บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.2K
2 นาที
4 มกราคม 2566
รวมวิธีเอาตัวรอดในปี 2566! เมื่อคนไทย “รายจ่าย” มากกว่า “รายรับ”
 

เข้าสู่ปี 2566 อย่างเป็นทางการช่วงเวลาแห่งความสุขในการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ผ่านพ้นไปต่อจากนี้คือช่วงเวลาสำคัญที่เราต้องกลับมาปากกัดตีนถีบสู้ๆ กันอีกครั้ง คาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้วิกฤติค่าครองชีพจะรุนแรงมากสวนทางกับรายได้ที่น้อยลงแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่าคนส่วนใหญ่กังวลในเรื่องนี้อย่างมาก และหลายคนก็อยากรู้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจนแบบนี้จะมีวิธีเอาตัวรอดยังไงได้บ้าง
 
ภาพรวมรายจ่ายคนไทยในปี 2566
 

ค่าใช้จ่ายของครัวเรือนไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 เฉลี่ยที่ 18,145 บาท โดยมีรายจ่ายสำคัญได้แก่ ค่าที่พักอาศัย , ค่าอาหาร , ค่าโทรศัพท์ , ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ , ค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ต่างๆ เป็นต้น สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ครัวเรือนไทยเกือบครึ่งมีรายได้น้อยกว่าค่าครองชีพเฉลี่ย เพราะกว่า 40% มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 16,852 บาท น้อยกว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนพฤศจิกายนที่ 18,146 บาท

และถ้ามองในเรื่องฐานรายได้พบว่ากลุ่มที่เรียกว่ารายได้น้อยสุดคือมีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 11,135 บาท สำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 22,106 บาท ซึ่งถ้าเทียบเคียงกับรายจ่ายเฉลี่ยทำให้มองเห็นภาพว่าแทบไม่มีเหลือเก็บ แค่ใช้ประทังชีวิตไปแต่ละเดือนก็ยังแทบไม่พอ
 
เมื่อรายได้ไม่พอก็ย่อมก่อให้เกิดตัวเลขหนี้ ซึ่งปัจจุบันหนี้ครัวเรือนเกิดจากหนี้ 3 ประเภทคือ หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ค่าใช้จ่าย อยู่ในระดับที่น่ากังวล ยอดหนี้รวมไปแตะ 14-15 ล้านล้านบาท และยิ่งมีตัวเลขก่อหนี้มากเท่าไหร่ก็ทำให้ตัวเลขของเงินที่ใช้ได้มีลดน้อยลง นั่นคือกำลังการซื้อก็จะลดลง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตก็ทำได้ยาก 
 
ยังไม่นับรวมบรรดาราคาสินค้าและบริการซึ่งจ่อขึ้นราคาในปี 2566 อีกหลายอย่างเช่นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป รวมไปถึงการที่รถไฟฟ้า รถแท็กซ่ ก็ขอปรับขึ้นราคาด้วยเช่นกัน และที่หนักสุดสำหรับภาคครัวเรือนคือค่าไฟ ค่าก๊าชหุงต้ม ในปีใหม่ ก็มีราคาใหม่ที่แพงกว่าเดิมด้วย 
 
และเมื่อมองดูภาพรวมทั้งหมดจะเห็นว่าปีนี้ต้องวางแผนการใช้งานและการจับจ่ายให้ดีเพราะถือว่าเป็นปีที่โหดหินสำหรับประชาชนคนธรรมดาอย่างมาก
 
รวมวิธีเอาตัวรอดปี 2566 เมื่อ “รายจ่าย” มากกว่า “รายรับ”
1.ต้องประหยัดให้มากที่สุด
 

เป็นวิธีเบื้องต้นที่เราต้องนำมาใช้ เพราะเมื่อพูดว่ารายจ่ายมากกว่ารายรับ ก็หมายถึงถ้าเราสามารถจัดการกับตัวเลขรายจ่ายให้เหลือน้อยที่สุดได้ก็เท่ากับมีโอกาสที่จะเพิ่มเงินเก็บหรือเงินใช้หมุนเวียนได้มากขึ้น ซึ่งคำว่าประหยัดของแต่ละครัวเรือนอาจไม่เหมือนกัน จึงต้องพิจารณากันอย่างละเอียดว่าในครัวเรือนอะไรมีรายจ่ายอะไรที่จะช่วยกันประหยัดได้บ้าง
 
2.สร้างรายได้เพิ่มให้มากขึ้น
 

การทำงานที่มีรายได้หลักเพียงทางเดียวในยุคนี้ย่อมไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่มากขึ้น การจะทำให้อยู่รอดในปี 2566 ได้จึงควรเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนที่ไม่ต้องพึ่งแค่รายได้หลัก โดยเฉพาะคนที่ทำงานประจำเมื่อมีรายได้เพียงแค่เงินเดือนอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอในการใช้จ่าย ซึ่งการหารายได้เพิ่มอาจไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนักแต่ถ้าลองคิดและหาวิธีการดีๆ ในยุคนี้ก็มีหลายวิธีช่วยเพิ่มรายได้เช่นการขายของตลาดนัด , การซื้อแฟรนไชส์ , การขายของออนไลน์ , การใช้ความสามารถพิเศษในการสร้างรายได้ เป็นต้น 
 
3.อย่าสร้างหนี้เพิ่ม
 

การไม่มีหนี้เพิ่มก็เท่ากับว่ารายจ่ายเราไม่เพิ่มแม้รายได้จะไม่เพิ่มแต่ก็พอจะทำให้สถานะการเงินเราคล่องตัวขึ้นได้ แม้คาดว่าเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อเช่นนี้จะยิ่งดันให้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอีกมาก ในระยะยาวจะมีปัญหาการชำระคืนอย่างชัดเจน ดังนั้น ทางที่ดีควรวางแผนการใช้เงินให้ดีและหากเป็นไปได้ชะลอการก่อหนี้เพิ่มต่างๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
 
4.วางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
 

การทำบัญชีอาจไม่ช่วยให้เรามีเงินเพิ่มขึ้น แต่การทำบัญชีหรือวางแผนการเงินก็จะทำให้เราเห็นเส้นทางการเงินในแต่ละเดือนนำไปสู่การหาวิธีอุดรูรั่วที่ไม่จำเป็น และอาจทำให้เรามีเงินเหลือเก็บได้มากขึ้น แต่หลายคนก็อาจมองว่าแค่ให้มีเงินใช้ตลอดเดือนยังทำไม่ได้แล้วจะเสียเวลามาทำบัญชีเพื่ออะไร ทั้งนี้เรื่องวางแผนการเงินคือการฝึกวินัยในการใช้จ่ายที่ต้องทำควบคู่กับการประหยัดและการหาเงินเพิ่ม
 
5.ใช้เงินต่อยอดสร้างรายได้
 

มีคนกล่าวว่า “เก็บเงินอย่างเดียวไม่รวย” ถ้าอยากรวย “ต้องลงทุน” แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยง ยิ่งไม่มีเงินให้เสี่ยง การลงทุนใดๆ ยิ่งต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี การใช้เงินต่อยอดสร้างรายได้อาจเป็นวิธีที่ดี แต่ก็ต้องมีการเลือกหาข้อมูลการลงทุนที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน , พันธบัตร , การออมทอง หรือใดๆ ก็ตาม วิธีการนำเงินมาต่อยอดเหล่านี้อาจให้ผลดีในระยะยาวแต่ก็ต้องควบคู่กับการวางแผนการเงินที่ดีร่วมด้วย
 
อย่างไรก็ตามภาพรวมในปี 2566 เชื่อว่าเราจะต้องเผชิญกับหลายอย่างที่ไม่คาดคิด ดังนั้นทุกการใช้จ่ายจึงต้องวางแผนให้ดี ใครที่อยากลงทุนก็ต้องประเมินความเสี่ยงและวางแผนในการบริหารจัดการให้ดี การติดตามข้อมูลข่าวสารในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจถือว่ามีสำคัญมาก รวมถึงการใช้กลยุทธ์การตลาดที่ดีก็ล้วนแต่มีส่วนให้การลงทุนมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3WivbaB , https://bit.ly/3IhGQT2 , https://bit.ly/3jKlbZE 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
499
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด