บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.6K
3 นาที
27 พฤศจิกายน 2563
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! ดิเอโก้ มาราโดน่า
 

“คนดังคือคนที่ใครๆรู้จัก แต่คนที่เป็นตำนานจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป” แต่การที่คนหนึ่งคนจะกลายเป็นตำนานไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ คำว่า “ตำนาน” ต้องมีบางสิ่งที่ไม่ว่าจะพูดกี่ครั้งก็ยังต้องนึกถึงเขาเสมอๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สิ่งที่เขาเคยทำไว้คนทั้งโลกก็จะไม่มีวันลืม

นี่คือคำนิยามและผลักดันให้ “ดิเอโก้ มาราโดน่า” กลายเป็น “ตำนาน” แม้ขณะนี้ “ดิเอโก้ มาราโดน่า” จะจากไปอย่างสงบในวัย 60 ปี แต่สิ่งที่ “มาราโดน่า” เคยทำไว้ จะไม่มีใครลืมเลือนได้อย่างแน่นอน

www.ThaiFranchiseCenter.com ขอรำลึกการจากไปของดิเอโก้ มาราโดน่า ด้วย 10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้!และนี่คือบุคคลระดับตำนานที่ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะมีอีกสักกี่คนที่ทำได้เหมือนเขา “มาราโดน่า”
 
1.พ่อทำงานโรงงาน แม่ต้องเลี้ยงดูลูก 8 คน

ชีวิตของมาราโดน่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ “มาราโดน่า” เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1960 ที่เมืองลานุส ทางตอนใต้ของกรุงบูเอโนสไอเรส เขาเป็นลูกคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน พ่อของมาราโดน่าคือ “ดอน ดีเอโก้” เป็นคนงานโรงงาน ส่วนแม่คือ “โดน่า โทต้า” เป็นแม่บ้านที่ต้องคอยดูแลลูกๆ 8 คน ด้วยความที่ครอบครัวมีฐานะยากจน ก็ตามประสาเด็กในอเมริกาใต้ที่ส่วนใหญ่ก็วิ่งเล่นเตะฟุตบอลในสนามลูกรัง สนามดิน แล้วแต่จะมีที่ว่าง กับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน
 
2.ฉายา “เสือเตี้ย” ส่วนสูงไม่ใช่ปัญหาในการเล่นบอล

จุดเด่นของ มาราโดน่า ที่มีมาตั้งแต่เด็กคือ “เตี้ย” และ “ตัน” แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาในการเล่นฟุตบอลแม้แต่น้อย ด้วยส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 5 นิ้ว (ประมาณ 165 เซนติเมตร) แต่สิ่งที่มาทดแทนความสูงที่น้อยนิดคือความสามารถที่สุดยอด ด้วยลีลาที่พลิ้วไหวและคล่องแคล่วชนิดหาตัวจับยาก ควบคุมลูกฟุตบอลได้อย่างเชื่องเท้า จริงอยู่ว่ามาราโดน่าอาจไม่ใช่ผู้เล่นที่มีความเร็วมากมายนัก แต่สามารถเอาตัวรอดได้อย่างง่ายดายด้วยทักษะการลากเลื้อยและการจ่ายบอลทะลุทะลวงเพื่อฉีกแนวรับคู่ต่อสู้เป็นชิ้นๆ ซึ่งมาราโดน่าได้แสดงให้เห็นในสนามฟุตบอลมานักต่อนัก
 
3.เริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลกับสโมสรอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส
 

ภาพจาก www.clarin.com

จากทักษะในการเล่นบอลที่โดดเด่นจนไปสะดุดตาแมวมองของโมสรอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ตั้งแต่ 8 ขวบ จึงถูกนำตัวมาอยู่ในทีมยุวชนของสโมสรก่อนขึ้นสู่ชุดใหญ่ของอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ในปี 1976 ลงเล่นนัดแรกให้ทีมชุดใหญ่ก่อนอายุครบ 16 ปีอยู่ 10 วัน จากนั้นในปี 1981 ซึ่งเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังจึงได้ย้ายไปอยู่กับโบคา จูเนียร์ส สโมสรที่ทำให้มาราโดน่าได้แชมป์อาร์เจนตินาครั้งแรกและครั้งเดียวในอาชีพนักฟุตบอล โดยอยู่กับโบคาเพียงหนึ่งฤดูกาลก็ได้ย้ายมาค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่าหลังฟุตบอลโลก 1982 ด้วยค่าตัวระดับสถิติโลกใหม่ในขณะนั้น คือราว 5 ล้านปอนด์
 
4.ตำนานแห่งทีมนาโปลี

อยู่กับบาเซโลน่าได้เพียง 2 ฤดูกาลมาราโดน่าก็ย้ายไปนาโปลีด้วยค่าตัวระดับสถิติโลกใหม่อีกเช่นกันราว 6.9 ล้านปอนด์ ในสีเสื้อของนาโปลีนี่เองที่ มาราโดน่า ประสบความสำเร็จสูงสุดในการค้าแข้งอาชีพ โดยมาราโดน่านำทีมอัซซูร์ร่าคว้าแชมป์เซเรีย อา ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในปี 1987 อันเป็นปีที่ได้แชมป์โคปปา อิตาเลีย ด้วย

จากนั้นในฤดูกาล 1988/89 ช่วยให้นาโปลีได้ชูถ้วยยูฟ่า คัพ (ยูโรปา ลีก) ก่อนที่ปีต่อมานาโปลีจะคว้าสคูเด๊ตโต้ใบที่สองได้สำเร็จ ซึ่งจนถึงปัจจุบัน นาโปลียังไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดของอิตาลีเพิ่มอีกเลย และทางสโมสรได้ปลดระวางเสื้อเบอร์ 10 ของมาราโดน่าจากการใช้งานหลังการย้ายทีมด้วย
 
5.ตำนานหัตถ์พระเจ้าอันลือลั่น
 
ภาพจาก https://citly.me/EhifY

หลังจากฟุตบอลโลกปี 1982 ที่มาราโดน่าติดทีมชาติอาร์เจนตินาครั้งแรกแต่กลายเป็นฟุตบอลโลกที่ไม่น่าจดจำเพราะตัวเขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนามแถมยังร่วงตกรอบด้วยฝีมือของ “บราซิล” อย่างไรก็ตามในอีก 4 ปีต่อมา ทั่วโลกก็ได้จดจำกับ “ตำนานหัตถ์พระเจ้า” ซึ่งเป็นแมตซ์ระหว่างอาร์เจนตินาพบกับอังกฤษในรอบก่อนรองชนะเลิศ และในนาทีที่ 51 มาราโดน่า สร้างเรื่องสุดมหัศจรรย์ด้วยการกระโดดขึ้นโหม่งบอลหนีมือ ปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารทัพ "สิงโตคำราม" ที่มีส่วนสูงเหนือกว่าถึง 7 นิ้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อมองจากภาพรีเพลย์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาใช้มือชกบอลก่อนที่ ชิลตัน จะลอยตัวมาถึงทำให้บอลเข้าประตูในที่สุด โดย อาลี บิน นาสเซอร์ ท่านเปาจากตูนิเซีย ยังยืนยันให้เป็นประตู หลังจบเกม มาราโดน่า ตำนานเพลย์เมคเกอร์นาโปลีได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ส่วนหนึ่งมาจากหัวของมาราโดน่า อีกส่วนหนึ่งมาจากหัตถ์ของพระเจ้า"
 
6.เจ้าของตำนาน “สุดยอดประตูแห่งศตวรรษ”
 
ในเกมเดียวกันกับที่เกิด “หัตถ์พระเจ้า” มาราโดน่า ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการเป็นยอดนักฟุตบอลระดับโลก ด้วยการเลี้ยงบอลครึ่งสนามหลบผู้เล่นอังกฤษ 6 คน รวมทั้ง ชิลตัน ด้วย ก่อนที่จะส่งบอลซุกก้นตาข่าย ซึ่งประตูนี้ สหพันธ์ฟุตบอลนานานชาติ (ฟีฟ่า) ยกให้เป็น "ประตูแห่งศตวรรษ" แน่นอนว่าประตูลากโซโล่เดี่ยวของ มาราโดน่า เป็นที่กล่าวขวัญกันจนทุกวันนี้

แต่จริงๆ แล้วเขายังโชว์ลีลาเลี้ยงหลบคู่แข่งอีกเกมในแมตช์ที่ชนะ เบลเยียม แม้จะไม่สวยเท่ากัน แต่ก็เป็นลีลาเลี้ยงหลบแนวรับ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" 4 คนก่อนเข้าไปยิงให้ทีมชนะ ในรอบรองชนะเลิศ สุดท้าย มาราโดน่า นำ อาร์เจนตินา ปราบ เยอรมันตะวันตก (เยอรมนี) 3-2 คว้าแชมป์โลกมาครอบครองได้อย่างยิ่งใหญ่
 
7.เป็นนักฟุตบอลที่เก่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จในฐานะ “ผู้จัดการทีม”

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักบอลอัจฉริยะที่เก่งสุดยอดแต่สวนทางกับตอนที่รับตำแหน่งผู้จัดการทีม เพราะมาราโดน่าไม่ประสบความสำเร็จใดๆ ในตำแหน่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกุมบังเหียนสโมสรในอาร์เจนตินา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ เม็กซิโก รวมทั้งการคุมทัพ "ฟ้าขาว" ตั้งแต่ปี 2008-2010 แม้ อาร์เจนตินา จะแพ้ โบลิเวีย เละเทะ 1-3 ในรอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ และมาราโดน่าก็โดนแบนเป็นเวลา 2 เดือนในช่วงปลายปี 2009 จากการพูดจาหยาบคายใส่นักข่าว แต่สุดท้ายมาราโดน่าก็นำ อาร์เจนตินา ไปลุยฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ได้สำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์กลุ่ม ก่อนจะตกรอบด้วยฝีเท้าของ เยอรมนี ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
 
8.ได้รับรางวัลนักฟุตบอลแห่งศตวรรษ คะแนนเหนือ “เปเล่”

ในปี 2000 ฟีฟ่า ได้มีการทำโหวตนักฟุตบอลแห่งศตวรรษผ่านสื่อออนไลน์ และ มาราโดน่า ได้รับคะแนนโหวตมากถึง 54 เปอร์เซนต์ ขณะที่ เปเล่ ได้ที่สองคะแนนโหวตเพียงแค่ 18 เปอร์เซนต์เท่านั้น แต่สุดท้าย องค์กรลูกหนังโลกประกาศให้ทั้งสองคนครองตำแหน่งร่วมกัน 
 
9.มีน้องชายอีก 2 คนที่เป็นนักฟุตบอลเหมือนกัน
 
ไม่ใช่แค่มาราโดน่าเท่านั้นที่เป็นนักฟุตบอล น้องชายของมาราโดน่าอีก 2 คนก็เดินตามรอยพี่ชาย แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก คนแรกคือราอูล หรือที่รู้จักในชื่อ "ลาโล่" ที่มีโอกาสได้เล่นให้กับ โบคา จูเนียร์ ในช่วงเวลาสั้นๆ และ กรานาด้า สโมสรในสเปน ก่อนจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการค้าแข้งที่สหรัฐอเมริกา ส่วนอีกคนก็คือ ฮูโก้ หรือที่รู้จักในชื่อ "เอล เตอร์โก" เคยเล่นให้กับ ราโย บาเยกาโน่ ในสเปน และ ราบิด เวียนน่า ในลีกออสเตรีย ก่อนจะสร้างชื่อกับหลายสโมสรในประเทศญี่ปุ่น
 
10.วลีเด็ดของมาราโดน่า 


ภาพจาก https://citly.me/MPnSf

ในฐานะนักฟุตบอลมาราโดน่าคือสุดยอดนักเตะที่เก่งสุดยอด แต่นอกสนามชีวิตเขาแตกต่าง แต่กระนั่นก็เป็นอีกจุดเด่นที่ยืนยันความเป็นตัวตนของเขาได้ชัดเจน ครั้งหนึ่ง มาราโดน่าเคยกล่าวว่า “ตัวผมมีแค่ดำกับขาว ผมไม่เคยมีสีเทาในชีวิต” หลังจากแขวนสตั๊ดเรามักได้ยินข่าวปัญหานอกสนามของมาราโดน่าอยู่บ่อยๆ เช่นการเข้ารับการบำบัดอาการติดยาเสพติด , การดื่มสุรา , การสูบซิการ์ จนสุดท้ายมาราโดน่าต้องถูกนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาลเมื่อปี 2007

รวมถึงยังมีปัญหาในชีวิตครอบครัวจากการหย่าร้างกับ คลอเดีย วิลล่าฟ่าเน่ ภรรยาคนแรก ซึ่งมาราโดน่าก็มีทายาทที่เกิดจากภรรยาของเขาอีกหลายคนเช่นคริสติน่า ซินากร้า หรือวาเลเรีย ซาลารีน เป็นต้น ไม่นับรวมปัญหาไม่ลงรอยกันระหว่างมาราโดน่าที่เป็น “พ่อตา” กับ “เซร์คิโอ อเกวโร่” ที่เป็นลูกเขย ซึ่งครั้งหนึ่งมาราโดน่าเคยเรียก “อเกวโร่” ว่าเป็น “ไอ้โง่” ด้วย
 
ครั้งหนึ่งฮอร์เกน บัลดาโน่ อดีตเพื่อนร่วมทีมของมาราโดน่า เคยกล่าวถึงมาราโดน่าว่า "เขาเป็นคนที่หลายคนต้องการเอาอย่าง มาราโดน่า เป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง เป็นที่รัก และถูกเกลียดชังในเวลาเดียวกัน ความเครียดในชีวิตทำให้ มาราโดน่า ทำความผิดพลาดมากมายในสนาม แต่เขาเลือกที่จะเปลี่ยนมันเป็นเหมือนการแสดง และบางครั้งเขาไม่ควรเป็นแบบอย่าง" แต่ไม่ว่าชีวิตนอกสนามของมาราโดน่าจะเป็นอย่างไร แต่ผู้คนก็จะจดจำเขาในฐานะ “อัจฉริยะลูกหนัง” ที่เก่งที่สุดตลอดกาล และแน่นอนว่ามาราโดน่า คือ “ตำนานยิ่งใหญ่” ที่จะถูกพูดถึงชั่วลูกชั่วหลาน
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3o3KlyW

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
793
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
710
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
641
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
522
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
439
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
421
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด