บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.0K
3 นาที
15 มกราคม 2564
10 วิธีสร้างธุรกิจปี 2021! ไม่ตาย แต่โตกว่าเดิม


ปี 2564 จากที่คาดการณ์ว่าหลายอย่างจะดีขึ้น แต่เมื่อเจอวิกฤติ COVID 19 ระลอกใหม่ ทำให้ต้องกลับมาทบทวนทิศทางการเติบโตอีกครั้ง สำนักวิจัยด้านเศรษฐกิจหลายแห่งได้ออกมาคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2564 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีหน้า จะเติบโตเพียงร้อยละ 2.6% ต่อปี ขณะที่ EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ พยากรณ์ว่าปีหน้า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 3.8% แต่ที่แน่นอนว่าหลายธุรกิจในตอนนี้ต้องมุ่งเป้ามาที่ตลาดในประเทศเพราะสินค้าส่งออกยังคงไม่อาจสร้างรายได้มากนักในช่วงเวลาแบบนี้

ด้วยเหตุนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มั่นใจว่าปี 2564 ถ้าเราจับจุดและเทคนิคได้ การดำเนินธุรกิจของเราจะอยู่รอด ผิดกับบางธุรกิจที่ไม่มีการปรับตัว รับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วไม่ได้ แทนที่จะโตก็กลายเจ๊งไม่เป็นท่า ลองมาดูวิธีสร้างธุรกิจในปี 2021 นี้ว่ามีเทคนิคอะไรน่าสนใจบ้าง
 
1.ปรับตัวเร็ว ธุรกิจโตเร็วกว่า
 
ภาพจาก bit.ly/3icIVAK

Agile คือคำศัพท์ในแวดวงธุรกิจที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยในปีที่ผ่านมา หากแปลให้เห็นภาพมากขึ้น Agile ก็คือการปรับแผนธุรกิจให้ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น มากกว่าที่จะทำตามแผนใหญ่ที่ตั้งไว้ในตอนแรก ตัวอย่าง
 
แบรนด์ที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในช่วงโควิดก็เช่น แบรนด์ Nike ที่ทำแคมเปญ “Play Inside, Play for the World” เพื่อส่งเสริมให้คนปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างของรัฐบาล ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะไปโวยวายว่ามันเกิดจากอะไร ใครเป็นสาเหตุ เอาเวลานั้นมาปรับตัวเอง พัฒนาตัวเอง ว่าจะอยู่รอดในยุคนี้อย่างไรจะเป็นเรื่องที่เข้าท่ากว่า ยิ่งปรับตัวได้เร็ว โอกาสรอดก็สูง
 
2.อย่ามองแค่เรื่องของกำไร
 

ในสถานการณ์ปกติจะคิดถึงแต่เรื่องกำไรก็คงไม่แปลก การตั้งเป้าว่าในปีนี้จะสร้างยอดขายเท่านั้นเท่านี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ ณ ตอนนี้กำไรก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ควรโฟกัสมากเกินไป เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์ของเรา อยากใช้แบรนด์ของเรา เพราะยุคนี้คู่แข่งเยอะ และปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าก็เปลี่ยนไป

ดังนั้นแทนที่จะแสวงหากำไรเพียงอย่างเดียวควรหันมาให้ความสำคัญกับสังคมให้ลูกค้ารู้สึกดีกับเรามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Dove ที่รณรงค์ให้วัยรุ่นหญิงกว่า 35 ล้านคนทั่วโลกเกิดความรักและรู้สึกเคารพตัวเองมากขึ้นมาตั้งแต่ปี 2005 หรือแบรนด์ Unilever ที่ผลิตสินค้าโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เป็นต้น
 
3.การตลาด “รักษ์โลก” ต้องมา
 
ภาพจาก bit.ly/3qthqpz

ยุคที่เรื่องสุขภาพสำคัญที่สุด ไหนจะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไหนจะเรื่องการแพร่ระบาดของ COVID 19 สิ่งที่คนอยากรู้มากที่สุดในตอนนี้คือผลิตภัณฑ์แบบไหนที่ตอบโจทย์สุขภาพได้ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม การตลาดแบบ “รักษ์โลก” จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องใส่ใจ และอย่าคิดว่าไม่สำคัญเพราะการตลาดแนวนี้จะ “ซื้อใจ” ลูกค้าได้มาก แม้จะไม่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือสนใจสินค้าเราได้ทันที แต่อย่างน้อยก็ทำให้สินค้าเราตามกระแสนิยม ไม่สวนกระแส คนจะไม่จับจ้องและมองสินค้าเราเป็น “พวกเดียวกัน” ที่อาจช่วยเพิ่มยอดขายในอนาคตได้
 
4.แบรนด์ยิ่งมี Story ยิ่งขายดี
 

การทำสินค้าวางจำหน่ายในช่วงเวลาแบบนี้หลายคนอาจจะครุ่นคิดเรื่องการตั้งชื่อแบรนด์ การทำโลโก้ หรือการออกแบบเว็บไซต์ ซึ่งเรื่องเหล่านี้สำคัญก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจมักจะหลงลืม คือการสื่อสารเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ออกไป เพราะถ้าเราสามารถนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของเราได้ดี ลูกค้าก็จะจดจำแบรนด์ของเราได้มากกว่าแบรนด์อื่นๆ
 
สินค้ายิ่งมี Story ยิ่งเป็นที่สนใจของลูกค้า การทำให้สินค้ามี Story ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าได้อย่างน่าสนใจ คนซื้อก็จะรู้สึกว่าเราได้สินค้าที่มีคุณค่า ไม่ใช่สินค้าธรรมดาทั่วไป การตลาดที่จะสื่อสารในช่วงนี้จึงต้องไม่ลืมสร้าง Story ของสินค้านั้นๆด้วย
 
5.บริหารคนให้เป็น ลูกน้องไม่ใช่แค่พนักงานที่เราจ้างมา
 

ปัญหาที่เราเห็นในตอนนี้คือการจ้างคนออก แต่ความจริงสิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจก็คือบุคลากร ยิ่งเป็นคนที่ทำงานกันมานาน เป็นลูกน้องที่ไม่ต้องมาคอยบอกคอยสอนว่าต้องทำอะไร ลูกน้องที่อยู่กันมานานเหมือนเสาหลักค้ำจุนธุรกิจ ต่อให้มีคนใหม่ เข้ามาแม้จะดีกรีสูงกว่าดูท่าจะเก่งกว่าแต่ก็ต้องมาฝึกให้ทำงานเป็นและเข้าใจความเป็นไปขององค์กร

หัวหน้าที่ดีที่จะพาธุรกิจไปรอดในช่วงนี้จึงต้องรู้จักบริหารบุคลกรที่อยู่ด้วยกันมานานให้เขารู้สึกรัก เทิดทูนบริษัท และคิดว่านี่คือบริษัทที่ดีที่สุดที่เขาจะฝากชีวิตไว้ ไม่ใช่สร้างความรู้สึกให้ลูกน้องมาทำงานแค่เช้าไปเย็นกลับ ไม่รู้สึกผูกพัน ไม่มีความคิดด้านบวกกับบริษัท ซึ่งถือเป็นการบริหารที่ไม่เอาใจลูกน้อง เพราะธุรกิจที่จะเติบโตยิ่งใหญ่ลำพังแค่เจ้าของธุรกิจคนเดียวไม่สามารถทำให้ยิ่งใหญ่ได้
 
6.คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
 

เจ้าของธุรกิจมักจะอยากขยายฐานลูกค้าให้ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ข้อผิดพลาดที่มักจะเกิดขึ้นคือแทนที่จะมุ่งทำการตลาดไปที่กลุ่มเป้าหมายหลัก กลับเน้น “ปริมาณ” มากกว่า “คุณภาพ” ของลูกค้าจริงๆ ดังนั้น เราจึงควรถามตัวเองอยู่เสมอว่า ธุรกิจของเราเกิดมาเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มไหน แล้วเราอยากต่อยอดธุรกิจให้พัฒนาไปอย่างไรในอนาคต ถ้าตอบคำถามได้ตามนี้เราถึงจะสามารถขยายกลุ่มลูกค้าได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น
 
7.ตลาดออนไลน์ใช้ให้เป็น
 
 
ภาพจาก bit.ly/3nJ2aTv

ยุคนี้ถ้าไม่รู้จัก “ตลาดออนไลน์” ธุรกิจก็เตรียมตัวเจ๊งได้เลย  สมัยก่อนธุรกิจอาจมั่นใจในทีมการตลาด มั่นใจในการขาย มั่นใจในสินค้า และมองว่าช่องทางออนไลน์ไม่จำเป็น แต่สมัยนี้แตกต่างสิ้นเชิง ดูได้จากธุรกิจระดับโลกทุกแห่งต้องหันมาพึ่งพาแพลตฟอร์มออนไลน์ในการเข้าถึงลูกค้า และธุรกิจไหนที่ไปไม่เป็น ทำไม่ได้ ผสมผสานออนไลน์กับออฟไลน์เข้ากันไม่ได้ ก็มีแต่ล้มหายตายจาก พลังของตลาดออนไลน์ไม่ใช่แค่การตลาดที่เพิ่มยอดขาย แต่ปัจจุบันมันคือเครื่องมือการตลาดที่สะท้อนให้เห็นถึงความอยู่รอดของบริษัทได้เลยทีเดียว
 
8.ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากกว่าความคิดเดิมๆ
 

ผู้บริหารที่มั่นใจว่าความคิดของเราดีที่สุด ไม่คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือเอาแต่ลอกตามความคิดคนอื่น ไม่มีจุดยืนของตัวเอง ในปี 2564 นี้เชื่อว่าจะดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดได้ยาก ลูกค้ายุคใหม่ต้องการเห็นสินค้าที่มีความแตกต่าง ที่สามารถช่วยเหลือ ตอบโจทย์ความต้องการได้จริง ไม่ใช่แค่สินค้าธรรมดาที่มองไปทางไหนก็เจอ หรือเป็นสินค้าและบริการที่เอาแต่เงินลูกค้าแต่ไม่ช่วยสร้างสรรค์สิ่งใดๆ คืนกลับไป  การทำธุรกิจยุคนี้ที่จะเติบโตจึงควรมีความคิดสร้างสรรค์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและมองเห็นว่าธุรกิจของเรามีประโยชน์กับเขาจริงๆ 
 
9.เน้นเอาใจลูกค้ากลุ่มใหญ่ผู้มีรายได้น้อย
 

สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันคนตกงานมากขึ้น คนมีรายได้ลดลง กลุ่มคนส่วนใหญ่ในประเทศจึงมีรายได้น้อย ไม่ใช่พวกกลุ่มนักการเมือง หรือเศรษฐีต่างๆ ที่เราถือว่าเป็นคนส่วนน้อยคนพวกนี้ไม่สะทกสะท้านกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่เพราะมีเงินทุนมากพอที่จะใช้ไปได้ตลอดชีวิต ต่างกับคนธรรมดาที่เป็นชาวบ้านทั่วไปที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ รายได้แทบไม่พอกับรายจ่ายดังนั้น การที่จะโฟกัสการลงทุนใดๆ ควรเน้นเอาใจคนกลุ่มนี้ที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศ
 
10.รู้จักการปรับลดต้นทุนให้เหมาะสมกับธุรกิจ
 

การเงินของภาคธุรกิจ SMEs จะยังคงไม่แข็งแรงเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาด จากการลดลงของยอดขายและการเผชิญกับปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ปัจจัยหลักในการบริหารจัดการธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs หลัก ๆ คือ การลดต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของธุรกิจ รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตหรือการให้บริการ จะเป็นโจทย์สำคัญในการรักษาสุขภาพทางการเงินของธุรกิจ
 
การบริหารงานในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์คือสิ่งที่ธุรกิจต้องการ ในวิกฤติย่อมมีโอกาสแต่ใช่ว่าทุกคนจะมองเห็นโอกาสนั้น และการบริหารธุรกิจที่ดีต้องรู้จักบริหารคน บริหารเวลา บริหารการเงิน ทุกสิ่งต้องสัมพันธ์กัน ไม่ใช่แค่เก่งทางใดทางหนึ่งหรือมั่นใจในความคิดเดิมๆ ยุคนี้ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ หากไม่ขยับตามก็เตรียมตัวเจ๊งไม่เป็นท่าได้เลย
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 



ท่านใดสนใจอยากให้ร่างสัญญาแฟรนไชส์โดยถูกต้องตามหลักกฎหมายแจ้งความประสงค์ได้ที่
โทร : 02-1019187, Line : @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
651
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
601
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
542
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
499
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
493
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
459
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด