บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.1K
3 นาที
8 กุมภาพันธ์ 2564
รวม 10 เทคนิคกลโกงลูกค้า! พ่อค้าแม่ค้าต้องระวัง
 

ก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึงกลโกงของลูกน้องในร้านอาหารที่เจ้าของกิจการต้องระวัง มาในคราวนี้ก็ยังเป็นเรื่องกลโกงแต่เป็นในมุมของพ่อค้าแม่ค้าที่อาจจะโดน “ลูกค้าเจ้าเล่ห์” โกงเงินได้ ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่ารูปแบบการโกงของลูกค้าส่วนใหญ่คือ “เบี้ยวเงินไม่ยอมจ่าย” หรือการโกหกพ่อค้าแม่ค้าสารพัดวิธีเพื่อให้ตัวเองได้รับประโยชน์
 
แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าทุกคนจะเจ้าเล่ห์และจ้องจะโกงพ่อค้าแม่ค้า มีลูกค้าจำนวนมากที่เป็นคนดีแต่ก็มีคนไม่ดีปะปนอยู่ บทความนี้จึงนำเสนอเพื่อให้รู้ถึงเทคนิคการโกง ที่พ่อค้าแม่ค้าควรระวังไว้ให้ดี
 
1. การปลอมสลิปออนไลน์


ภาพจาก Freepik
 
กรณีนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับร้านค้าออนไลน์ คือลูกค้าที่สั่งของจากเราไปแล้วนั้น ส่งสลิปแจ้งโอนเงินมาให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำปลอมขึ้นด้วยโปรแกรมโฟโต้ชอบ ในกรณีที่เขาไม่ได้โอนเงินมาให้จริงก็อาจจะตรวจสอบได้ง่าย เพราะไม่มี sms แจ้งจากธนาคารเข้ามา แต่ส่วนใหญ่ที่ถูกหลอกจะเกิดจากการที่ลูกค้าบางคนโอนเงินมาให้กับเราจริง แต่…ไม่เต็มจำนวน ถ้าเกิดเราไม่มีสติและตรวจเช็คยอดเงินให้ดี ก็อาจจะหลงกลโกงนี้ได้
 
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย แนะนำให้สมัครบริการ sms แจ้งเตือนทุกยอดการเคลื่อนไหวทางการเงิน ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่มีบริการเสริมนี้ และเพื่อเป็นกันป้องกันและตรวจสอบเบื้องต้นก่อนการส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ
 
2. SMS ปลอม แจ้งเตือนแต่เงินไม่เข้าบัญชี
 
การใช้บริการ sms บางครั้ง ข้อความ sms ที่แจ้งเตือนมายังเครื่องโทรศัพท์ก็อาจจะเป็นของปลอม ซึ่งข้อความจะเขียนเหมือนกับระบบแจ้งเงินเข้าของธนาคาร แต่เบอร์ที่ส่งมาเป็นเบอร์แปลกๆ เราก็ต้องเช็คให้ดี บางครั้งอาจจะเป็นเบอร์ของธนาคารจริงที่ถูกส่งมา แต่ความจริงแล้วลูกค้าไม่ได้โอนเงินเข้าบัญชีของร้านค้า แต่เขาโอนเข้าบัญชีอื่น และให้ธนาคารส่ง SMS มาแจ้งที่เบอร์เรา ซึ่งกรณีนี้ต้องเช็คที่เลขที่บัญชีในแน่ใจว่าใช่ของเราไหม หรือเช็คว่ามีเงินเข้ามาบัญชีเราแล้วจริงๆ 
 
3. หลอกให้คนอื่นซื้อของแทน


ภาพจาก Freepik
 
วิธีนี้ลูกค้าจะเอารูปสินค้าของเรา หรือบางครั้งก็ของอะไรก็ได้ ไปลงขายตามอินสตาแกรมหรือกลุ่มซื้อขายออนไลน์ เมื่อมีคนสนใจสินค้า ลูกค้าของเราก็จะทำทีเป็นขายสินค้าปลอมๆ และให้เหยื่อที่หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าของเรา ซึ่งเมื่อเหยื่อโอนเงินเสร็จแล้วและแจ้งไปที่ลูกค้าของเราที่ปลอมเป็นพ่อค้าแม่ค้า ลูกค้าก็จะมาแจ้งว่าได้โอนเงินไปแล้วให้เราส่งของไปที่อยู่เขา เมื่อเราเช็คว่าเงินได้เข้าบัญชีแล้วจึงทำการส่งของไป สุดท้ายเหยื่อที่ไม่ได้รับของสักที และรู้ว่าตัวเองโดนโกง เหยื่อก็จะตรวจสอบเลขที่บัญชีที่โอนไป และต่อว่าเราเพราะคิดว่าเรานั่นแหละที่เป็นคนโกงเงินของเขา
 
เพื่อเป็นการป้องกันเราจึงควรบันทึกหลักฐานทุกอย่างทั้งการสนทนา การแจ้งโอนเงิน และการจัดส่งสินค้า เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เราจะสามารถตามตัวลูกค้าที่โกงได้ และลบล้างข้อกล่าวหาผิดๆ ให้หมดไป
 
4. แจ้งว่าไม่ได้รับของ
 
อีกหนึ่งกลโกงที่พ่อค้าแม่ค้ามักโดนบ่อยๆ ก็คือการที่ส่งของไปแล้วแต่ลูกค้ากลับบอกว่า “ยังไม่ได้รับของเลย ช่วยส่งมาให้ใหม่ได้ไหม” หรือ “ตอนนี้ยังไม่ได้รับของเลย ผมขอเงินคืน” และหากพ่อค้าแม่ค้าไม่ตรวจเช็คให้ดี หรือใจดีเพราะต้องการจะชนะใจของลูกค้า ก็จะรีบดำเนินการส่งของหรือคืนเงินไป โดยไม่รู้ว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว
 
5. ร้านค้าร่วมกับลูกค้า โกงสิทธิ “คนละครึ่ง
 
อันนี้เรียกว่าโกงกันเป็นขบวนการมีตัวละครหลายราย ซึ่งโครงการคนละครึ่งรัฐบาลจ่ายให้ครึ่ง เราออกอีกครึ่ง วิธีการโกงรูปแบบนี้ต้องรู้เห็นเป็นใจกันระหว่างร้านค้าและลูกค้า โดยเริ่มจากการประกาศลงในเพจ เฟสบุ๊คว่าสามารถแลกเงินแอปฯ เป๋าตัง ที่ได้จากรัฐวันละ 150 บาท ให้กลายเป็นเงินสดได้ โดยคนที่มาแลกนั้นจะได้เงินสด 90 บาท โอนเข้าบัญชีแทน ซึ่งพอมีคนหลงเชื่อส่งรหัสอินบ็อกเข้าแอปเป๋าตัง คนกลุ่มนี้ก็จะนำไปใช้กับร้านค้าที่ได้ตกลงกันไว้ โดยจะใช้สิทธิเต็มวงเงิน 300 บาท จากนั้นนำส่วนต่างที่รัฐบาลออกให้ 150 บาท มาแบ่งกันตามความพอใจ  จากข้อมูลในหน้าข่าวถือเป็นการการกระทำที่ผิดกฏหมายและมีการดำเนินคดีในส่วนนี้แล้ว
 
6. ลูกค้าอ้างเป็นตัวแทนจากบริษัทเสนอขายสินค้าราคาถูก


ภาพจาก Freepik
 
อันนี้จะเป็นการโกงของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับร้านชำหรือร้านค้าแบบขายส่งเป็นหลัก โดยลูกค้าจะอ้างเป็นตัวแทนจำหน่ายจากบริษัทเสนอขายสินค้าราคาถูก โดยลูกค้าต้องเปิดบิลตามราคาที่กำหนด ซึ่งสินค้าแต่ละประเภทมีราคาไม่เท่ากัน เช่น หากครั้งแรกเปิดบิล 10,000 บาท ครั้งที่สองจึงจะมีสิทธิ์ซื้อในราคาต่ำกว่าท้องตลาดและสามารถรับสินค้าไปขายก่อน ทุก 10 วัน จึงจะเข้ามาเก็บเงินตัวอย่างของผู้เสียหายได้ตัดสินใจสั่งซื้อสินค้ากับคนร้าย รวมมูลค่ากว่า 26,000 บาท ต่อมาเมื่อตรวจดูสินค้าพบสินค้าบางรายการซ้ำกัน และบางรายการราคาแพงกว่าที่เสนอขาย ซึ่งเมื่อรวมราคาสินค้าที่ได้รับแล้วคิดเป็นเงินได้ 6,000 บาท โดยเมื่อหักลบแล้วพบว่าถูกโกงสินค้าไปเกือบ 20,000 บาท
 
7. ซื้อของ (เงินเชื่อ) แล้วหายหน้า
 
ลูกค้าลักษณะนี้แรก ๆ จะมาซื้อของด้วยเงินสดก่อน โดยพยายามสร้างเครดิต และพยายามพูดคุยโปรโมทตัวเองว่า มีนิสัยไม่ชอบโกงใคร มีความรับผิดชอบสูง หากเชื่อของไปแล้ว จะต้องรีบนำมาจ่ายทันที  ในครั้งแรกๆที่ร้านค้ายอมปล่อยให้ซื้อของแบบเงินเชื่อ เขาจะรีบเอาเงินมาใช้ในเวลาไม่นาน สร้างภาพให้ร้านค้าจดจำว่า “เครดิตดีจริง”  ทีนี้หลายๆครั้งพอร้านค้าเริ่มสนิท และเชื่อใจมากขึ้น สินค้าก็ขายให้ลูกค้าแบบนี้มากขึ้น มูลค่าสูงขึ้น จนถึงจุดๆหนึ่งที่คราวนี้แหละ หาตัวลูกค้าแบบนี้ไม่เจอ ยิ่งบางคนอยู่ไม่เป็นที่ เช่นอยู่หอพัก อพาร์ทเม้น สามารถเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ก็จะไปโกงแบบนี้กับพ่อค้าแม่ค้าได้ ดังนั้น จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พ่อค้าแม่ค้าต้องท่องจำเอาไว้
 
8. กลโกงแบงค์ 100 แบบใหม่


ภาพจาก bit.ly/3tBX5k9
 
น่าจะเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาของคนที่มีหน้าที่ออกแบบธนบัตร อย่างล่าสุดที่มีการออกแบบธนบัตรใบละ 100 บาท แต่ดูผิวเผินคิดว่าเป็นแบงค์ 1,000  แม้จะมีการออกมาอธิบายว่าเป็นหลักสากลของการออกแบบเพื่อป้องกันการปลอม แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้พ่อค้าแม่ค้าจะได้รับผลกระทบ เพราะบางช่วงบางเวลาที่พ่อค้าแม่ค้าขายดีย่อมไม่มีเวลามาสังเกตว่าเป็นแบงค์ 100 หรือแบงค์ 1,000 จากหน้าข่าวที่ได้ยินมีพ่อค้าแม่ค้าหลายคนขาดทุนจากกรณีนี้ ซึ่งมองว่าลูกค้าบางคนก็ตั้งใจ เผื่อฟลุค เช่นซื้อของในจังหวะชุลมุน จ่ายแบงค์100 ที่ออกใหม่ แม่ค้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแบงค์ 1,000 ก็ทอนเงินให้ลูกค้า กลายเป็นขาดทุนไปหลายร้อยบาท เป็นอีกเรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าต้องระวังให้ดี
 
9. เชื่อคนนั้น จ่ายคนนี้
 
ร้านค้าบางแห่งมีคนขายหลายคน กลโกงของลูกค้าเจ้าเล่ห์ที่อยากจะเอาเปรียบ มักจะเลือกซื้อของแต่ไม่ยอมจ่ายเงินทันที หรือบางทีก็ใช้ความสนิทหลอกคนขายว่าพอดีเจอคนขายอีกคนก็เลยจ่ายเงินค่าของที่ติดอยู่ให้แล้ว กรณีนี้ถ้าเจ้าของร้านที่ขายของไม่ได้คุยกันให้ดีจะไม่รู้เลยว่าลูกค้าคนนี้แท้จริงได้จ่ายเงินให้ใคร หรือยังไม่ได้จ่าย อาจจะเป็นวิธีการโกงที่ดูไม่ร้ายกาจเท่าไหร่แต่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าถ้าเจอลูกค้าแบบนี้มากๆ เข้า รายได้ที่ควรจะได้ก็ทุนหาย กำไรหด ทางที่ดีก็ควรระวังและถ้าเป็นไปได้ซื้อของอะไร ซื้อกับใครก็ให้จ่ายเงินสดตรงนั้นไม่ต้องรอให้เขาไปจ่ายกับคนอื่น เราจะได้ไม่เจ็บใจทีหลัง
 
10. กลโกง “เก็บเงินปลายทาง”


ภาพจาก Freepik
 
อันนี้เรียกว่าเป็นลูกค้าที่มาแบบมิจฉาชีพ และผิดกฎหมายด้วย วิธีการคือคนร้ายจะซื้อสินค้าต้นทุนต่ำๆ ประเภทเคสโทรศัพท์ , สร้อยคอแฟชั่น เป็นต้น  (ราคาต่อชิ้นประมาณ 20-30 บาท) เอามาแพคใส่กล่องและส่งไปตามที่อยู่ต่างๆ จากนั้นพอของไปถึง คนส่วนมากก็จะจ่ายไปเพราะไม่มั่นใจว่าสั่งอะไรไปรึเปล่า และราคาแต่ละกล่องจะไม่สูงมากเป็นมาตรฐานประมาณ 200 บาท จึงไม่คิดมากอะไร บางทีพ่อแม่ก็รับแทน จ่ายแทน จะมีก็แค่ครึ่งนึงที่รู้ทันและไม่รับของและให้ตีคืนไป
 
ประเด็นคือ จิตวิทยาที่คนร้ายใช้น่ากลัวมาก เพราะคนที่ได้รับของไปถึงแม้ว่าจะไม่ได้สั่ง แต่แกะออกแล้วเจอ เคส โทรศัพท์ ,  เครื่องประดับ , ก็จะรู้สึกแค่ “อะไรวะ สั่งตอนไหน?” แต่ก็ไม่ถึงกับจะไปฟ้องร้องแจ้งความเอาเรื่องให้เสียเวลา เพราะจำนวนเงินก็ไม่เยอะมากมาย ทีนี้มาดูรายได้ของคนร้าย เริ่มจาก ค่าส่ง 40 ค่ากล่อง 3 บาท ค่าของในกล่อง 20 บาท รวมต้นทุน 63 บาท เก็บปลายทาง 200 บาท ถ้ามีคนจ่ายกำไรทันที 137 บาทต่อกล่อง ส่งวันนึง 1,000 กล่องสำเร็จ 400 กล่อง รายได้คนร้าย400 x 137= 54,800บาท!! ต่อวัน!! นั่นเท่ากับเดือนนึงกำไร 1,644,000 บาท แต่เรื่องนี้ไม่แนะนำให้ทำตามนะ เพราะผิดกฎหมายและหากถูกจับทั้งติดคุกถูกปรับไม่คุ้มค่าแน่
 
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคการสื่อสารไร้พรหมแดน กลโกงหลายอย่างก็พัฒนามากขึ้น ในฐานะของพ่อค้าแม่ค้าก็ควรระวังลูกค้าบางรายที่จ้องจะโกง ในขณะเดียวกัน ลูกค้าเองก็ต้องระวังพ่อค้าแม่ค้าบางรายที่จ้องจะเอาเปรียบเราเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ต่างคนต่างระวังกันให้ดี แม้คนส่วนใหญ่จะไม่ใช่มิจฉาชีพ แต่ถ้าได้เจอมิจฉาชีพสักทีไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายโดนก็จะจำฝังใจไปอีกนานแสนนาน
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/index.php
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
ขอบคุณข้อมูล
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
424
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด