ภาพจาก  bit.ly/2SExjdo

 

แค่คำว่า “ฟรี” ติดอยู่ที่ตรงไหน ก็ดึงดูดให้คนสนใจได้ทั้งนั้น เช่น “น้ำฟรี” “เชิญหยิบฟรี” เป็นต้น “ฟรี” เป็นคำทรงพลังที่ถูกใช้มานานในหลักการตลาด แต่ไม่ใช่ว่านึกจะใช้ก็ใช้แบบพร่ำเพื่อ เทคนิคการใช้คำว่า “ฟรี” คือเราต้อง สร้างเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ไม่สัญญาอะไรที่อาจทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้ในภายหลัง เพราะไม่เช่นนั้นกลยุทธ์ “ฟรี” ของเราก็อาจไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ

 

ข้อสำคัญอีกอย่าง คือ เมื่อเราสร้างโปรโมชั่นฟรี ต้องมีวิธีอย่าให้กลยุทธ์นี้ย้อนมาทำลายธุรกิจเราเอง ก่อนใช้คำว่า “ฟรี” เราต้องรู้ต้นทุนที่ต้องสูญเสียไป รวมถึงมาตรฐานราคาและการให้ลูกค้ารับรู้คุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่มีมาอย่างยาวนานด้วย การใช้คำว่าฟรีแม้จะทรงพลังและดีแต่อย่าใช้ “ฟรี” กับทุกสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของเราต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนใช้กลยุทธ์เสมอ และต้องสัมพันธ์กับเทศกาลหรือวาระพิเศษ เพื่อจะทำให้สินค้าเราดูมีคุณภาพและน่าสนใจ ไม่ใช่เอะอะก็ ฟรี ฟรี ฟรี แบบนี้อาจเจ๊งก่อนมีกำไรได้

 

ภาพจาก bit.ly/3bzdBZ5

 

คำว่า “ทันที” ก้าวเข้ามาในยุคที่การตลาดออนไลน์เริ่มมีบทบาทมากขึ้น เป็นพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปในยุคที่การแข่งขันมีสูง ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องรอ” “สั่งแล้วต้องได้เลย”  บางทีของราคาต่างกันไม่มากแต่ได้เร็วกว่าลูกค้าก็ตัดสินใจซื้อสินค้านั้น เพียงเพราะว่า “ได้ทันที” นั่นหมายถึงการตลาดแบบออนไลน์ที่เรามักจะเห็นคำว่า “ส่งทันที” ส่งทันใจ” ได้เลยทันที” นี่ก็คืออีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ดึงดูดให้ลูกค้ารู้สึกว่า “อยากซื้อ” มากขึ้น

 

ซึ่งคำว่า “ทันที” ไม่ได้หมายความถึงแค่การส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพูดคุยโต้ตอบที่ทันที อยากรู้อะไร ก็ได้คำตอบในตอนนั้น ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาหรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับสินค้าและบริการ หากสามารถทำได้ทันที ใช้เวลาให้น้อยที่สุด ทำได้เร็วที่สุด ลูกค้าก็จะเกิดความประทับใจ และไว้วางใจต่อแบรนด์มากที่สุด จนเกิดการบอกต่อปากต่อปากในที่สุด

 

ภาพจาก bit.ly/3bxX7R5

 

ใครๆก็ชอบสิ่งของที่แปลกใหม่ ทุกวันนี้เราเห็นสินค้าแบบเก่าๆ เดิมๆ ดัดแปลงแค่รสชาติหรือพัฒนาด้านบริการให้ดีกว่า แต่สังเกตให้ดีว่าถ้ามีสินค้า “ใหม่” คนจะฮือฮา หรือแม้แต่ร้านค้าเปิดใหม่ ห้างสรรพสินค้าใหม่ ตลาดนัดแห่งใหม่ ช่วงแรกจะดึงดูดคนให้คนสนใจได้มาก ที่เหลือคือความพอใจหลังจากลองไปใช้บริการ จะกลายเป็นลูกค้าประจำหรือไม่ก็ขึ้นอยู่หลังจากการลองในช่วงแรกนี้

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้ “ใหม่” ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน โดยก่อนใช้เราอาจต้องดูให้ดีก่อนว่า การใส่คำว่า ใหม่ ลงไปในผลิตภัณฑ์ ได้สร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่หรือเปล่า เพราะบางครั้งการใช้คำว่า ใหม่ กับสินค้าหนึ่ง อาจดึงดูดใจลูกค้าให้เข้ามาเพิ่มก็จริงอยู่ แต่ก็อาจเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อผลิตภัณฑ์เดิมหรือกระทบต่อยอดขายได้ เพราะส่วนใหญ่มักมองว่าของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่าเสมอ ดังนั้นสิ่งใดที่ดีอยู่แล้ว เป็นที่นิยมชื่นชอบของผู้บริโภคอยู่แล้ว จงอย่าไปเปลี่ยนแปลง เพราะบางอย่างก็ไม่ได้ต้องการความแปลกใหม่เสมอไป แต่ต้องการของแท้ ของดีที่คงคุณภาพไว้เช่นเดิมได้ด้วยนั่นเอง    

ภาพจาก bit.ly/3byjlCu

 

ตัวอย่างของการเพิ่มยอดขายด้วยการใช้คำพิเศษมีให้เห็นในหลายแบรนด์ทั้งในการตลาดเมืองไทยและต่างประเทศ อย่าง KFC เคยมีการใช้ Headline ที่น่าดึงดูดใจอย่าง “คู่หู..ดูโอ” แทนคำธรรมดาๆทั่วไป และมีการใช้คำขยายเสริมเข้าไปอีกอย่างคำว่า “สูตรพิเศษ” “รสชาติเข้มข้น” เพื่อให้รู้สึกถึงรสชาติที่ต้องอร่อยๆแน่ๆของซอสดังกล่าวนี้

ภาพจาก bit.ly/2SmaFr3

 

หรือแม้แต่แบรนด์ดังอย่าง Nescafe ก็นิยมใช้คำขยายอย่าง “คุณภาพ” “คัดเฉพาะ” “อย่างตั้งใจ” เพื่อขยายให้รู้สึกถึงความพิเศษของเมล็ดกาแฟ  มีการใช้คำอย่าง “กลมกล่อม” “เกินห้ามใจ” เพื่อให้ความรู้สึกอยากลิ้มลองรสชาติของกาแฟที่ชงจากสินค้าของพวกเขามากขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสินค้าและหลายแบรนด์ที่ใช้คำพิเศษเหล่านี้อย่างตั้งใจหรือบางทีก็ใช้ด้วยความเคยชิน ซึ่งหากเรียนรู้และเจาะลึกในการใช้ถ้อยคำเหล่านี้อย่างลึกซึ้งจะเป็นการตลาดที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีในยุคใหม่ ปี 2563 อาจจะทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีกำไรจากการค้าขายได้มากเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

 

ขอบคุณข้อมูล
https://bit.ly/35t3gKR , https://bit.ly/2tmaS3x