บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    วางแผนขยายธุรกิจ    โลจิสติกส์ ขนส่ง AEC
5.1K
2 นาที
26 มีนาคม 2557
SME ไทยกับก้าวแรกในธุรกิจส่งออก

ปัจจุบันระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยประกอบด้วยธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กมากกว่าร้อยละ 90 ของธุรกิจ ทั้งประเทศ โดยมีการจดทะเบียนเป็นจํานวนมากกว่า 2 ล้านราย ก่อให้เกิดการจ้างงานคิดเป็นร้อยละ 76 ของทั้งหมด
และยังช่วยกระจายรายได้ในอีกหลายกลุ่ม ดังนั้น ธุรกิจ SME จึงมีบทบาทสําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
 
การขยายกิจการเติบโตจนสามารถส่งออกสินค้า ไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้จึงเป็นความฝันของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยี Logistics และการสื่อสารที่ก้าวหน้าทําให้การติดต่อหาคู่ค้าจากทั่วทุกมุมโลก เป็นไปได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่าแต่ก่อน ทางภาครัฐก็ริเริ่มโครงการสนับสนุนหลายโครงการ แต่เมื่อพิจารณาตัวเลขปริมาณการส่งออกทั้งหมดของไทยแล้ว มีเพียงร้อยละ 26 เท่านั้นที่เป็นการส่งออกจากภาค SMEs ของไทย
 
ขณะที่การเปิดประชาคมเสรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปีพ.ศ. 2558 นั้นใกล้เข้ามา ทุกฝ่ายต่างคาดหวังว่าการ เปิดนี้จะทําให้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสําคัญที่สามารถสร้างโอกาสการเปิดตลาดสู่ต่างประเทศของผู้ประกอบการ SMEs แต่สถิติและผลสํารวจจากหลายหน่วยงานกลับบ่งชี้ว่า SMEs ไทยยังขาดความพร้อมในภาคการส่งออก ผลสํารวจ ของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุว่าในปี พ.ศ. 2555 มีผู้ประกอบการ SMEs เพียงร้อยละ 56 เท่านั้นที่ “พร้อม” ต่อการทําธุรกิจในตลาด AEC ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 5 จากปีก่อนหน้านั้น
 
ทีมงานเข็มทิศ SMEs มีโอกาสพูดคุยกับนางสาวศุภรา เสกาจารย์ ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมการค้าระหว่าง ประเทศ (DITP) ประจําจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสําคัญในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ตั้งแต่เรื่องการเตรียมความพร้อมไปจนถึงการนําสินค้าออก Road show เพื่อหาลูกค้าในต่างประเทศ คุณศุภราได้ให้ความเห็นเรื่องความพร้อมและอุปสรรคของ SMEs ไทยต่อการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศว่า อุปสรรคสําคัญต่อการพัฒนาการส่งออกในภาค SMEs ในปัจจุบันคือ “การขาดหลักการคิดเชิงวิเคราะห์” และ “การเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ”
 
ธุรกิจ SMEs ของไทยจํานวนมากมีสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องในการตลาดต่างประเทศและยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ตัวผู้ประกอบการต่างหากที่ไม่กล้าเสี่ยง และคิดว่าธุรกิจของตนยังไม่พร้อมส่งออก คุณศุภรายังกล่าวอีกว่า ความคิดเหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากการขาดข้อมูลของตลาดเป้าหมาย อีกส่วนจากทัศนคติในแง่ลบ ว่าการส่งออกนั้นมีขั้นตอนซับซ้อนและจําเป็นต้องใช้ทุนทรัพย์จํานวนมาก แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการสามารถพบคําตอบของประเด็นเหล่านี้ได้ และขั้นตอนการส่งสินค้าไปในตลาดต่างประเทศก็ไม่ซับซ้อนเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน เพียงแค่มีการคิดเชิงวิเคราะห์และหาข้อมูลวางแผนอย่างมีขั้นตอนประกอบด้วยเท่านั้น 
ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นด้วยการตั้งโจทย์เล็ก ๆ ให้แก่ธุรกิจของตนเองทีละด้าน เช่น การหาจุดแข็ง (strength) ของสินค้าตัวเอง หาตลาดเป้าหมาย (target market) เพื่อการนําเสนอขายสินค้าและบริการให้ตรงกลุ่มลูกค้า จากนั้นจึงทําแผนการตลาดโฆษณาผลิตภัณฑ์ และสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก

คุณศุภราแนะนําว่าในช่วงเริ่มต้น ผู้ประกอบการไม่จําเป็นต้อง “คิดใหญ” และไม่ต้อง “คิดรอบด้าน” ตั้งแต่แรกเพราะจะเป็นการกดดันตัวเองเกินความจําเป็น แต้ให้โฟกัสทีละตลาดทีละกลุ่มอย่างคอ่ยเป็นค่อยไป เช่น ถ้าเราต้องการเจาะตลาด AEC ให้เริ่มจากการตั้งเป้าหมายในตลาดประเทศใดประเทศหนึ่งก่อนและให้ความสําคัญกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก (target customers) เพื่อวางตําแหน่งสินค้าของเรา (positioning) ได้อย่างถูกต้อง
 
จากประสบการณ์ช่วยผลักดัน SMEs ไทยสู่ตลาดต่างประเทศและทํางานร่วมกับผู้ประกอบการในหลายกลุ่มธุรกิจ คุณศุภราแนะนําว่าตลาดต่างประเทศไม่ได้แตกต่างจากตลาดในบ้านเรา เพราะมีทั้งกลุ่มที่ต้องการสินค้าคุณภาพสูง ซึ่งผู้บริโภคมีกําลังซื้อมาก และตลาดที่มีราคาเป็นปัจจัยการแข่งขันหลัก ซึ่งแต่ละตลาดมีความต้องการสินค้า และใช้ต้นทุนแตกต่างกัน กุญแจสู่ความสําเร็จจึงไม่ใช่การหาสินค้าที่ดีที่สุดไปขาย แต่เป็นการจัดหาสินค้าที่ดีพอ และเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละตลาดนั่นเอง
 
สิ่งที่ธุรกิจ SMEs ต้องให้ความสําคัญมากในการส่งออกสินค้าทุกระดับคือ สินค้าต้องได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็น ISO, IEC, HACCP ฯลฯ ซึ่งผู้ประกอบการจําเป็นต้องศึกษามาตรฐานที่เกี่ยวข้องให้ดี เพราะมาตรฐานเหล่านี้เปรียบเสมือนใบเบิกทางของธุรกิจส่งออก เมื่อสินค้าได้รับการรับรองและสามารถรักษามาตรฐานคุณภาพให้คงที่ได้ คู่ค้าจะให้ความเชื่อถือไว้วางใจในการทําธุรกิจกับเรา สําหรับการค้ากับคู่ค้าต่างชาติ “เครดิต” และชื่อเสียงนั้นสําคัญที่สุด
 
ในปัจจุบันการค้นหาข้อมูลเพื่อทําธุรกิจส่งออกนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกแล้ว กรมส่งเสริมการส่งออก ได้เตรียมข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ให้กับผูู้ประกอบการไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดผู้แทนการค้าของแต่ละประเทศ ข้อมูลการวิจัยตลาดเป้าหมาย ข้อมูลผู้บริโภค กฎระเบียบการนําเข้าของประเทศนั้น ๆ และยังมีกิจกรรมสนับสนุน อย่างสม่ําเสมอจากภาครัฐ ทั้งการสนับสนุนค่าเช่าบูธงานแสดงสินค้าการจัดกิจกรรม Roadshow ในต่างประเทศ การจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business matching) รวมถึงงานสัมมนาเพื่อให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง เหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลผู้ที่สนใจสามารถขอได้จากกรมส่งเสริมการส่งออกรวมไปถึงการเรียนรู้จากกรณีศึกษาหรือหาข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
 
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ นับว่าเป็นความท้าท้ายของผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ที่มีความต้องการขยายตลาดของตนเอง เพราะสินค้าจากประเทศไทยเป็นที่ยอมรับอย่างมากในต่างประเทศ เมื่อผู้ประกอบการ SMEs มี Know How ที่เข้มแข็ง การเริ่มต้นธุรกิจส่งออกจึงไม่ใช่เรื่องยากหากเราตีโจทย์ด้วยวิธีการคิดเชิงวิเคราะห์และเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เหมาะสม
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
424
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด