การตลาดยุคใหม่เราอาจจะนึกถึง Facebook หรือ Line แต่ในความเป็นจริงช่องทางการทำตลาดรูปแบบดั้งเดิมอย่างการส่งข้อความบนมือถือ (SMS) ยังคงได้รับความนิยม ข้อมูลจากการสำรวจพบว่าเมื่อเทียบกับช่องทางการสื่อสารอื่นๆแล้ว การทำการตลาดผ่าน SMS ได้รับการเปิดอ่านมากถึงกว่า 90%!! หลายคนก็เถียงอีกว่า “เปิดอ่านก็จริง” แต่ก็ลบทิ้ง ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์อะไร

 

จุดนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่ามันขึ้นอยู่กับเทคนิคการใช้ SMS ของแต่ละแบรนด์ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเปิดอ่านแล้วสะดุดกับข้อความ เปิดอ่านแล้วต้องอยากรู้เนื้อหาที่ซ่อนอยู่ข้างใน และเมื่ออ่านแล้วรู้สึกว่าอยากใช้บริการหรือว่าอยากซื้อสินค้า ทุกกลยุทธ์การตลาดไม่ว่าจะง่ายหรือขั้นเทพแค่ไหน สำคัญอยู่ที่ “คนใช้” ว่าจะมีเทคนิคเหนือชั้นให้คนติดตามได้หรือเปล่า

 

ภาพจาก bit.ly/2mSxVQP

 

เมื่อเทียบกับสื่อช่องทางอื่นแล้วพบว่า แม้ว่าในประเทศไทยจะมีผู้ใช้งาน App ยอดนิยมอย่าง LINE มากกว่า 40 ล้านคน แต่คนไทยมีเบอร์โทรศัพท์มือถือมากกว่า 120 ล้านเลขหมาย หรือคนไทยมีโทรศัพท์มือถือมากกว่า 1 เครื่องต่อคนโดยเฉลี่ย ทำให้การตลาดผ่านข้อความ SMS นั้นยังเป็นช่องทางที่น่าสนใจ และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุดอยู่ดีนอกจากนั้นเมื่อเทียบกับการตลาดผ่าน email แล้วยังพบว่าอัตราการเปิดอ่านข้อความ SMS นั้นสูงถึง 98% เมื่อเทียบกับ Email ที่มีอัตราการเปิดอ่านเพียง 22% เท่านั้น

ภาพจาก thaibulksms.com

ที่สำคัญกว่า90% ของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ยังรับ-ส่ง SMS ได้ แถมอัตราค่าบริการของการส่ง SMS ยังถูกกว่าการโฆษณาสื่อหลัก และยังเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าด้วยการแจ้งเตือนแบบทันทีและอยู่ในตำแหน่งที่ลูกค้าเห็นแน่นอน และดียิ่งกว่าเมื่อผลการสำรวจยังบอกอีกว่า 8% ของข้อความ SMS ที่ถูกส่งออกไปทั้งหมดถูกเปิดอ่านภายใน 3 นาที หลังจากได้รับข้อความ

และถ้าพิจารณาข้อได้เปรียบของ SMS ยังพบว่า

 

ตัวอย่างการใช้งานที่เรามักคุ้นตา เช่น SMS ที่มีลิงก์เข้าสู่หน้าเว็บไซต์สำหรับการสมัครสมาชิก ลิงก์รับคูปองส่วนลดสินค้า หรือลิงก์เพื่อไปยังหน้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมือถือ เป็นต้น

6 เทคนิคSMS เด้งเข้า! คนอยากเปิดอ่าน ไม่ลบทิ้ง

 

ภาพจาก bit.ly/2nJUwiS
 

 

การตลาดผ่าน SMS สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรกคือ ความชัดเจนและตรงประเด็นของเนื้อหาเพราะข้อความที่เกิน 160 ตัวอักษรนอกจากจะถูกตัดออกเป็น SMS 2 ฉบับจะทำให้ลูกค้าเกิดความรำคาญจากการได้รับข้อความถี่เกินไป

สิ่งที่ต้องทำคือ การใส่ Call to Action เข้าไปเพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าจะสามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ไหน โดยการใส่ลิงก์ URL หรือ หน้าเพจของร้านบนสื่อโซเชี่ยล และควรเลือกใช้คำที่สะดุดตาและทีความสร้างสรรค์จะช่วยทำให้ SMS ดูน่าสนใจมากขึ้น

 

 

เชื่อว่าธุรกิจคงอยากส่งข้อความให้ลูกค้าในเวลาที่ลูกค้าจะตัดสินใจได้ทันที นั่นหมายความว่าเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงคือตอนเช้าตรู่หรือตอนดึกที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่มีเวลาอยู่กับตัวเองมากนัก อีกอย่างที่ควรระวังคือการส่งโปรโมชั่นช้ากว่าวันจริง เพราะคงไม่มีลูกค้าคนไหนที่อยากได้แจ้งเตือนโปรโมชั่นช้ากว่าวันจริงหลังจากที่ซื้อสินค้าไปแล้ว นอกจากนี้อย่าเผลอส่ง SMS ให้ลูกค้าบ่อยเกินไป จำนวนการส่ง SMS ที่เหมาะสมคือ 1 SMS/สัปดาห์ หรือ 1 SMS/2 สัปดาห์ เท่านั้น

ภาพจาก bit.ly/2oqbz9A

 

 

เพราะ SMS ไม่เหมือน SNS (Social Network Service) ที่สามารถเวียนข้อความการตลาดซ้ำรอบสองได้ แต่ควรมีการปรับเปลี่ยนข้อความให้มีความหลากหลายและน่าสนใจ เพื่อป้องกันการส่งข้อความ SMS ซ้ำไปให้ลูกค้า และสิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ อย่าลืมใส่โปรโมชั่นที่แตกต่างจากโปรโมชั่นที่มีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางอื่น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับ SMS

 

 

สิ่งที่ทำได้ในการกรองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ การใส่คำถามลงไปในขั้นตอนการสมัครสมาชิกออนไลน์ด้วยคำถามว่า “ต้องการรับโฆษณาจาก SMS หรือไม่” พร้อมช่องระบุหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ได้ลิสต์ลูกค้าที่มีความสนใจจริงๆ
 

และอย่าลืมบอกลูกค้าว่าการรับข่าวสารจาก SMS นั้นมีสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง และในตอนท้ายของการสมัครก็ควรใส่ข้อความขอการยืนยันจากลูกค้าในการส่ง SMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้

ภาพจาก bit.ly/2nA5yau

 

 

ตามกฎหมายลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกรับข่าวสาร ดังนั้น SMS ก็เช่นกัน ควรมีการแจ้งรายละเอียดให้ชัดเจนว่าเมื่อตกลงรับ SMS แล้ว ลูกค้าย่อมมีสิทธิ์ที่จะขอยกเลิกได้ทุกเมื่อโดยการใส่รายละเอียดการขอยกเลิกไว้ในหน้า Landing page จากลิงก์ที่อยู่ใน SMS หรือมีการแทรกลิงก์รายละเอียดการยกเลิกเข้าไปในหน้าประชาสัมพันธ์ที่ลูกค้าจะมีการกดเข้ามาดู

 

 

เพราะข้อมูลอย่างหมายเลขโทรศัพท์มีการเปลี่ยนแปลงกันได้ เพื่อเป็นการป้องกันการส่งข้อความไปหาหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกยกเลิกไปแล้วหรือถูกเปลี่ยนมือเจ้าของ อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพการทำการตลาดผ่านช่องทางนี้ที่สดลง ธุรกิจจึงควรจะหมั่นอัพเดทฐานลูกค้าเพื่อประสิทธิภาพในการตลาดที่ดี

 

เป็นความโชคดีของธุรกิจยุคนี้ที่มีเครื่องมือการตลาดที่ช่วยประหยัดต้นทุนได้มากและมีประสิทธิภาพในการเข้าถึง แต่ในความโชคดีก็มีโชคร้ายที่ทำให้ลูกค้าเองมีตัวเลือกในการรับข้อมูลข่าวสารจากหลายทิศทาง สิ่งที่ธุรกิจต้องพัฒนาคือคุณภาพและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเวลาที่ลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการจะได้กลายเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงที่จะนำข้อมูลสินค้าหรือธุรกิจเราไป แชร์ต่อให้คนอื่นทราบ  ที่ทำให้ธุรกิจเราได้รับกำไรที่ดียิ่งๆขึ้นไป

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)