Internet ย่อมาจากคำว่า “International network” หรือ “Inter Connection network”  ซึ่งหมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน  เพื่อให้เกิดการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยอาศัยตัวเชื่อมเครือข่ายภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงเดียวกัน โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ครอบคลุมไปทั่วโลก

 

เราทุกคนในยุคนี้ต่างรู้จักระบบออนไลน์เหล่านี้เป็นอย่างดีและแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่เชื่อได้เลยว่าที่เราใช้ๆ กันจนชินถ้าถามว่าคืออะไร เป็นมาอย่างไร หลายคนตอบไม่ได้ หรือตอบได้ก็แบบกำปั้นทุบดิน ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าระบบที่มีอิทธิพลต่อคนทั้งโลกแบบนี้การเรียนรู้เรื่องราวกว่าจะมาเป็น ระบบ Internet ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

 

ภาพจาก bit.ly/2Monugx

 

ประมาณปี 1900 รัสเซียส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จ กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาจึงได้รับรู้ว่า เทคโนโลยีชั้นสูงของประเทศยังล้าหลังกว่าของรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้เกิดการตื่นตัว ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูง รัฐบาลสหรัฐอเมริกาโดยกระทรวงกลาโหม จึงก่อตั้งหน่วยงานวิจัยที่ชื่อว่า Advanced Research Projects Agency หรือที่รู้จักกันในนามของ ARPA

 

ต่อมา ARPA ได้ให้ทุนแก่มหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา เพื่อการทำวิจัยในหัวข้อเรื่อง เครือข่ายการทำงานร่วมกันของคอมพิวเตอร์แบบแบ่งเวลา (Cooperative network of Time-Shared Computers) และอีก 3 ปีหลังจากนั้นระทรวงกลาโหมก็ได้สนับสนุนโครงการวิจัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ชื่อว่า ARPANET จนกระทั่ง โครงการ ARPANET ได้เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย 4 แห่ง เข้าด้วยกัน และเริ่มขยายเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ถึง 23 เครื่องในเวลาต่อมา ถือว่า ARPANET คือต้นแบบของระบบอินเทอร์เนตในปัจจุบันก็ว่าได้

 

ในปี ค.ศ. 1990 นักวิทยาศาสตร์ชื่อ Tim Berners-Lee ได้คิดค้นระบบ World Wide Web ซึ่งเป็นระบบ เผยแพร่ข้อมูล เข้าสู่ระบบ อินเตอร์เน็ต และเป็นต้นแบบของ เว็บไซต์ ทั้งหมดบนโลกนี้ในปัจจุบัน World Wide Web หรือ เว็บเพจข้อมูลชุดแรกในประวัติศาสตร์ถูกโฮสต์เข้าสู่ระบบออนไลน์เมื่อวันที่ 6 กันยายน ปี คศ. 1991 มีชื่อว่า : http://info.cern.ch/hypertext/WWW/TheProject.html

 

ภาพจาก bit.ly/2orvK7w

 

เมื่อก่อนเราจะคุ้นเคยกับการเชื่อมสัญญาณอินเทอร์เนตกับสัญญาณโทรศัพท์ ผ่าน Modem ส่งข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ผ่านสาย Lan เราจะได้ยินเสียง อิ๊ดแอด ตื๊ดดดดดด กันจนคุ้นหู สมัยแรกๆแพคเกจมีแบบรายชั่วโมงให้เลือก ความเร็วสูงสุดในยุคนั้นประมาณ 56 kbps เท่านั้นเอง

 

จากนั้นในปี 2000 เริ่มมีการพัฒนาอินเทอร์เนตความเร็วสูง ADSL ที่มีสัญญาณแรงกว่าเดิมถึง 140 เท่าหรือประมาณ 8Mbps แถมยังมีบริการแบบรายเดือนให้เลือกด้วย จากนั้นระบบอินเทอร์เนตก็มีการพัฒนาต่อมาเรื่อยจนถึงยุคที่เป็นเคเบิลใยแก้ว มีการแข่งขันด้านราคาทำให้แพคเกจราคาถูกลงประชาชนได้ประโยชน์มากขึ้น ปัจจุบันเราอยู่ในยุค 4.0 หรืออินเทอร์เนตความเร็วแสง ที่สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านโทรศัพท์มือถือ

 

ภาพจาก bit.ly/33d0FDh

 

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการ เชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง 

 

ภาพจาก bit.ly/2VrPUKs

 

การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บริการในนาม บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย

 

ภาพจาก pixabay.com

 

ในปี 2551 ผลการสำรวจของสำนักสถิติพบว่า มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในไทย 16.99 ล้านคน ใช้อินเทอร์เนตประมาณ 10.96 ล้านคน แต่จากการสำรวจในปี 2562 พบว่า คนไทยมีประมาณ 69.24 ล้านคน ประมาณ 57 ล้านคนที่มีการเข้าถึงอินเทอร์เนตสัดส่วนนี้สอดคล้องกับจำนวนของคนที่ใช้อินเทอร์เนตจากทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

คาดการณ์ว่าปัจจุบันทั่วโลกมีคนใช้งานอินเทอร์เนตผ่านคอมพิวเตอร์ กว่า 4,400 ล้านคน ใช้งานอินเทอร์เนตผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า  5,110 ล้านคน เฉลี่ยแล้วทุก 1 วินาที มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายใหม่เกิดขึ้นทั่วโลก 11 ราย รวมแล้วมีผู้ใช้ใหม่ 1 ล้านรายต่อวัน

 

ภาพจาก bit.ly/2MrxeXb

 

อินเดียคือตลาดที่โดดเด่นมาก เพราะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเกือบ 100 ล้านคนในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 20% ต่อปี ตัวเลขนี้ทำให้อินเดียครอง 1 ใน 4 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายใหม่ของปีนี้ โดยรวมแล้วเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโต 55% ต่อปี

 

ภาพจาก bit.ly/35irKa3

 

ประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีการเติบโตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงเป็นอันดับ 3 ทั้งที่มีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตเทียบกับประชากรหรือ penetration rate 88% แล้ว แต่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหรัฐอเมริกาก็ยังเพิ่มขึ้นเกือบ 9% ต่อปี มีผู้ใช้งานรวมกว่า 310 ล้านคน

 

ภาพจาก Statista

 

ประเทศที่มีความเร็วการเชื่อมต่อเน็ตบ้านเฉลี่ยมากกว่า 100MBPS นั้นมี 12 ประเทศในขณะนี้ โดยปัจจุบัน ประเทศที่มีความเร็วการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือโดยเฉลี่ยมากกว่า 50MBPS มีมากกว่า 10 ประเทศ โดยสิงคโปร์คือแชมป์ประเทศที่มีการเชื่อมต่อเฉลี่ยที่เร็วที่สุดในโลก (191MBPS) ซึ่งเร็วกว่าการเชื่อมต่อเฉลี่ยในเวเนซุเอลาและพื้นที่ห่างไกลอื่นถึง 50 เท่า

 

ภาพจาก bit.ly/2oqTyID

 

ระยะเวลากว่า 30 ปี ที่คนทั้งโลกได้รู้จักกับ World Wide Web (www.) ซึ่งกว่าที่เทรนด์นี้จะฮิตไปทั่วโลกต้องใช้เวลาก่อร่างสร้างตัวมากว่า 16 ปีจึงจะมีผู้ใช้งานทะลุ 1 พันล้านราย แต่เพียง 6 ปีต่อมา ผู้ใช้งานก็เพิ่มจำนวนเข้าสู่หลัก “พันล้านที่ 2” ข้อมูลจากการสำรวจ Digital 2019 พบว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้น 1 พันล้านรายทุก 2.7 ปี ซึ่งปัจจุบัน ฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกทะลุหลัก 4,500 ล้านรายไปแล้ว

 

ซึ่งเชื่อได้ว่าอินเทอร์เนตจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับโลกนี้ไปอีกนานแสนนานและจะไม่มีวันสูญสลายมีแต่จะถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจาก 4.0 อนาคตก็คือ 5.0 ที่เชื่อได้ว่าเราจะได้เห็นสิ่งใหม่ที่เข้าใกล้คำว่า โลกอนาคตมากขึ้น เหมือนที่เราเคยเห็นในหนังต่างประเทศ แต่ต่อไปนี้สิ่งที่เคยเป็นเหมือนนิยายจะกลายเป็นจริงมากขึ้น อย่างไรก็ดีผลในทางตรงกันข้ามคือเมื่อใดก็ตามที่ระบบอินเทอร์เนตเกิดล่มขึ้นมา โลกทั้งใบน่าจะโกลาหลกันไม่น้อยทีเดียว

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)