บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การตลาดออนไลน์ SEO
1.9K
3 นาที
2 พฤศจิกายน 2564
เจาะลึก! อยู่ได้มั้ย เปิดร้านอาหาร ขายผ่าน app อย่างเดียว
 

ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดโควิด กระแสของเดลิเวอรี่ก็คาดหมายว่าจะเติบโต แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา การขายอาหารผ่านแอพ การขายอาหารแบบเดลิเวอรี่กลายเป็นช่องทางหลักในทันที ก็มีคำถามที่น่าสนใจว่าหากสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น การขายอาหารแบบเดลิเวอรี่จะยังคงดีอยู่ไหม และที่พ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ที่ไม่มีหน้าร้านแต่เน้นขายแบบเดลิเวอรี่อย่างเดียว พวกเค้าเหล่านี้จะมีกำไรได้เหมือนเปิดหน้าร้านแค่ไหน

www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่าหลายคนอยากรู้คำตอบเพื่อจะได้มีข้อมูลไว้เป็นแนวทางเผื่อว่าอยากขายอาหารผ่านแอพเดลิเวอรี่บ้าง
 
กระแส “เดลิเวอรี่” ยังแรง และคาดว่าจะเติบโตมากขึ้น
 

ขายอาหารผ่านเดลิเวอรี่จะรอดไม่รอด ขั้นแรกต้องไปจับกระแสของเรื่องนี้ก่อน ถ้าดูข้อมูลด้านการตลาดจากสำนักวิจัยต่างๆ จะเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือเดลิเวอรี่ยังโตได้อีกมาก

ยกตัวอย่างข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด “สเตติสตา” ประเมินว่า ปัจจุบัน ตลาดเดลิเวอรี่อาหารผ่านระบบออนไลน์ทั่วโลกมีมูลค่าราว 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีแนวโน้มจะขยายตัวมากกว่า 11 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี ไปจนถึงปี 2566 โดยเฉพาะในเอเชียที่ตลาดดีลิเวอรี่อาหารผ่านออนไลน์เติบโตอย่างเด่นชัด ประเมินว่าน่าจะมีมูลค่าราว 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ระบุว่าทั้งปี 2564 ปริมาณการสั่งอาหารจัดส่งที่บ้านน่าจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 120 ล้านครั้ง หรือเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวมีมูลค่ารวมสูงถึง 5.31 – 5.58 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัวสูงถึงร้อยละ 18.4 – 24.4
 
เปิดร้านอาหาร ขายผ่าน app อย่างเดียว อยู่ได้มั้ย??
 

ภาพจาก www.freepik.com/

ตัดกลับมาที่คำถามหลักถ้ามองว่ากระแสเดลิเวอรี่ยังดีและมาแรงขนาดนี้ การเปิดร้านอาหารและขายแบบเดลิเวอรี่อย่างเดียวไม่ต้องมีหน้าร้าน จะอยู่ได้มั้ย?? คำตอบชัดเจนเลยว่า “อยู่ได้” 
 
ลองมาวิเคราะห์ตัวเลขสักเล็กน้อย ในกรณีถ้าขายหน้าร้านปกติ ยกตัวอย่างสินค้าง่ายๆอย่าง “เฟรนฟรายส์” ต้นทุนโดยรวม (ค่าวัตถุดิบ + อุปกรณ์ประกอบอาหาร + ต้นทุนจิปาถะ) ประมาณ 20 บาท หากขายราคา 45 บาท กำไรจากการขายหน้าร้านคือ 25 บาท กำไรคิดเป็นสัดส่วน 55.56% จากราคาขาย
 
ในกรณีที่จะหันมาขายเฉพาะเดลิเวอรี่อย่างเดียวก็เท่ากับว่าเราต้องมีต้นทุนเพิ่มคือค่า GP ประมาณ 15-35% (ตามเงื่อนไขของแต่ละค่าย) มาคำนวณดูว่า กำไรของร้านจะเหลือเท่าไหร่
 
ต้นทุนเดิมของเฟรนฟรายส์คือ 20 บาท + ค่า GP เดลิเวอรี่ที่ 30% (ประมาณ 13.5 บาท) จะทำให้มีต้นทุนเพิ่มมาเป็น 33.5 บาท ถ้าขายในราคาเดิมคือ 45 บาท กำไรจะลดลง หรือ 11.5 บาท หรือคิดเป็น 25.56% จากราคาขาย 


ภาพจาก www.freepik.com/
 
หลายคนบอกเห็นตัวเลขแบบนี้เกิดคำถามว่าจะกำไรที่น้อยลงร้านค้าจะอยู่ได้อย่างไร แต่เราต้องไม่ลืมเรื่อง “ยอดขาย” เพราะการขาย “เดลิเวอรี่” มีจุดเด่นคือ การเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น กำไรที่อาจจะลดลง แต่ถ้ามีปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้น เช่นขายหน้าร้านปกติกำไร 25 บาท/ชิ้น แต่ 1 วันขายได้ 100 ชิ้น กำไร 2500 บาท แต่ถ้าขายเดลิเวอรี่อย่างเดียวเน้นๆ ไปเลยทำการตลาดอย่างดี โปรโมทอย่างดีอัดแคมเปญเต็มที่ อาจจะขายได้วันละ 300 ชิ้นเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว กำไรต่อชิ้นที่มองว่าน้อยก็อาจไม่น้อย คิดตัวเลขกำไรต่อวันจะได้ประมาณ 11.5 x 300 = 3,450 บาท
 

ภาพจาก www.freepik.com/
 
เกิดคำถามอีกว่าถ้ายอดขายไม่ได้เยอะเหมือนที่เราคำนวณแบบนี้การขายแต่เดลิเวอรี่อย่างเดียวจะอยู่รอดได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องไปดูกลยุทธ์ในการขาย เพราะส่วนใหญ่ราคาขายหน้าร้านกับราคาเดลิเวอรี่ส่วนใหญ่จะแตกต่างกัน ดังนั้นร้านอาหารส่วนใหญ่จะบอกค่าคอมมิชชั่นลงไปในเมนูแล้ว สังเกตได้ว่าราคาจึงค่อนข้างแตกต่างเช่น สเต๊ก 1 จาน ราคาหน้าร้าน 50 บาท แต่พอเราเข้าไปสั่งในแอพเดลิเวอรี่ราคาขายอาจเป็น 60-65 บาท เป็นต้น ราคาขายที่เพิ่มขึ้นนี้จึงเอามาถัวเฉลี่ยทำให้ร้านค้าได้กำไรต่อชิ้นเพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากๆ ร้านอาหารก็สามารถมีกำไรจากการขายและสามารถอยู่รอดได้เช่นกัน
 
เทรนด์ “เปิดร้านเดลิเวอรี่” ขยายตัวไปทั่วโลก
 
ภาพจาก https://box8.in/

ตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการขายเดลิเวอรี่อย่างเดียวอยู่รอดได้แน่ ถ้ารู้จักบริหารจัดการ เพราะธุรกิจหลายแห่งทั่วโลกก็กำลังขยายกิจการในรูปแบบเดลิเวอรี่ โดยเว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียน รีวิว ระบุว่า ร้านอาหารแบบไม่มีหน้าร้านเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในจีน อินเดีย และญี่ปุ่น เพราะเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำ มีทุนน้อยก็ทำได้ แถมไม่เสี่ยงเจ๊งเหมือนการมีหน้าร้านให้นั่งกิน และไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาขาดแคลนคนงานอีกด้วย
 
ยกตัวอย่างบริษัท อูเบอร์ อีตส์ (Uber Eats) จับมือกับเชนคาเฟ่อินเดีย “คาเฟ่ คอฟฟี่ เดย์” เพื่อให้บริการเครือข่ายร้านอาหารเฉพาะดีลิเวอรี่ หรือ BOX8 ร้านอาหารไร้หน้าร้านชื่อดังในอินเดียได้เปิดให้บริการในเมืองใหญ่ๆ ทั้งมุมไบ ปูเน่ และบังกาลอร์ นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ Curry Me Up และ Kadhai House สนใจตลาดนี้เช่นกัน หรือในญี่ปุ่นบริษัทสตาร์ตอัพ “เซนโตเอน” ก็เริ่มให้บริการครัวร่วมใช้ “Kitchen Base” โดยครัวที่มี 4 ห้อง จะรองรับร้านอาหารเสิร์ฟเฉพาะ เดลิเวอรี่ได้ 8 ราย แบ่งเป็นตอนกลางวัน 4 ราย และตอนกลางคืนอีก 4 ราย โดยคิดค่าธรรมเนียมราว 100,000-150,000 เยน ต่อเดือน เป็นต้น
 
5 เทคนิคสำคัญเปิดขายเดลิเวอรี่อย่างเดียวก็อยู่รอดได้
1.เลือกทำเฉพาะเมนูที่เหมาะกับเดลิเวอรี่
 

หากจะขายเดลิเวอรี่ไม่มีหน้าร้านก็ต้องเลือกเมนูที่เหมาะสมเพราะไม่ใช่ทุกเมนูที่จะขายเดลิเวอรี่ได้ควรจะเลือกเมนูที่สามารถขนส่งได้ โดยที่รสชาติและคุณภาพของอาหารไม่เสียไป พร้อมเลือกแพคเกจจิ้งที่เหมาะสมกับเมนูนั้น ๆ เพื่อให้เมื่อไปถึงมือลูกค้าในสภาพที่ดีทั้งรสชาติและภาพลักษณ์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ 
 
2.รู้จักการคำนวณต้นทุนก่อนขาย
 
ต้นทุนค่าคอมมิชชั่นคือตัวแปรสำคัญมาก บางรายอาจสูงถึง 35% ถ้าเราเลือกเมนูที่มีกำไรน้อยอยู่แล้วมาทำเดลิเวอรี พอโดยหัก GP ก็จะทำให้กำไรหดหายไปได้ หรือกลายเป็นขาดทุนทันที ดังนั้นจึงต้องคำนวนต้นทุนของแต่ละเมนูให้ดี แล้วค่อยมาเลือก ว่าเมนูไหนคุ้มค่าที่จะทำเดลิเวอรี ขายแล้วยังมีกำไรอยู่ 
 
3.จัดเซตเมนูเดลิเวอรี่


บางทีการขายแบบชิ้นเดียว จานเดียว อาจทำให้มีปัญหาเรื่องกำไร วิธีการหนึ่งคือการจัดเซตสินค้าที่ร้านค้าได้กำไรเพิ่ม ลูกค้าก็ประทับใจเพิ่มขึ้น หรือการเพิ่มไซด์เมนูให้ใหญ่ขึ้น ราคาเพิ่มขึ้น การใช้ไอเดียเล่นกับเมนูนอกจากทำให้ร้านค้าได้กำไรเพิ่มขึ้น ลูกค้ายังรู้สึกว่าร้านของเรามีอะไรใหม่ๆ ให้น่าลองเสมอๆด้วย
 
4.รุกตลาดออนไลน์
 

ภาพจาก www.freepik.com

ขายเดลิเวอรี่อย่างเดียวไม่มีหน้าร้านสิ่งสำคัญคือการรุกตลาดออนไลน์เพื่อให้คนได้เห็นร้านของเรามากขึ้น ทั้ง Facebook, Instagram, Twitter หรือ LINE OA เราต้องหมั่นสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ และทำโปรโมชันบ้าง เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ลองสั่งอาหารของร้านเราให้มากขึ้น 
 
5.รักษามาตรฐานของร้านสำคัญมาก
 
 

จะขายดีแค่ไหน คุณภาพของบริหาร อาหารเราต้องเหมือนเดิม ดังนั้นเรื่องระบบรับออร์เดอร์จึงต้องบริหารจัดการให้ดีเพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องหัวเสียคอยสินค้าเรานานเกินไป โดยปัจจุบันแต่ละค่ายเดลิเวอรี่ก็พยายามเข้ามาสนับสนุนในเรื่องการรับออร์เดอร์ของร้านค้าเพื่อให้รักษามาตรฐานได้ดีที่สุด
 
การขายแบบเดลิเวอรี่ไม่มีหน้าร้านเราเชื่ออย่างยิ่งว่าอยู่ได้แน่ เพราะปัจจุบันมีร้านค้าในลักษณะนี้จำนวนมาก และสร้างยยอดขายได้ดีกว่าการมีหน้าร้านที่บางคนบอกว่าประหยัดเรื่องต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ ไม่ต้องจ้างคนงานมาก บางคนมีรายได้จากการขายอาหารเดลิเวอรี่อย่างเดียวเดือนละหลายหมื่นบาท แต่คนที่อยากทำธุรกิจแนวนี้ต้องศึกษาแนวทางให้ชัดเจน วางระบบบริหารจัดการให้ดี ที่สำคัญต้องตั้งใจทำจริงค่อยๆ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเป็นไปตามที่เราต้องการ
 
ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
610
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
490
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
427
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
394
ปี 2025 ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม! Preemptive Adaptatio..
385
เพิ่มวิวไลฟ์สด ให้ยอดขายพุ่ง! ดันแฟรนไชส์ของคุณใ..
378
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด