บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.5K
2 นาที
7 มิถุนายน 2565
“ช้างสามเศียร” ธุรกิจคู่คนไทยกว่า 92 ปี รายได้กว่า 3,000 ล้านบาท
 

ประเทศไทยผลิตข้าวเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ ถือเป็นความได้เปรียบในด้านวัตถุดิบที่ทำให้เกิดธุรกิจเกี่ยวข้องในการแปรรูปข้าวเจ้าเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว เส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น นับว่าเป็นหนึ่งในสินค้าไทยที่มีมูลค่าการส่งออกสูงมาก และหากดูเฉพาะในตลาดอาเซียนพบว่าผลิตภัณฑ์จากข้าวของไทยมีมูลค่าเป็นอันดับ 1 ประมาณ 57 ล้านดอลลาร์มีอัตราการขยายตัวกว่า 10% และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคตด้วย

อย่างไรก็ดีถ้าพูดถึงธุรกิจด้านการแปรรูปดังกล่าว www.ThaiFranchiseCenter.com นึกถึงแบรนด์ดังอย่าง “ช้างสามเศียร” ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานเราเห็นสินค้าแบรนด์นี้กันมาตั้งแต่เด็กและถือเป็นอีกธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
 
เส้นทางธุรกิจกว่าจะมาเป็น “ช้างสามเศียร”
 

ภาพจาก https://bit.ly/3mljG1X
 
ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2473 เริ่มจากคุณชอไค แซ่จึง ผู้ที่มาจากเมืองจีนในสมัยนั้น เป้าหมายคือต้องการมาสร้างอาชีพและธุรกิจในเมืองไทย แต่เส้นทางในการเริ่มต้นไม่ได้ง่ายนัก แต่สิ่งที่แตกต่างคือวิสัยทัศน์ด้วยมองว่าในเมืองไทยข้าวคือพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ และมีจำนวนมาก คงเป็นเรื่องดีถ้าจะนำวัตถุดิบนี้มาแปรรูปเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น

เมื่อแนวคิดและไอเดียเริ่มมา จึงได้เริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง และได้ก่อตั้งธุรกิจเป็นรูปธรรมครั้งแรกคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดชอเฮง เน้นการนำข้าวมาเพิ่มมูลค่าด้วยการทำเป็นเส้นหมี่ขาว โรงงานแห่งแรกตั้งอยู่ที่เขตปทุมวัน หรือฝั่งพระนครในสมัยนั้น ทำการผลิตเส้นหมี่เพียงอย่างเดียวภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราช้างสามเศียร” และ “ตราเอราวัณ”
 

ภาพจาก https://bit.ly/3mljG1X

ซึ่งการเลือกใช้ชื่อดังกล่าวนี้เพื่อความเป็นศิริมงคลและเป็นชื่อที่มีความหมายดี เป็นชื่อที่สื่อให้เห็นความเป็นไทยได้อย่างชัดเจนด้วย ในปัจจุบันนี้ โรงงานของบริษัทฯ ดำเนินการอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 75 ไร่ และมีพนักงานและคนงานรวมประมาณ 1,500 คน โดยมีกำลังการผลิตสูงสุดปริมาณ 10,000 ตันต่อเดือน
 
ช้างสามเศียร เป็นเจ้าของสินค้าอะไรบ้าง?
 

ภาพจาก  www.choheng.com/

หลังจากการก่อตั้งโรงงานในครั้งแรก ธุรกิจก็เติบโตมาเป็นลำดับ ในปี 2502 ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด และย้ายฐานการผลิต ไปที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม และยังคงเน้นการผลิตเส้นหมี่เป็นหลัก แต่มองว่าสินค้าควรมีการพัฒนาให้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงเริ่มคิดและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ สินค้าตัวที่ 2 ของธุรกิจคือ การผลิตแป้ง ที่มองว่าแป้งข้าวจ้าวนี้จะเป็นวัตถุดิบสำคัญในผลิตภัณฑ์หลายอย่าง ทั้งการทำขนม อาหาร เป็นต้น
 
นอกจากนี้บริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด ยังเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ได้มีการนำระบบอบแป้งให้แห้งด้วยลมร้อน มาผลิตแป้งข้าวเจ้า และแป้งข้าวเหนียว ทำให้แป้งออกมามีคุณภาพดีได้มาตรฐานสม่ำเสมอ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สามารถส่งออกสินค้าไปประเทศอื่น ๆ ได้กว่า 31 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน สินค้าของโรงเส้นหมี่ชอเฮง มีตั้งแต่ แป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวเหนียว, เส้นหมี่, เส้นก๋วยเตี๋ยว, แป้งข้าวสกัดโปรตีน, แป้งข้าวโมดิฟายด์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ทำจากข้าว ภายใต้แบรนด์ “ตราช้างสามเศียร” และ “ตราเอราวัณ”


ภาพจาก www.facebook.com/ErawanBrand/
 
และไม่ใช่เพียงแค่นั้นโรงเส้นหมี่ชอเฮง ได้มีการนำแป้งมาแตกไลน์ไปทำธุรกิจอื่น ๆ อีกด้วย เช่น บริษัท เอราวัณ ฟามาซูติคอล รีเซิช แอนด์ ลาบอราตอรี่ จำกัด ที่ทำธุรกิจ นำแป้งข้าวเจ้าดัดแปรเพื่อใช้เป็นสารเพิ่มปริมาณยาเม็ด รวมถึง บริษัท เนอเชอร์แคร์ จำกัด ที่ทำแป้งเด็กจากแป้งข้าวเจ้า ภายใต้แบรนด์ ReisCare โดยสร้างมูลค่าเพิ่มจากแป้งข้าวเจ้า ราคา 30 บาทต่อกิโลกรัม สู่แป้งไฮโดรโฟบิก ราคา 1,200 บาทต่อกิโลกรัมด้วยการต่อยอดแป้ง ReisCare ให้สามารถช่วยดูดซับความมันและกลิ่นได้
 
รายได้ของ “ช้างสามเศียร” สูงกว่า 3,000 ล้านบาท
 

ภาพจาก  www.choheng.com/

ช้างสามเศียรถือเป็นแบรนด์สินค้าที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 92 ปี สินค้าหลายอย่างเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ทุกครัวเมืองไทยต้องมี รวมถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมอื่นอีกจำนวนมาก และด้วยกลยุทธ์ด้านการตลาดที่ชัดเจน การพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง ทำให้ช้างสามเศียร มีรายได้ในปี 2563 กว่า 3,717 ล้านบาท กำไร 187 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ มาจากในประเทศไทยประมาณ 50% และต่างประเทศอีก 50%

และถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจจะเจอปัญาด้านการแพร่ระบาดโควิด 19 แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนักหากมองในด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว จะพบว่า ในปี 2563 การส่งออกผลิตภัณฑ์จากข้าวของประเทศไทย ขยายตัว 4.0% และหากมาดูรายสินค้า พบว่า แป้งข้าวเหนียว ขยายตัว 13.8% ในขณะที่เส้นหมี่ก๋วยเตี๋ยว ขยายตัว 7.2% ซึ่งสินค้า 2 ชนิดนี้ ก็เป็นหนึ่งในสินค้าหลักของ โรงเส้นหมี่ชอเฮงด้วย
 
จุดเริ่มต้นของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ต้องเริ่มจากก้าวแรกอย่างถูกต้อง การวางรากฐานธุรกิจให้แข็งแรงแล้วค่อยๆเติบโตถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนตัวเองให้ตามยุคสมัย พัฒนาสินค้าให้ทันต่อความต้องการลูกค้า การพัฒนาเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับสมัยใหม่ และการบริหารจัดการในองค์กรล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่คนทำธุรกิจควรศึกษาและพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้ดีที่สุด
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3Nfq3jk , https://bit.ly/3x8rnP4 , https://bit.ly/3NM9E5E 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
605
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
496
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
418
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด