บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.2K
3 นาที
1 ธันวาคม 2565
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! เทศกาลปีใหม่

 
การแพร่ระบาดโควิด 19 ทำให้ทั่วโลกต้องเว้นระยะห่างจากการจัดงานปีใหม่ และในปีนี้ที่สถานการณ์คลี่คลายหลายประเทศมีแผนที่จะกลับจัดงานเคาน์ดาวกันอีกครั้ง ซึ่งจะว่าไปเทศกาลปีใหม่คือช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ละประเทศก็มีธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้การเฉลิมฉลองในแต่ละประเทศมีสีสันแตกต่างกันไป 
 
www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่าปีใหม่คือเทศกาลที่หลายคนรอคอย รวมถึงยังมีเรื่องจริงน่าสนใจเกี่ยวกับเทศกาลนี้ที่เราควรรู้ไว้
 
1.วันปีใหม่มีมานานกว่า 4 พันปีก่อน
 

ตามประวัติศาสตร์ระบุว่าการฉลองปีใหม่เริ่มตั้งแต่สมัย จูเลียส ซีซาร์ ที่เป็นจักรพรรดิของโรม ได้นำความคิดของนักดาราศาสตร์ชาวอียิปต์ชื่อ "โยซิเยนิส" มาปรับปรุงการกำหนดช่วงระยะเวลาใหม่ให้หนึ่งปีมี 365 วัน หรือ 12 เดือนและกำหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่ โดยชื่อเดือน January ก็มีที่มาจากชื่อของเทพเจ้าอย่าง Janas 
 
2.วันปีใหม่ของไทยปรับเปลี่ยนมาแล้ว 4 ครั้ง
 

วันขึ้นปีใหม่ในประเทศไทยได้ถูกปรับเปลี่ยนมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ตามปฏิทินการเปลี่ยนแปลงนักษัตร และเดือนตามจันทรคติ ได้แก่ 
  • วันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้ายซึ่งตรงกับเดือนมกราคม 
  • วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน 
  • วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2432 
  • มาจนถึงครั้งล่าสุดที่เปลี่ยนคือ วันที่1 มกราคม พ.ศ. 2484
3.ใช้ 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่ตั้งแต่ปี 2484
 

สำหรับการพิจารณาเปลี่ยน "วันขึ้นปีใหม่" เกิดขึ้นโดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งมี "หลวงวิจิตรวาทการ" เป็นประธานกรรมการ หลังจากหารือกันแล้วเสร็จ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากเดิม 1 เมษายน ให้เป็นวันที่ 1 มกราคมแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็นวันขึ้นปีใหม่สากลครั้งแรกในประเทศไทย
 
4.สาธารณรัฐคิริบาส เป็นประเทศแรกที่ได้ฉลองปีใหม่
 

เกาะคิริติมาตี (Kiritimati Islands) หมู่เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งอยู่ระหว่างประเทศออสเตรเลียกับรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา เกาะนี้เป็นดินแดนของสาธารณรัฐคิริบาส หรือ สาธารณรัฐคิริบาตี (Kiribati) อยู่ทางตะวันออกที่สุดของโลก เกาะคิริติมาตีนั้นจะฉลองปีใหม่ก่อนประเทศไทย 7 ชั่วโมง โดยถ้านับตามเวลาประเทศไทย ชาวหมู่เกาะคิริติมาตีจะเคานต์ดาวน์ตอน 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถือว่าเป็นสถานที่ที่เวลาล่วงเวลาเข้าสู่ปีใหม่เป็นที่แรกของโลก
 
5.หมู่เกาะซามัวคือดินแดนสุดท้ายที่ได้ฉลองปีใหม่
 

รัฐอิสระซามัว (Independent State of Samoa) เป็นประเทศสุดท้ายที่ได้ฉลองปีใหม่ โดยกว่าที่ชาวซามัวจะได้ฉลองปีใหม่ ก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นของวันที่ 1 มกราคม(ตามเวลาประเทศไทย) หรือห่างกันประมาณ18 ชั่วโมง และ ห่างจากสาธารณรัฐคิริบาสที่ได้ฉลองปีใหม่เป็นประเทศแรกถึง 25 ชั่วโมง โดยซามัวเป็นประเทศที่ประกอบด้วยหมู่เกาะอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ และแม้ว่าจะอยู่ไม่ห่างจากคิริบาสมากนักแต่เนื่องจากมีเส้นแบ่งซีกโลกตะวันตกและตะวันออกคั่นกลาง ทำให้ทั้งสองประเทศมีเวลาห่างกันกว่า 1 วัน
 
6.การฉลองปีใหม่แบบแหวกแนวรอบโลก
 

ที่เอกวาดอร์จะมีการเผาหุ่นไล่กาที่ยัดไส้ด้วยกระดาษ ตอนเที่ยงคืนของวันที่ 31เพราะเชื่อว่าจะเป็นการปัดเป่าโชคร้ายและสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเผารูปถ่ายของสิ่งที่ 'เป็นตัวแทน' ของปีที่ผ่านมาด้วย หรือที่ญี่ปุ่น ในวัดของศาสนาพุทธ นิกายเทนได จะมีการตีระฆัง 108 ครั้งเพราะเชื่อว่าการตีระฆังเป็นการขับไล่บาปของมนุษย์ทั้งหมด และที่แปลกมากคือในประเทศอย่างเม็กซิโก โบลิเวีย และบราซิล มีความเชื่อว่าโชคของปีหน้าจะดีหรือร้ายนั้น ขึ้นอยู่กับ กางเกงใน ใครที่อยากเจอมีความรักดีๆ ก็ต้องใส่กางเกงใน สีแดง ส่วนคนที่อยากดวงขึ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ ควรใส่สีเหลือง เป็นต้น
 
7.คนอเมริกันนิยมทำ New Year’s Resolution
 

New Year’s Resolution คือการทำสิ่งดีๆ ในเดือนแรกของปี โดยสิ่งที่นิยมทำ เช่น การลดน้ำหนัก , ใช้เงินน้อยลง , เก็บเงินออมให้มากขึ้น , ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมากขึ้น , เลิกสูบบุหรี่ เป็นต้น ซึ่งก็มีคนอเมริกันจำนวนหนึ่งที่ทำสำเร็จแต่ก็มีไม่น้อยกว่า 25 % ที่ล้มเหลวไปตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรกของเดือนมกราคม
 
8.อาหารสำหรับฉลองปีใหม่ในแต่ละประเทศ


ขึ้นชื่อว่าเป็นเทศกาลแห่งความสุข อาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ หลายเมนูในหลายประเทศก็ล้วนเป็นอาหารที่มีความหมายดี เพื่อสื่อถึงความสุขและความสำเร็จตลอดปี เช่นญี่ปุ่นวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปีมักจะเป็นวันที่ครอบครัวชาวญี่ปุ่นทุกบ้านร่วมกันกิน ‘โทชิโคชิ โซบะ’ หรือ ‘โซบะปีใหม่’ ส่วนในสเปนะกินองุ่น 12 ลูกเพื่อเรียกความโชคดี โดยเริ่มกินลูกแรกเมื่อนาฬิกาตีครั้งที่หนึ่งล่เรียงไปจนครบ 12 ลูก หรือในประเทศจีนจะรับประทานปลาทั้งตัวเพราะคำว่า “ปลา” ในภาษาจีนออกเสียงคล้ายคำที่มีความหมายว่า “อุดมสมบูรณ์” โดยจะนำมานึ่ง ผัด แกง ทอด อะไรก็ได้ แต่ต้องทั้งตัวเท่านั้นและห้ามหั่น เป็นต้น
 
9.คนอเมริกันจ่ายเงินค่า “ของขวัญ” ปีใหม่มากที่สุด
 

คนอเมริกันจะหมดเงินไปกับ “ของขวัญ” มากกว่าค่าใช้จ่ายในการตกแต่งต้นคริสต์มาส โดยใช้งบสำหรับของขวัญอยู่ที่ 57 - 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ นับว่าเป็นมูลค่าของขวัญที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นโดยสินค้ายอดนิยมที่มักจะเลือกซื้อให้กันในวันคริสต์มาส ได้แก่ ช็อกโกแลต, เงินสด, หนังสือ และ ไอโฟน เป็นต้น
 
10.ที่มาของ “ต้นคริสมาสต์”
 

ในต่างประเทศ การประดับประดาต้นคริสต์มาส เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม หรือก่อนหน้านั้น เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุข ร้านค้าต่างๆ ตกแต่งหน้าร้านด้วยต้นคริสต์มาส เพื่อต้อนรับลูกค้า พร้อมกับป้ายที่แขวนรับเทศกาลปีใหม่ไปพร้อมๆ กัน นับแต่อดีต ชาวคริสต์นิยมใช้ต้นสนเป็นต้นคริสต์มาส เพราะมีความหมายเกี่ยวข้องกับต้นไม้บนสวรรค์ที่เอวากับอาดัมไปเด็ดผลไม้มากิน จนเป็นต้นกำเนิดของมนุษย์ อย่างไรก็ดี ต้นสนเป็นต้นไม้ที่พบมากในประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่ปัจจุบันเพื่อความสะดวกก็ใช้เป็นต้นไม้พลาสติกเพื่อเก็บไว้ใช้ในปีถัดไปได้
 
เทศกาลปีใหม่นอกจากเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในมุมของคนทำธุรกิจก็คือช่วงเวลาที่จะดึงลูกค้าเพื่อสร้างรายได้มากขึ้น โดยช่วงนี้หลายโปรโมชันถูกหยิบขึ้นมาเป็นกลยุทธ์ด้านการตลาด ยิ่งปีนี้หลายพื้นที่สามารถจัดงานและมีการเดินทางได้แบบไม่มีข้อจำกัด ก็ทำให้คาดว่าปี 2566 จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
499
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด