บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.1K
2 นาที
3 เมษายน 2563
อยู่บ้าน ช่วยชาติ ท้ายสุดทุกคนจะแกร่งกว่าที่เคย!

 
ข้อดีของ COVID 19 คือทำให้คนเราได้อยู่กับบ้านมากขึ้น มีเวลาให้กับพ่อแม่ลูกเมียพี่น้องมากขึ้น หรือจะเป็นจริงอย่างที่เขาว่า “COVID 19” คือการทำความสะอาดตามธรรมชาติเพื่อปรับสมดุลของโลกใบนี้ให้ดีขึ้น แต่ไม่ว่าจะแนวคิดไหนอย่างไร การแพร่ระบาดของ COVID 19 ก็ยังเป็นเรื่องเลวร้ายและภาวนาให้ผ่านพ้นไปเร็วๆสักที
 
ซึ่งในขณะที่เรายังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่า ช่วง 14 วันที่คนเราได้อยู่กับบ้านหรือบางคนได้ทำงาน Work From Home สกิลในตัวของแต่ละคนควรจะเพิ่มขึ้น บางสิ่งที่ไม่เคยทำ หรือทำไม่เป็นในช่วงเวลาแบบนี้เราควรพัฒนาความสามารถตัวเองให้มากขึ้น
 
1. พัฒนาศักยภาพของ “พ่อ”


ภาพจาก freepik
 
เริ่มกันตั้งแต่คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว จากเมื่อก่อน “พ่อ” อาจจะเป็นคนที่ใช้เวลาอยู่บ้านน้อยที่สุด กลับบ้านดึกที่สุดแต่ตอนนี้เมื่ออยู่บ้านมากขึ้นสิ่งที่ “พ่อ” ควรทำคือ
  1. รู้จักซ่อมแซมบ้าน อาศัยเวลาที่ต้องอยู่บ้านพ่อควรจะทำหน้าที่ซ่อมแซมในส่วนที่ชำรุดพัฒนาบ้านตัวเองให้ดีขึ้น
  2. ซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าง่ายๆ  อย่างหลอดไฟขาด พัดลมไม่ติด นี่ก็คือหน้าที่ของพ่อในช่วงเวลาอยู่กับบ้านที่ควรทำได้
  3. ปลูกต้นไม้ งานสวนก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจพ่ออาจใช้ช่วงเวลาที่มีค่านี้จัดสวนให้บ้านดูสวยงามยิ่งกว่าเดิม
  4. ลดน้ำหนัก ลดโรค  จากที่เคยทำงานเอาแต่กิน ขับรถ นั่งทำงาน เมื่อมีเวลาก็ควรตั้งเป้าลดน้ำหนักตัวเองให้ได้
  5. ออกกำลังกายให้แข็งแรง สืบเนื่องจากการลดน้ำหนัก ก็ควรฝึกฝนการออกกำลังกายภายในบ้านให้ตัวเองแข็งแรง
  6. เล่นกับลูกให้มากขึ้น จากที่ไม่เคยมีเวลาให้ลูก ไม่เคยเล่นกับลูก ช่วงที่พ่อกักตัวนี้เป็นเวลาดีที่จะสานสัมพันธ์ให้ดี
  7. หาความรู้ใหม่ๆ ให้ตัวเอง เอาไว้เผื่อในยามที่ต้องกลับไปทำงานอีกครั้งจะได้สกิลเพิ่มศักยภาพให้สูงกว่าเดิม
  8. ฝึกช่วยงานบ้าน คนเป็นพ่อมักคิดเสมอว่างานบ้านเป็นหน้าที่ของแม่บ้านเวลาแบบนี้ฝึกทำงานบ้านจะช่วยให้ครอบครัวอบอุ่นขึ้นมาก
  9. เป็นพ่อครัว  พ่อบางคนอาจไม่เคยทำอาหารให้ลูกทานเลย นี่คือโอกาสดีที่จะได้ฝึกทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยทำ
  10. เป็นนักฟังที่ดี จากที่ทำงานกลับดึก บางทีก็ไม่กลับ อาจทำให้พ่อไม่เคยฟังความคิดเห็นของลูกๆ ตอนนี้อาจมีเวลาที่พ่อจะกลายเป็นนักฟังและแก้ปัญหาให้กับลูกได้มากขึ้น
 
2. พัฒนาศักยภาพของ “แม่”


ภาพจาก freepik
 
คนที่เป็นแม่อาจมีเวลาอยู่บ้านมากกว่าคนเป็นพ่อ แต่ก็มีแม่หลายคนที่ทำงานนอกบ้านเช่นกัน แต่โดยรวมแล้ว บรรดา “แม่ๆ” จะมีหน้าที่หลักคือทำอาหาร รับส่งลูกไปโรงเรียน ทำงานบ้านต่างๆ ช่วง 14 วันที่กักตัวก็มีสิ่งที่แม่จะพัฒนาตัวเองได้คือ
  1. ฝึกงานเย็บปักถักร้อยให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเย็บเสื้อที่ขาด เย็บหมอน เย็บผ้าห่ม ใครทำไม่เป็นก็ใช้เวลานี้ในการฝึก
  2. ฝึกทำขนม/เบเกอรี่ ช่วงที่มีพ่อคอยดูแลลูกๆ แทน แม่อาจจะฝึกฝนทำขนม ดีไม่ดีอาจจะกลายเป็นอาชีพที่ดีก็ได้
  3. ดูแลตัวเองให้สวยกว่าเดิม จากที่ต้องเอาแต่ทำงานบ้าน เมื่อมีพ่อมาช่วยดูแล แม่ก็หันมาใส่ใจความสวยได้มากขึ้นในเวลานี้
  4. ทำงานฝีมือ/งานแฮนด์เมด แม่หลายคนมีพรสวรรค์ด้านการทำงานแฮนด์เมด แต่ไม่มีเวลา นี่คือช่วงเวลาที่แม่จะได้หันมาทำงานแฮนด์เมดได้อย่างเต็มที่ดีไม่ดีจะเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวด้วย
  5. ขายของออนไลน์ ส่วนใหญ่บรรดาแม่ๆ จะเป็นคนพูดเก่ง ขายเก่ง ซึ่งอาจใช้เวลานี้เพิ่มสกิลการขายให้ตัวเองมากขึ้นได้
  6. เล่นกีฬาให้มากขึ้น บรรดาแม่ๆ อาจไม่ค่อยสันทัดกับการเล่นกีฬา ในช่วงที่มีเวลาขนาดนี้ควรได้ฝึกเล่นกีฬาเบาๆที่ตัวเองพอทำได้
  7. วางแผนการใช้เงินภายในบ้าน นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่แม่จะได้วางแผนการเงินสำหรับครอบครัวให้ดียิ่งกว่าเดิม ตรงไหนที่บกพร่องก็ปรับปรุงแก้ไขให้ครอบครัวมีแผนการเงินที่ดีขึ้น
 
3. พัฒนาศักยภาพของ “ลูก”


ภาพจาก freepik
 
สำหรับลูกๆ อาจจะเป็นปิดเทอมที่เด็กได้อยู่กับบ้านมากที่สุด และเพื่อไม่ให้เวลาอันมีค่านี้เสียไปแบบเปล่าประโยชน์ ลูกๆ เองก็ควรฝึกทักษะตัวเองให้เก่งยิ่งขึ้น มีหลายอย่างที่ทำได้คือ
  1. ค้นหาความสามารถพิเศษตัวเอง เมื่อมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น เด็กๆควรค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไรและอยากทำอะไรมากที่สุด
  2. ฝึกทักษะด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษนับเป็นพื้นฐานที่เด็กไทยทุกคนควรจะมี ซึ่งสามารถหาความรู้และฝึกได้จากในอินเทอร์เนต
  3. ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน การฝึกทำงานบ้านก็ถือเป็นการฝึกวินัยและทำให้เด็กได้รู้จักหน้าที่ของตัวเองมากขึ้นด้วย
  4. ทบทวนบทเรียน เด็กๆควรใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์นอกจากทำกิจกรรมต่างๆ แล้วก็ควรทบทวนบทเรียนด้วย
  5. หารายได้พิเศษจากอินเทอร์เนต เด็กสมัยนี้ใช้อินเทอร์เนตคล่องมาก ก็ควรเอาความรู้ความสามารถมาใช้ในการหาเงินที่ถูกต้องและเป็นการฝึกทำงานไปในตัวด้วย
  6. ลดการเล่นโทรศัพท์ อาจจะทำได้ยากเพราะโทรศัพท์เป็นเหมือนปัจจัยที่ห้า แต่ถ้าเรามัวเอาแต่เล่นโทรศัพท์ตลอดเวลาก็จะทำให้มีปัญหาด้านการเข้าสังคมและอาจเป็นสมาธิสั้นได้
  7. ฝึกทำสมาธิ เด็กๆหลายคนไม่เคยฝึกทำสมาธิเอาแต่เล่นไปวันๆ ในเมื่อเรามีเวลาต้องอยู่กับบ้านมากขึ้น ควรได้ฝึกทำสมาธิให้มากขึ้น จิตใจจะได้สงบและมีผลดีในการนั่งสมาธิตามมาอีกมากมาย

ภาพจาก freepik 

ทั้งนี้กิจกรรมในระหว่างการอยู่กับบ้านที่อาจจะแปรเปลี่ยนไปตามสภาพของแต่ละบุคคล บางคนพ่อแม่อาจไม่ได้หยุดทำงาน เด็กๆ ก็อาจจะช่วยทำงานบ้านแทนพ่อแม่ได้ หรือบางคนมีปู่ย่าตายายอยู่ด้วย เด็กๆ ก็อาจจะช่วยดูแลปู่ย่าตายายมากขึ้น หรือแม้แต่พ่อแม่เอง ก็อาจมีกิจกรรมที่แตกต่างไปจากที่เรากล่าวไว้ เช่น บางคนเป็นบ้านเดี่ยวก็อาจปลูกต้นไม้ได้ แต่บางคนอยู่คอนโดปลูกต้นไม้ไม่ได้ก็อาจแปรเปลี่ยนมาทำสวนขวดแทน หรือบางคนอยู่บ้านเช่าไม่มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมอะไรมากนัก ก็อาจจะใช้เวลาในครอบครัวทำกิจกรรมเล็กๆ รวมกัน ดีกว่าต่างคนต่างอยู่ปล่อยเวลาให้มีค่าไปแบบเปล่าประโยชน์
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/index.php
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
433
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด