บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางการเงิน
1.8K
3 นาที
11 สิงหาคม 2564
เริ่มแล้ว 11 ส.ค.64 คุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาท ครอบคลุมสถาบันการเงินทั้ง 35 แห่ง
 

หลังจากที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ประกาศว่าตั้งแต่ 11 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ผู้ฝากเงินในสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก จะได้รับความคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ก็ทำให้เกิดความสงสัย หลายคนก็ยังไม่เข้าใจว่าการคุ้มครองเงินฝากคืออะไร และถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง

ด้วยเหตุนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จึงได้รวบรวมข้อมูลน่าสนใจมานำเสนอให้ทุกคนได้เข้าใจตรงกันถึงมาตรการที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้
 
สถิติตัวเลขบัญชีเงินฝากในประเทศไทย 
 

ภาพจาก www.freepik.com

ข้อมูลเงินฝากจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ เดือนพฤษภาคม 2564 ระบุว่า ผู้ฝากในระบบสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองของสถาบันมีจำนวนทั้งหมด 83.72 ล้านราย เพิ่มขึ้น 1,337,334 ราย หรือเพิ่มขึ้น 1.62% โดยจำนวนผู้ฝากที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผู้ฝากรายย่อยซึ่งมีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท คิดเป็น 97% ของจำนวนผู้ฝากที่เพิ่มขึ้น
 
เงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองมีจำนวนทั้งสิ้น 15.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 347,940 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.33%
 
โดยมีจำนวนบัญชีเงินฝากที่ไม่เกิน 50,000 บาท และมีปริมาณบัญชีทั้งหมด 95,311,844 ล้านบัญชีจากจำนวนบัญชีเงินฝากทั้งหมด 109,405,151 ล้านบัญชี คิดเป็นเงินฝากรวม 435,222 ล้านบาท 
  • บัญชีเงินฝากระหว่าง 50,000 – 100,000 บาท จำนวน 4.24 ล้านบัญชี เงินฝากรวมประมาณ 0.29 ล้านล้านบาท
  • บัญชีเงินฝาก 100,000 – 200,000 บาท จำนวน 3.41 ล้านบัญชี เงินฝากรวมประมาณ 0.47 ล้านล้านบาท
  • บัญชีเงินฝาก 200,000 -500,000 บาท จำนวน 3.12 ล้านบัญชี เงินฝากรวมประมาณ 0.98 ล้านล้านบาท
  • บัญชีเงินฝาก 500,000 – 1,000,000 บาท จำนวน 1.47 ล้านบัญชี เงินฝากรวมประมาณ 1.04 ล้านล้านบาท
  • บัญชีเงินฝาก 1 – 10 ล้านบาท จำนวน 1.64 ล้านบัญชี เงินฝากรวมประมาณ 4.09 ล้านล้านบาท
ซึ่งหากนับเฉพาะบัญชีที่วงเงินเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไปมีประมาณ 1,789,600 บัญชี คิดเป็น 1.5% ของยอดบัญชีเงินฝากที่อาจได้รับผลกระทบ
 
ทั้งนี้วงเงินคุ้มครองที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากกำหนดไว้ 1 ล้านบาท จะทำให้มีผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน 98.03 % ของผู้ฝากทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
 
จุดเริ่มต้นของการคุ้มครองเงินฝากในประเทศไทย
 

ภาพจาก www.freepik.com

ถ้ายังจำกันได้ประเทศไทยเคยเจอกับวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับธนาคาร จึงได้มีประกาศ “ค้ำประกัน” ให้กับเจ้าหนี้และผู้ฝากเงิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการคุ้มครองเงินฝากในประเทศไทย ซึ่งในปี 2546 เมื่อเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวและเติบโต ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเสนอให้มีการจัดตั้ง “สถาบันคุ้มครองเงินฝาก” เพื่อผลประโยชน์ของผู้ฝากเงินโดยตรง และหลังจากการร่างกฎหมายและกว่าจะผ่านขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี จึงได้เริ่มมีสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (Deposit Protection Agency) หรือ DPA โดยเริ่มบังคับใช้การคุ้มครองเงินฝากครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551
 
หน้าที่ของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (Deposit Protection Agency) หรือ DPA
 

ภาพจาก facebook.com/dpathailand/

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝากทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่ฝากเงินเป็นสกุลเงินบาทกับสถาบันการเงินของไทยภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์ไทย 18 แห่ง สาขาธนาคารต่างประเทศ 12 แห่ง บริษัทเงินทุน 2 แห่ง และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ 3 แห่ง รวมทั้งสิ้น 35 แห่ง ซึ่งจะคุ้มครองทันทีในลักษณะ 1 รายชื่อผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน
 
โดยคุ้มครองบัญชีเงินฝาก 5 ประเภท ได้แก่ 
  1. เงินฝากกระแสรายวัน 
  2. เงินฝากออมทรัพย์ 
  3. เงินฝากประจำ 
  4. บัตรเงินฝาก 
  5. ใบรับฝากเงิน 
โดยบัญชีเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองต้องเป็นสกุลเงินบาทเท่านั้น ทั้งนี้ หากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากถูกเพิกถอนใบอนุญาต ผู้ฝากจะได้รับเงินฝากคืนภายใน 30 วัน ตามวงเงินที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากเกิดวิกฤติหนักจนถึงขั้นธนาคารสักแห่งล้มขึ้นมา สถาบันฯ ก็จะต้องทำหน้าที่ชำระบัญชีสถาบันการเงินนั้น และนำเงินมาจ่ายคืนกับผู้ฝาก ถ้าไม่พออีก ก็จะใช้เงินกองทุน มาจ่ายเงินคืนให้กับผู้ฝากเงินโดยเร็วที่สุด ซึ่งในปัจจุบันมีการคุ้มครองเงินฝากอยู่ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร และกำลังจะถูกปรับเป็น 1 ล้านบาท ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ จนกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างมาก
 
ทำไมต้องลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก ประโยชน์ที่จะได้รับคือ?
 
ภาพจาก facebook.com/dpathailand/

การปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามกรอบการดำเนินการที่กำหนดไว้ โดยจะยังสามารถคุ้มครองผู้ฝากเงินได้ถึงร้อยละ 98 ของผู้ฝากเงินทั้งระบบ การคุ้มครองดังกล่าว จะลดลงเหลือไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยในต่างประเทศเองก็มีสถาบันคุ้มครองเงินฝากของแต่ละประเทศอย่างสหรัฐวงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 8 ล้านบาท มาเลเซียอยู่ที่ 2 ล้านบาท สิงคโปร์อยู่ที่ 1.2 ล้านบาท เวียดนามอยู่ที่ 1 แสนบาท เป็นต้น

การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงมาอยู่ที่ 1 ล้านบาท จะทำให้เราสามารถคุ้มครองคนไทยที่มีเงินฝากถึง 98.19% คือ ประมาณ 98 จาก 100 คน จะได้รับเงินฝากคืนทันทีภายใน 30 วัน แต่ส่วนที่เหลือคือคนที่วงเงินเเกิน ทางสถาบันเราก็จะบริหารจัดการทรัพย์สินให้แล้วเครียร์เงินคืนให้ในภายหลัง ในอนาคตเมื่อวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท คงต้องรอดูนโยบายของภาครัฐ หากมีการปรับขยายขึ้น วงเงินคุ้มครองก็สามารถขยับขึ้นได้นั่นเอง
 
ผู้ที่ได้รับผลกระทบมีประมาณ 1.5% เท่านั้น
 

ภาพจาก facebook.com/dpathailand/

เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ไม่ควรแตกตื่นเพราะหากอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในไทยมีบัญชีเงินฝากรวมกันประมาณ 109 ล้านบัญชี แต่เป็นบัญชีที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท อยู่ 1.7 ล้านบัญชี หรือราวๆ 1.5% เท่านั้น
 
หรือพูดง่ายๆ กว่าบัญชีในไทยประมาณ 98.5% จะไม่ได้รับผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายในครั้งนี้ ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบ วิธีการปรับตัวก็คือ โยกย้ายเงินในบัญชีของเราออกไปยังสถาบันการเงินอื่น ที่ได้รับการคุ้มครองเช่นกัน
 
ซึ่งสถาบันการเงินที่ได้รับการคุ้มครอง มีอยู่ทั้งสิ้น 35 แห่ง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ กระจายเงินฝากธนาคารละ 1 ล้านบาท ไปหลายๆ ธนาคาร ซึ่งก็จะคุ้มครองเงินเราได้มากถึงหลัก 20-30 ล้านบาทแล้วนั่นเอง
 
โดยการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากอาจเป็นมาตรการหนึ่งของสถาบันการเงินเพื่อบริหารจัดการให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ในส่วนของประชาชนทั่วไปไม่จำเป็นต้องวิตกกับมาตรการที่เกิดขึ้นนี้หรือแม้แต่คนที่มีเงินฝากในจำนวนมาก ก็ยังมีวิธีในการบริหารจัดการเพราะคนมีเงินฝากจำนวนมากๆ ส่วนใหญ่มีคนที่คอยแนะนำเรื่องวิธีบริหารการเงินให้อยู่แล้วจึงคาดว่าไม่น่าจะทำให้เกิดผลกระทบมากนัก
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
421
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด