก bit.ly/2mHAaWt
 
พ่อค้าแม่ค้ายุคใหม่ต้องรู้จัก “สร้างจุดขาย” ทำอย่างไรให้คนรู้จักให้คนจำร้านเราได้ ไม่ว่าเราจะขายสินค้าแบบไหนอย่างไร การมีจุดขายที่โดดเด่นสะดุดตา จะทำให้เกิด “ภาพจำ” และเมื่อมีความต้องการในสินค้าหรือบริการก็จะนึกถึงร้านของเราเป็นอันดับแรก
 
7. โปรโมชั่น ลดแลก แจกแถม ตามโอกาส


ภาพจาก bit.ly/2kJLLUp
 
ทฤษฏีการตลาดบอกว่าจัดโปรโมชั่นมากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเพราะคนจะรอแค่ช่วงโปรโมชั่นจึงจะมาซื้อสินค้าและบริการ แต่ถึงอย่างไรโปรโมชั่นก็ยังเป็นสิ่งดึงดูดลูกค้าได้เสมอ หากแต่ต้องรู้จักใช้ให้ถูกช่วงเวลา อย่าให้พร่ำเพื่อ การจัดโปรควรให้มีธีมที่ดึงดูดเช่นเทศกาลต่างๆ  หรือหากเป็นช่วงเวลาพิเศษเช่นครบรอบ 1 ปี เปิดร้าน การมีโปรโมชั่นจะช่วยทำให้ร้านค้าดูมีสีสันไม่น่าเบื่อ
 
แต่ไม่ว่าจะกลยุทธ์แบบไหน อย่างไร การเป็นพ่อค้าแม่ค้าในยุคนี้ ก็ต้องแอคทีฟตัวเองมากกว่าเดิม ไม่ใช่คิดว่าเอาของมาวางขาย ยังไงก็ขายได้ ไม่ต้องทำอะไรยังไงเดี๋ยวก็มีคนมาซื้อ สมัยนี้คู่แข่งมาก เศรษฐกิจไม่ดี เป็นตัวแปรที่ทำให้ยอดขายไม่ได้ตามเป้า ยิ่งพ่อค้าแม่ค้าไม่สนใจกลยุทธ์การขายปล่อยไปตามใจชอบ การขายสินค้าใดก็จะยิ่งมีแต่คำว่าเหนื่อยและเหนื่อยยิ่งขึ้น

พ่อค้าแม่ค้าท่านใดสนใจเปิดร้านขายของตลาด เช่าพื้นที่ค้าขายทั่วไทย คลิก www.thaifranchisecenter.com/market/index.php
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่  www.thaifranchisecenter.com/document
 
อาชีพ “เซลล์” สงวนไว้สำหรับคนที่มีใจรักในงานบริการ ชอบพบปะผู้คน ชอบการพูดคุย  บุคลิกของเซลล์ “ต้องใจเย็น” “ยิ้มเก่ง” ยิ่งถ้าหน้าตาดีๆ ก็ยิ่งมีโอกาสขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเราจะเห็นเซลล์ทุกคน มีการแต่งกายที่ดี บุคลิกดี นั่นเพราะสิ่งเหล่านี้..
72months ago   1,600  7 นาที
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20-30 ปีก่อน อาชีพพนักงานธนาคารถือเป็นอาชีพที่ดูดีมีความมั่นคง รายได้ดี โบนัสก้อนโต สวัสดิการดีงาม ทำให้ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปทำงานธนาคารกันมากมาย แต่ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับผลกระทบ รวมถึงธนาคาร..
73months ago   7,982  7 นาที
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
499
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด