บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.0K
2 นาที
10 พฤษภาคม 2564
5 เทคนิค การตั้งราคา ให้ดึงดูดใจลูกค้า
 

การตั้งราคา ขั้นพื้นฐานแบบที่พ่อค้าแม่ค้ารู้ และใช้กันเป็นประจำอยู่แล้วก็คือ การตั้งราคาโดยยึดต้นทุนเป็นหลัก วิธีการคำนวณง่าย ๆ ก็คือ ต้นทุนทั้งหมด + กำไรที่ต้องการ = ราคาขาย ส่วนใหญ่หลายร้านก็ใช้วิธีนี้ทั้งนั้น
 
การตั้งราคา นอกจากจะยึดต้นทุนเป็นหลักแล้ว พ่อค้าแม่ค้ายังต้องคำนึงถึงราคาของคู่แข่งในตลาดอีกด้วย ก่อนตั้งราคาให้ลองสำรวจราคาขายของสินค้านั้น ๆ สะก่อน แต่การตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่งมาก ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ดังนั้นแนะนำให้ตั้งราคาในระดับที่คุณจะไม่ขาดทุนนะคะ
 
เท่านั้นยังไม่พอเทคนิคการตั้งราคายังต้องอาศัยหลักจิตวิทยาควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าของเราในทันที การใช้จิตวิทยาในการตั้งราคานี้เป็นการสร้างรายได้โดยที่ทำให้ร้านของคุณไม่ขาดทุนอีกด้วย ไปดูกันเลยว่าเทคนิค การตั้งราคา ให้ดึงดูดใจลูกค้าที่ทาง www.ThaiFranchiseCenter.com นำมาฝากมีอะไรบ้าง
 
1. การตั้งราคา ที่ง่ายต่อการคำนวน


 
การตั้งราคา ที่ง่ายต่อการคำนวณเป็นผลดีต่อทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้า ข้อแรกคือทำให้พ่อค้าแม่ค้าคิดราคาได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ข้อสองคือทำให้ลูกค้าไม่ลังเลที่จะจ่าย และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เทคนิคการตั้งราคาในข้อแรกนี้นิยมใช้ในสินค้าชิ้นเล็ก ๆ ที่ต้องการขายสินค้ามากกว่าหนึ่งชิ้นขึ้นไป
 
ตัวอย่างเช่น สินค้าราคา 25 บาท พ่อค้าแม่ค้าจะแนะนำให้ลูกค้าซื้อสินค้าจำนวนสองชิ้นในราคา 50 บาท เพื่อเป็นการง่ายต่อการจ่าย และการทอน เป็นต้น
 
2. ตั้งราคา ลงท้ายด้วยเลข 9


เห็นกันบ่อยมากกับราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 ไม่ว่าจะเป็นเสื้อราคา 199 บาท หนังสือเล่มละ 99 บาท ไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่นิยมใช้หลักการตั้งราคาโดยใช้เลข 9 ราคาสากลที่เราเห็นกันก็นิยมใช้เลข 9 ตั้งเป็นราคาเช่นกัน
 
เช่น รองเท้าราคา 4.99$ เสื้อตัวละ 2.99$ หรือแม้แต่สติ๊กเกอร์ LINE ที่ราคาเริ่มต้น 0.99$
 
การตั้งราคาที่ลงท้ายตัวเลข 9 เป็นหลักจิตวิทยาที่ดึงดูดใจลูกค้าอย่างหนึ่ง เพราะการตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 นั้นจะทำให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่าย เนื่องจากลูกค้าจะเกิดความรู้สึกว่าได้ซื้อสินค้าราคาถูก
 
ตัวอย่างเช่น สินค้าราคา 99 บาท กับ 100 บาท ซึ่งราคาต่างกันเพียง 1 บาท แต่ความรู้สึกของลูกค้ารู้สึกว่าราคา 99 บาทนั้นถูกกว่า 100 บาท มาก ๆ
 
3. ตั้งราคา แบบรวมเป็นชุด


 
การตั้งราคา แบบรวมเป็นชุด คือเทคนิคการตั้งราคาที่ดึงดูดใจลูกค้าที่น่าสนใจ วิธีนี้จะทำให้พ่อค้าแม่ค้าขายของได้ปริมาณมากกว่าหนึ่งชิ้นแน่นอน เพราะการตั้งราคาแบบรวมเป็นชุดจะกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความต้องการ รู้สึกว่าซื้อแล้วคุ้มค่ามากขึ้น
 
ตัวอย่างเช่น ลูกค้าตัดสินใจที่จะซื้อกางเกงในราคา 350 บาท แล้วเกิดความลังเลที่อยากจะได้เสื้อในราคา 200 บาท ด้วย คนขายจึงเสนอว่าถ้าซื้อสองอย่างพร้อมกันจะคิดราคาเพียง 500 บาท วิธีนี้จะกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
 
อีกหนึ่งตัวอย่างการตั้งราคาแบบรวมเป็นชุดที่ได้เห็นเป็นประจำก็คือ การตั้งราคาอาหารแบบชุดตามร้านฟาสต์ฟู้ด เมื่อคุณซื้อราคาแบบชุดจะถูกกว่ามาก
 
เช่น แฮมเบอร์เกอร์ราคา 89 บาท ถ้าเพิ่มเงินอีก 10 บาท คุณจะได้น้ำอีกหนึ่งแก้ว ซึ่งราคาน้ำหนึ่งแก้วที่ขายเดี่ยว ๆ นั้น ราคาแก้วละ 30 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะซื้อทั้งอาหารและน้ำพร้อมกัน
 
4. ตั้งราคา แบบให้ส่วนลด
 
ใคร ๆ ก็ชอบสินค้าลดราคาใช่ไหมล่ะ ซึ่งนั้นทำให้ การตั้งราค าแบบให้ส่วนลดเป็นเทคนิคสุดคลาสสิกของการค้าขายเลยก็ว่าได้ การลดราคาเป็นการกระตุ้นยอดขายได้ดีสุด ๆ เพราะนอกจากจะทำให้ลูกค้าเกิดแรงจูงใจที่จะซื้อแล้ว ยังทำให้ลูกค้าเกิดความต้องการที่จะซื้อสินค้านั้นมากขึ้นอีกด้วย การตั้งราคาแบบให้ส่วนลดแบ่งออกเป็น 2 แบบ ตามนี้เลย
 
ข้อแรกให้ส่วนลดแบบคนต่อคน พ่อค้าแม่ค้าต้องตั้งราคาเผื่อไว้ว่า ถ้าลูกค้าขอให้ลดราคาสินค้านั้น ๆ จะสามารถลดราคาได้เท่าไหร่ เช่น ตั้งราคาสินค้าไว้ 199 บาท พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องคำนวณไว้แล้วว่าลดราคาเท่าไหร่ถึงจะไม่ขาดทุน อาจจะลดเหลือ180 หรือ 190 เป็นต้น
 
ข้อสองให้ส่วนลดเป็นช่วงๆ คือการนำสินค้าจำนวนหนึ่งมาลดให้เป็นราคาเดียวกันตามช่วงเวลาต่าง ๆ เช่น ช่วงต้นเดือน ช่วงเทศกาล หรือช่วงที่ไปออกร้านนอกสถานที่เป็นต้น แนะนำให้ร้านค้าจัดโซนสินค้าลดราคาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อไว้ได้หน้าเพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของลูกค้า วิธีแม้จะได้กำไรไม่มากนัก
 
แต่ก็เป็นวิธีที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าในจำนวนที่มากขึ้น แถมยังเป็นการช่วยระบายสินค้าที่ค้างสต็อกได้อีกด้วย
 
5. ตั้งราคา ให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า


 
เมื่อเราตั้งราคาสินค้าที่คิดว่าเหมาะสมไม่น้อยจนอาจเกิดการขาดทุน และไม่มากเกินกำลังซื้อของลูกค้าแล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของเราก็คือ เทคนิคทางจิตวิทยาของพ่อค้าแม่ค้าที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าของเราคุ้มค่ากับราคาที่ตั้งไว้จริง ๆ
 
เทคนิคข้อสุดท้ายนี้เป็นการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่เสียดายเงินที่จะจ่ายเพื่อสินค้านั้น ๆ เช่นการพูดถึงถึงความยากในการผลิตของสินค้า บอกถึงแหล่งที่มา การหาวัตถุดิบ เป็นต้น
 
เทคนิคการตั้งราคาให้ดึงดูดใจลูกค้าไม่เพียงแต่อาศัยหลักการคำนวณพื้นฐานอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยหลักจิตวิทยาการขายของพ่อค้าแม่ค้าในการจูงใจลูกค้าให้ตัดสินใจซื้ออีกด้วยนะคะ

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
422
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด