บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.2K
2 นาที
28 เมษายน 2563
ถอดแนวคิด!! William Heinecke หลังวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจโรงแรมจะเป็นอย่างไร?
 

ธุรกิจโรงแรม นับว่าเป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการวิกฤตโควิด-19 เพราะสายการบินต่างๆ หยุดให้บริการชั่วคราว ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาใช้บริการ หลายๆ แบรนด์เชนโรงแรมในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถึงกับต้องปิดกิจการ บ้างก็พักงานพนักงาน โดยไม่รู้ว่าจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งได้เมื่อไหร่ แล้วทิศทางของธุรกิจโรงแรมจะเป็นอย่างไรต่อไป? 

ภาพจาก bit.ly/2Yb6XUB
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ขอถอดแนวความคิดของ “วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค” หรือ William Ellwood Heinecke เป็นที่รู้จักอย่างทั่วไปว่า “บิล ไฮเน็ค” นักธุรกิจสัญชาติไทยเชื้อสายอเมริกัน ผู้ก่อตั้ง เครือบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในกลุ่มบริษัทด้านการบริการที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ถึงมุมมองของเขาต่อธุรกิจโรงแรมหลังจากโควิด-19 ผ่านพ้นไป พอจะสรุปได้ดังนี้...
 
ปัจจุบัน William Heinecke ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเปิดรีสอร์ทริมทะเลในพัทยาในปี 2521 ต่อมาบริษัทได้ขยายธุรกิจจนปัจจุบันได้กลายเป็นผู้ประกอบธุรกิจพักผ่อนและสันทนาการที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

ภาพจาก bit.ly/2Yb6XUB
 
ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ทกว่า 530 แห่ง ร้านอาหารกว่า 2,300 สาขา และมีจุดจำหน่ายสินค้ากว่า 480 แห่งในประเทศไทย และอีก 62 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา มหาสมุทรอินเดีย ยุโรป และอเมริกา
 
สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้น เครือไมเนอร์ฯ ดำเนินธุรกิจในรูปแบบเป็นเจ้าของ บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมในเครือทั้งสิ้นกว่า 530 แห่งและมีจำนวนห้องพักรวมกว่า 78,000 ห้อง เช่น อนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอเลวาน่า, เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช โฮเทลส์, นาว, แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส, เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 
 
ปัจจุบัน ไมเนอร์ โฮเทลส์มีกลุ่มโรงแรมและสปาในเครือใน 57 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรปและอเมริกา นอกจากนี้ ไมเนอร์ โฮเทลส์ยังเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้าและบันเทิง ธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย และโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา โดยในปี 2562 มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรม คิดเป็น 76% ของรายได้ทั้งหมด  
 
 
ส่วนไมเนอร์ ฟู้ด เป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 2,300 สาขา ใน 26 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, ริเวอร์ไซด์, ไทย เอ็กซ์เพรส, เบนิฮานา, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน และเบอร์เกอร์ คิง โดยในปี 2562 มีสัดส่วนรายได้ คิดเป็น 20% และอื่นๆ 4% 
 
“ธุรกิจโรงแรม-การท่องเที่ยว” หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
 
ภาพจาก bit.ly/2Yb6XUB

William Heinecke มองว่าตั้งแต่ทำธุรกิจในประเทศไทยมาหลายสิบปี ผ่านมาทั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง โรค SARS รวมถึงการรัฐประหาร และความไม่สงบทางการเมือง แต่วิกฤตโควิด-19 มีความรุนแรง และส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมมากที่สุด
 
วิกฤตครั้งนี้ ไม่ใช่การถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่มันคือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เหมือนที่สหรัฐฯ และโลกเผชิญมาในยุค 1930 (บอกว่าไม่ใช่ Recession แต่ครั้งนี้เป็น Depression)
 
William Heinecke ยังมองว่า หลังจากวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เขาไม่ได้หมายความว่า ธุรกิจเหล่านี้จะล้มหายตายจาก เพียงแต่หลังจากนี้ จะเกิดมาตรฐานใหม่ทางสุขอนามัยของโรงแรม ผู้ประกอบการอาจจะต้องทุ่มงบไปลงในเรื่องของความสะอาด สภาพแวดล้อมในโรงแรม หรือคุณภาพของอาหารมากยิ่งขึ้น
 
ขณะเดียวกัน การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวก่อน ส่วนการเที่ยวต่างประเทศคงต้องอีกสักระยะ ประเทศทางฝั่งเอเชียก็จะฟื้นตัวก่อนยุโรป โดยยกตัวอย่างจีน ที่เริ่มส่งสัญญาณของการฟื้นให้เห็นแล้ว
 
ภาพจาก bit.ly/3aNho3o
 
William Heinecke ยังมองว่าผู้คนยังคงอยากเดินทางท่องเที่ยว แต่จะพิถีพิถันในการเลือกที่พักมากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของโรงแรม ที่จะต้องสร้าง “แบรนด์” ให้ลูกค้ารู้สึกว่าปลอดภัย สะอาด และสบายใจที่จะมาพักด้วย 
 
นั่นคือ แนวความคิดของ William Heinecke ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “MINT” เครือธุรกิจที่บริหารแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก เขายังเป็นชายผู้ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 23 ของไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 38,000 ล้านบาท
 
ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ...หวังว่าผู้ประกอบการธุรกิจ และ เจ้าของกิจการร้านค้า ต้องรู้จักมองหาโอกาสที่กำลังซ่อนอยู่ เพื่อที่จะเตรียมความรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจบโควิด-19 เพราะ...ทุกสิ่งทุกอย่าง จะไม่เหมือนเดิม
 
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
อ้างอิงข้อมูล 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
799
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
713
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
642
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
529
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
447
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธ..
432
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด