ธุรกิจบนเน็ตอาเซียนปี 62 โตแรง! 100 พันล้านดอลลาร์ คาดอีก 6 ปีโตเพิ่ม 3 เท่าตัว!
 

ยุคนี้เป็นยุคของ Social Media หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘สื่อออนไลน์’ ดังนั้นแล้วจึงมีผู้คนนิยมหันมาใช้สื่อออนไลน์นี้ในการทำธุรกิจ เพราะง่ายและสะดวกต่อการซื้อขายสินค้า ซึ่งในปี 2562 นี้ ระบบเศรษฐกิจที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่าสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 3 เท่า ของในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จากการศึกษาร่วมกันระหว่าง Google, Temasek และ Bain & Co ก็พบว่า ส่วนใหญ่แล้วได้รับแรงผลักดันมาจากการทำธุรกิจ E-Commerce และ Ridehailing

ภาพจาก bit.ly/35cTVqL

 

ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคาดว่า จะมีอัตราเพิ่มขึ้น 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2568 และด้วยการที่มีสมาร์ทโฟนเกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ ทำให้จำนวนผู้ที่เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตมีจำนวนที่สูงเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมในอนาคต อีกทั้ง Unicorn (ธุรกิจ Startup ที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ยังเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคบางแห่งนี้ โดยจะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นหลักคือ Gojek และ Traveloka ของประเทศอินโดนีเซีย, Grab และ Garena ของประเทศสิงคโปร์ และประเทศอื่นๆอีกมากมาย หรือแม้แต่ภาคธุรกิจที่พวกเขาดำเนินงานมา

 

ซึ่งธุรกิจแบบ E-Commerce และ Ridehailing เอง ก็ได้คว้าเงินการลงทุนในเศรษฐกิจทางอินเทอร์เน็ตไปมากกว่า 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งอินโดนีเซียและเวียดนามก็ยังมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีที่สุดในบริษัท ซึ่งจะคิดเป็น 40% ของอัตราการเจริญเติบโตโดยรวม ในขณะที่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และฟิลิปปินส์ จะมีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ที่ประมาณ 20% - 30% โดยทั้งนี้อินโดนีเซียกำลังติดตามการลงทุนที่เกิดขึ้นในปี 2561 ไปกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะมีเงินทุนไหลเข้าสู่การชำระเงินแบบดิจิทัล 

ภาพจาก bit.ly/2p39alp

รอบการระดมทุนครั้งใหญ่บางส่วนในปี 2562 ก็ได้เสร็จสมบูรณ์โดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Bukalapak, Gojek, Tokopedia และ Traveloka , โดยในขณะนี้เศรษฐกิจบนอินเทอร์เน็ตของเวียดนามกำลังได้รับแรงผลักดันจากตลาดในประเทศ เช่น Sendo และ Tiki ซึ่งได้มาแข่งขันกับผู้เล่นระดับภูมิภาคอย่าง Lazada และ Shopee ซึ่งในบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์เองก็มีเศรษฐกิจทางอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นมากกว่าถึง  26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งจะนำโดย Unicorn เช่น Grab และ SeaGroup เช่นเดียวกันกับ บริษัทอย่าง Carousell, GoBear, ONE Championship, PropertyGuru, ShopBack และ Zilingo และในภูมิภาคอื่นๆอย่างเช่น ฟิลิปปินส์ ไทย และมาเลเซีย เองก็มีที่ว่างไว้รองรับสำหรับอัตราการเติบโตนี้เช่นเดียวกัน 

ภาพจาก bit.ly/30YaVhm

 

ในฟิลิปปินส์สื่อ online media จำพวก เพลงและวีดีโอสตรีมมิ่ง กำลังมีเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ธุรกิจ E-Commerce และ ในปี 2562 การท่องเที่ยวของมาเลเซียเองก็กำลังจะเป็นผู้นำ ซึ่งในภาคของ online travel ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมีมูลค่ามากกว่า 9,000 ล้านเหรียญ

 

นอกเหนือจาก E-Commerce , Ridehailing, online travel และ online media แล้ว การใช้บริการทางการเงินในภูมิภาคก็ยังคงดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ในปี 2025 นั้นก็คงต้องยอมรับว่า การชำระเงินแบบดิจิทัลนั้นคาดว่าจะมีมูลค่าเกือบ 1 ดอลลาร์ ในทุกๆ 2 ดอลลาร์ (1 ใน 2)ที่ใช้ในภูมิภาค ซึ่งจะหมายความว่า ทุกๆ 2 ดอลลาร์ ที่ใช้ในภูมิภาคนั้น  1 ดอลลาร์ (ทุกๆ 1 ใน 2 ดอลลาร์ที่ใช้ในภูมิภาค)จะผ่านการชำระเงินแบบระบบดิจิทัล

 

ภาพจาก bit.ly/2Vkl9XT

 

กว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีเพียง 1 ใน 5 ของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่ทุกวันนี้ผู้คนกว่า 570 ล้านคน โดยอาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้จำนวน 360 ล้านคน ที่ใช้อินเทอร์เน็ต และตั้งแต่ปี 2558 ก็มีฐานผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นถึง 100 ล้านคน โดยมีอายุระหว่าง 15-19 ปี ซึ่ง 90% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 360 ล้านคนนี้ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่หรือพื้นที่มหานครในภูมิภาค ก็จะใช้กับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ไปมากกว่าผู้ที่อยู่ที่อื่นถึง 6 เท่า 

ภาพจาก bit.ly/2LRKyVX

 

โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเอง ก็ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 13 นาที ต่อวัน ในการท่องโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งประเทศอื่นๆทั่วโลกจะมีสถิติอยู่ที่ประมาณเพียงแค่ 3 ชั่วโมง 13 นาที เท่านั้น ซึ่งประเทศไทยเองก็มีสถิติสูงกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศอื่นๆ โดยจากการวิจัย We Are Social และ Hootsuite ก็ได้แสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ในภูมิภาคใช้เวลาไปกับ Social Media และ แอพในการสื่อสารมากกว่าเวลาอื่นๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกันอย่างคับครั่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันทั้งผลดีและผลร้ายในตัวของมันเอง หากแต่อยู่ที่ว่า เราจะทำให้ผลของมันนั้นแปรเปลี่ยนเป็นอย่างไรก็เท่านั้นเอง

 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน