บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.5K
3 นาที
9 มีนาคม 2565
ทำงานมา “หลายปี” ควรทำต่อหรือลาออกไปทำธุรกิจ?

 

Ladder เว็บไซต์หางานจากประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าพนักงานบริษัทกว่า 81% แกล้งทำเป็นมีความสุขกับการทำงาน และคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำ พนักงานที่แกล้งมีความสุขกว่า 66% เจอปัญหานอนหลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ และกว่า 89% รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเมื่อกลับถึงบ้าน

ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่าคนทำงานประจำส่วนใหญ่อยากลาออก “อยากมีธุรกิจของตัวเอง” ถ้าเป็นคนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ อายุงานไม่เกิน 5 ปี การไปแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องคิดมาก แต่ถ้าเราทำงานมานานเช่น 10 ปีขึ้นไปในบริษัทเดียว แบบนี้ถ้าคิดอยากลาออกไปทำธุรกิจของตัวเอง จะเป็นความคิดที่ถูกหรือไม่ถูก ต้องลองมาวิเคราะห์กันดู
 
แนวคิดตัดสินใจ ทำงานมานาน อยู่ต่อ! หรือ ลาออก ดีกว่ากัน???
1.บริษัทมีอนาคตแค่ไหน??
 

ภาพจาก www.freepik.com

เหตุผลของบางคนที่ยังทำงานอยู่เพราะว่า “ยังไม่มีงานที่ดีกว่า” ทั้งที่ความจริงบริษัทที่ทำอยู่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่อื่นแถมบางที่ยังแย่กว่า บริษัทบางแห่งโบนัสก็ไม่มี โอทีก็ไม่มี เบี้ยเลี้ยง เบี้ยขยันก็ไม่มี แถมเจ้านายก็ยังจู้จี้จุกจิก ทำงานไม่เป็นระบบ ที่สำคัญเงินเดือนก็ไม่สูง แบบนี้เรียกว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีอนาคต คนทำงานเพียงแค่อาศัยทำงานไปวันๆ ดังนั้นหากเจอบริษัทแบบนี้อาจมีเหตุผลให้เราตัดสินใจลาออกไปทำธุรกิจน่าจะดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยความพร้อมของแต่ละคนด้วย
 
2.โอกาสก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน
 

ภาพจาก www.freepik.com

เราต้องเทียบปัจจัยเติบโตว่าหากเราทำงานในบริษัทนั้นต่อไป ในระยะเวลาอีก 5-10 ปี เราน่าจะมีโอกาสก้าวไปถึงระดับไหน หากเป็นบริษัทที่มีระบบการทำงานชัดเจน มีการปรับเงินเดือน ปรับตำแหน่ง มีเงินเก็บสะสม คิดว่าถ้าทำงานมานานก็ควรจะทำต่อไปเพราะบริษัทแบบนี้ให้ความมั่นคงได้ แต่ในทางกลับกันหากเจอบริษัทที่ตำแหน่งเราไม่มีทางขยับ เงินเดือนก็ไม่ขยับ ทำงาน 5-10 ปีเงินเดือนก็กระดิกจากเดิมแค่นิดหน่อย แบบนี้ก็เป็นปัจจัยที่ควรบอกให้เราพอแค่นี้แล้วไปหาธุรกิจตัวเองทำจะมีความมั่นคงมากกว่า
 
3.รายได้คุ้มค่ากับงานที่ทำแค่ไหน
 

ภาพจาก www.freepik.com

คราวนี้ลองนำรายได้ของเรามาเทียบดูความคุ้มค่า ยกตัวอย่างเช่นเราทำงานมา 10 ปี ตอนนี้เงินเดือน 20,000 ในแต่ละปีเราจะมีรายได้ประมาณ 240,000 บาท ไม่รวมโบนัส และเงินพิเศษต่างๆ (หากมี) ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขนี้ยังไม่ได้เอาไปหักค่าใช้จ่ายจิปาถะในชีวิตประจำวันเช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ ลองคิดอย่างละเอียดแล้วดูว่าในแต่ละปี เรามีเงินเหลือเท่าไหร่ และหากลาออกตอนนี้เท่ากับเราจะตัดเงินเดือนส่วนนี้ออกไป และจะมั่นใจได้แค่ไหนว่ากิจการที่เราจะออกไปทำจะสามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าการทำงานประจำ 
 
4.ปัจจัยทางด้านอายุของตัวเราเอง
 

ภาพจาก www.freepik.com

ในที่นี้เราพูดถึงคนที่ทำงานมานาน นั่นหมายความว่าอายุของคนในกลุ่มนี้ที่คิดจะลาออกต้องไม่ต่ำกว่า 35-45 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้น่าจะทำงานมาอย่างน้อย 10-15 ปี หากอยู่ในบริษัทที่มั่นคงก็ต้องมีตำแหน่งที่สูง เงินเดือนที่สูงกว่าเด็กจบใหม่ เราต้องมาวิเคราะห์ดูว่า ด้วยอายุของเราตอนนี้ไม่ต่ำกว่า 35-45 ปี หากออกไปทำธุรกิจเอง เราจะทำธุรกิจอะไร และเราจะมีแรงกายแรงใจมากพอจะเริ่มต้นในจุดนี้แค่ไหน หรือบางคนได้เริ่มทำธุรกิจควบคู่ไปกับงานประจำ รอให้ธุรกิจเดินหน้าสร้างรายได้จึงค่อยลาออกมาบริหารธุรกิจตัวเองเต็มรูปแบบก็เป็นอีกวิธีที่ทำได้และลดความเสี่ยงได้มากด้วย
 
5.เงินสะสมตอนเกษียณคุ้มค่าที่จะทำงานต่อแค่ไหน??
 

ภาพจาก www.freepik.com

หลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานบริษัท เพราะบางแห่งมีเงินสะสมที่หักจากเงินเดือนทุกเดือนจะมีการสมทบหรือไม่ก็แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท สิ่งที่ทำให้หลายคนทนทำงานต่อแม้บางทีไม่อยากทำก็เพราะเงินสะสมตอนเกษียณ ซึ่งบางแห่งได้เป็นเงินก้อนที่สูงมาก ขึ้นอยู่กับอายุในการทำงานเป็นสำคัญ

ดังนั้นหากตัวเราอายุมากในระดับหนึ่ง และมีความคิดจะทำธุรกิจหรือลาออก อย่าลืมเอาเหตุผลข้อนี้มาหักลบกันดูว่าเราควรอยู่ต่อเพื่อสะสมเงินเกษียณให้มากขึ้น หรือหากไม่มีเงินสะสมก้อนนี้ก็อาจทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะจำเป็นที่ต้องรีบขยับขยายเพื่อหาเงินทุนไว้ใช้ในยามแก่ชรา
 
ทั้ง 5 ข้อเป็นคำถามที่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนคิดจะลาออก ซึ่งยังมีเหตุผลอีก 5 ข้อที่บอกตัวเราได้เลยว่า “อย่าคิดลาออกไปทำธุรกิจ” ถ้าเรารู้สึกดังนี้
 
1.ไม่รู้เป้าหมายในอนาคต ไม่มีการวางแผนเรื่องการทำธุรกิจเอาไว้แต่เนิ่นๆ และคิดจะไปเริ่มหลังจากที่ลาออกแล้ว
 

ภาพจาก www.freepik.com
 
2.ลาออกเพราะอยากมีเวลา และคิดว่าเมื่อมีเวลาก็จะหางานหรือธุรกิจอะไรทำได้ง่ายๆ 
 
3.อยากลาออก อยากมีธุรกิจ เพราะเงินเดือนที่ได้แม้จะสูงมากแต่ก็ไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ถ้าการคิดลาออกในลักษณะนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดวิธี ทางที่ดีควรไปวางแผนการใช้เงินของตัวเองก่อนจะดีกว่า
 

ภาพจาก www.freepik.com
 
4.คิดว่าเรารู้จักคนมาก ถ้าลาออกจะมีคนช่วยเหลือเราได้ คนที่ทำงานมานาน อาจมี Connection เยอะก็จริง แต่นั่นก็เพราะเรายังทำงานในบริษัทนั้น คนที่เรา Connection ด้วยจึงติดต่อได้ง่าย แต่หากเราคิดว่าถ้าเราออกมาทำธุรกิจเอง จะสามารถ Connection กับคนกลุ่มนี้ได้ อาจเป็นความเสี่ยงที่เราต้องแบกรับในอนาคต
 
5.ลาออกเพราะคิดว่าจะใช้เงินที่ได้จากการลาออกมาเริ่มทำธุรกิจ อันนี้ถือเป็นความคิดที่เสี่ยงมาก เพราะเงินที่เราสะสมมานานจากการทำงานควรเป็นเงินที่เราได้ใช้ในยามเกษียณ แต่เมื่อเราตัดสินใจลาออกมาทำงาน ซึ่งการทำธุรกิจไม่มีคำว่าเกษียณ เราควรมีเงินทุนต่างหากที่ไม่เกี่ยวกับเงินสะสม เผื่อที่ว่าหากผิดพลาดในการลงทุนเรายังพอมีเงินทุนเหลือใช้ในยามแก่ชราได้จริงๆ 
 

ภาพจาก www.freepik.com
 
ทั้งนี้ข้อมูลน่าสนใจหากคิดลาออกจริงๆ เราจะต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ว่างงาน โดยไม่ต้องรอหนังสือรับรองการออกจากงาน เพื่อรับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย ตัวอย่างเช่น เรามีเงินเดือนเฉลี่ย 15,000 บาท จะได้รับเงินเดือนละ 4,500 บาท และยังมีสิทธิคุ้มครองต่ออีก 6 เดือน ใน 4 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร เสียชีวิต
 
นอกจากนี้เงินประกันสังคมที่เราจ่ายในระหว่างทำงาน ส่วนหนึ่งนำไปสะสมเป็นเงินออมชราภาพ โดยสามารถขอคืนได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ส่วนจะได้รับเป็นบำเหน็จหรือบำนาญก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาส่งเงินเข้าประกันสังคม หลังจากลาออกภายใน 6 เดือนเราควรยื่นสมัครเป็นสมาชิกประกันสังคมต่อแบบผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 เพื่อมีสิทธิประโยชน์คุ้มครองรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ และรักษาสิทธิเงินออมชราภาพ
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
422
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด