บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การบริหารจัดการองค์กร    สร้างความสมดุลของชีวิตกับการทำงาน
1.0K
2 นาที
8 พฤษภาคม 2567
ถกไม่เถียง! ยุคนี้งานประจำทำ "เอกชน" เสี่ยงสูงกว่า "งานราชการ"
 

สำรวจจำนวนคนไทยมีประมาณ 67 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในวัยแรงงานหรือพร้อมทำงาน 38.63 ล้านคนในจำนวนนี้อยู่ในส่วนของภาครัฐประมาณ 2.91 ล้านคน ซึ่งสัดส่วนข้าราชการไทยไม่ได้มีมากเกินไปโดยอยู่ที่ประมาณ 7.7% หากเทียบกับหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร 16% สหรัฐฯ 14.9% เกาหลีใต้ 8.1% และญี่ปุ่น 5.9% เป็นต้น
 
ถ้าวิเคราะห์สถานการณ์ในยุคนี้ยิ่งตอกย้ำให้คนอยากทำงาน “ราชการ” มากกว่า “เอกชน” คุณคิดว่าจริงไหม?
 
 
เหตุผลที่คนมองว่าทำงานข้าราชการ ดีกว่า คือ
  • สิทธิการใช้วันลา ที่มีให้อย่างต่อเนื่องรวมๆแล้วแต่ละปีอาจมากกว่า 30 วันต่อปี ซึ่งมากกว่าทำงานเอกชนแน่
  • สิทธิในการรับเงินบำเหน็จ / บำนาญ การันตีได้ว่าชีวิตหลังเกษียณจะมีเงินใช้แน่ถ้าในระหว่างทำงานได้เก็บเงินก้อนนี้ไว้
  • สิทธิรักษาพยาบาล สามารถใช้สิทธิรเบิกจ่ายได้เต็มจำนวนทั้งกรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลของรัฐ
  • ความมั่นคงในหน้าที่การงาน เนื่องจากเป็นระบบงานของรัฐที่หากไม่กระทำผิดร้ายแรงยังไงก็ไม่ถูกไล่ออก
  • มีเกียรติและอำนาจ ยิ่งเป็นข้าราชการในตำแหน่งสูงยิ่งมีคนเคารพนับถือ เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม
นอกจากนี้การทำงานราชการยังได้สิทธิประโยชน์ในอีกหลายด้านเช่น เงินช่วยเหลือค่าเช่าที่พักอาศัย สิทธิเข้าพักที่บ้านพักราชการ ค่าตอบแทนนอกเวลาราชการ รถประจำตำแหน่ง เป็นต้น

 
แม้จะมีบ้างที่ย้อนแย้งว่า “ทำงานราชการ” สวยแต่รูปจูบไม่หอม ภาพลักษณ์ดีจริง มั่นคงดีจริง แต่เงินเดือนน้อยกว่าทำงานเอกชน อันนี้ก็คงเป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ แต่รายได้ของงานราชการก็มีการปรับอัตราเงินเดือนต่อเนื่องเช่นกัน อย่างล่าสุด 1 พฤษภาคม 2567 อัตราเงินเดือนใหม่ในตำแหน่งวิชาการระดับปฏิบัติการ ได้เงินเดือน 23,780 - 26,160 บาท หรือต่ำสุดในเรตเงินเดือนข้าราชการคือ 16,500 - 18,150 บาท 
 
ถ้าเทียบกับการทำงานในภาค “เอกชน” เงินเดือนเริ่มต้นของผู้จบใหม่ประมาณ 15,000 – 18,000 บาท แต่ถ้าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคลากรที่ทางบริษัทต้องการ ทำงานในตำแหน่งที่ขาดแคลน เงินเดือนอาจขยับสูงขึ้นกว่าเดือนละ 30,000 – 50,000 บาท ก็ขึ้นอยู่กับสายงานและโครงสร้างของบริษัทเป็นสำคัญด้วย
 
 
อย่างไรก็ดีถ้าดูในแง่ของสวัสดิการ “งานเอกชน” ต้องยอมรับว่ามีความหลากหลาย หากเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ อาจจะดีกว่าทำงานข้าราชการเพราะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า และมีสวัสดิการด้านอื่นๆ ที่มากกว่า เช่นโบนัส ท่องเที่ยวประจำปี การปรับขึ้นเงินเดือน เป็นต้น แต่เมื่อหน้าที่การงานเติบโตความรับผิดชอบในสายงานก็มากขึ้น อันนี้ก็จะแตกต่างจากงานราชการที่ยิ่งเป็นคนเก่าอยู่มานาน บางทีแทบไม่ต้องทำอะไรมาก สั่งให้ลูกน้องทำแทน ตัวเองแค่คอยดูแลกำกับการทำงานอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
 
และอย่างที่กล่าวไว้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยุคนี้ เอื้อให้คนมองว่า ทำงานราชการดีกว่า เอกชนเพราะความเสี่ยงในการเลิกกิจการมีสูง ยกตัวอย่างล่าสุดคือ CARS 24 ที่ปิดฉากธุรกิจในไทยหลังจากดำเนินกิจการมานานกว่า 9 ปี ส่งผลให้มีคนตกงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ CARS 24 แต่มีอีกหลายธุรกิจที่ต้องปิดกิจการเช่น Voice TV , ร้านค้าปลีก99 Cents Only , ร้าน The Body Shop เป็นต้น
 

ภาพจาก https://elements.envato.com
 
คำกล่าวว่า “ยุคนี้ใครทำงานประจำอยู่ให้กอดไว้ให้แน่น” เพราะความเสี่ยงในการออกมาทำธุรกิจตัวเองแล้วจะอยู่รอดได้นั้นยาก ยิ่งถ้าเป็นคนที่ทำงานข้าราชการ มีหลายปัจจัยที่ได้เปรียบ แต่เราก็มักเห็นว่าคนที่ทำงานข้าราชการเอง เงินเดือนมักไม่พอใช้ ซึ่งในมุมของคนทำงานเอกชนก็เช่นกันที่แต่ละเดือนก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง 
 
ดังนั้นคำว่า “ความเสี่ยง” อาจไม่ได้หมายถึงว่าคุณทำงานอะไร แต่เป็นความเสี่ยงที่มาจากการบริหารการเงินของตัวเองได้ไม่ดีพอ สมัยนี้รายได้ทางเดียวอาจไม่พออีกต่อไป ไม่ว่าจะทำราชการหรืองานเอกชนก็ควรมีอาชีพที่สองในการเพิ่มเติมรายได้ซึ่งจะช่วยลด “ความเสี่ยง” ได้มากขึ้น
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
645
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
597
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
538
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
489
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
482
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
457
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด