บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
419
2 นาที
3 ธันวาคม 2567
วิธีไล่ขยี้คู่แข่ง เมื่อแบรนด์ตกเป็นรอง
 

เป็นเบอร์ 2 ก็ใช่ว่าจะแย่เสมอไป มองอีกด้านการวิ่งไล่ตามก็สนุกไปอีกแบบ ถ้าข้างหน้าเกิดเหนื่อย เกิดล้ม เกิดพลาด ไอ้ที่ตามมาติดๆ นี่ก็พร้อมแซงได้ทันที
 
ในด้านธุรกิจก็เหมือนกันบรรดามวยรอง หรือพวกเบอร์ 2 ต่างก็ทำหน้าที่ตัวเอง เดินเกมการตลาดในแบบวิถีของตัวเอง เอาจุดแข็งตัวเองมาเป็นจุดขาย ใช้ประโยชน์จากจุดเด่นที่มี ใครจะชอบไม่ชอบ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ยังไงๆก็ต้องรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ตัวเองไว้ก่อน
 
หลายแบรนด์ที่รู้ว่าตัวเองตกเป็นรอง “หยักไหล่แล้วไปต่อ” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเกมธุรกิจที่ใครอยากสร้างธุรกิจของตัวเองต้องศึกษาไว้ 
 
ยกตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือ Pepsi กับ Coca-Cola ที่แรกเริ่มเดิมที ยอดขายห่างกันไม่เห็นฝุ่น แต่ Pepsi ก็ค่อยๆ ยกระดับตัวเองให้แข่งขันกับ Coca-Cola ได้สูสีขึ้น แม้ตอนนี้ก็ยังเป็นเบอร์ 2 แต่ช่องว่างก็ลดลงอย่างชัดเจน ถามว่าอะไรคือกลยุทธ์ที่ Pepsi เลือกใช้ คำตอบคือ “สู้ในศึกที่ตัวเองจะชนะ”

 
ถ้าย้อนไปดู Coca-Cola แม้จะครองใจคนทุกเพศทุกวัย ถ้า Pepsi จะแข่งเพื่อแย่งตลาดทั้งหมดมาครองบอกเลยว่ามีแต่แพ้กับแพ้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือเจาะตลาดที่ตัวเองมีโอกาสชนะ Pepsi จึงเลือกเสียสละตลาดทั้งหมดยกเว้น “กลุ่มวัยรุ่น” ที่ Pepsi มั่นใจว่าแย่งตลาดมาจาก Coca-Cola ได้แน่ และทุกกลยุทธ์ของ Pepsi จะมีธีมที่เกี่ยวกับวัยรุ่นเป็นหลัก ในด้านการตลาดก็มีเยอะแยะที่เราเห็นๆกัน ยกตัวอย่างเช่น การใช้ดนตรีแนว EDM ซึ่งเป็นแนวดนตรีของคนรุ่นใหม่เข้ามาใช้ในการทำมิวสิก มาร์เก็ตติ้ง ซึ่ง Pepsi หรือการ เดินหน้าเป็นผู้สนับสนุนหลักในเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง 
 
สิ่งเหล่านี้ทำให้ Pepsi กลายเป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ครองใจวัยรุ่น แม้จะยังเป็นเบอร์ 2 ในตลาดนี้ก็ตาม
 
ถ้ายังไม่ชัดลองดูกรณีของแอปเปิลสมัยที่เริ่มก่อตั้ง เริ่มต้นจากมีทุนทรัพย์น้อย แถมยังมีคู่แข่งเจ้าใหญ่อย่าง IBM แบรนด์อย่างแอปเปิลตอนนั้นก็คือเบอร์ 2 วิธีการที่ใช้คือสู้แบบมวยรองสร้างเสน่ห์สินค้าตัวเองให้แตกต่างจากคอมพิวเตอร์ที่ดูเหมือนเครื่องจักรของ IBM ด้วยการปล่อยโฆษณาในศึกซูเปอร์โบวล์ (Superbowl) ปี 1984 เป็นภาพเล่าเรื่องคนที่ทุ่มหินเข้าใส่ยักษ์ตัวใหญ่ เพื่อสื่อให้เห็นว่าแม้ตัวเองยังเป็นรองแต่ก็มีจุดเด่น มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่าง ที่สำคัญหลังจากโฆษณาตัวนี้ผู้คนก็เริ่มหันมาสนใจแอปเปิลกันมากขึ้นด้วย
 
หรือในกรณีของ Starbucks กับการปล่อยกาแฟรุ่น Pike Place Blend ซึ่งตั้งตามชื่อสาขาแรก เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงจุดเริ่มต้นของร้านกาแฟที่ถ่อมตัวและอ่อนโยนในซีแอตเติล ในช่วงที่ Starbucks กลับมากอบกู้ธุรกิจอีกครั้งหลังจากยอดขายตกลงเรื่อยๆ
 

หรือแม้แต่ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” เองก็ทำหน้าที่เบอร์ 2 ได้อย่างน่าสนใจ หากดูมูลค่าจะพบว่ามาม่าคือผู้นำที่ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% ในขณะที่ไวไวตามมาเป็นอันดับ 2 สัดส่วนตลาดประมาณ 16% แต่ไวไวก็ไม่แคร์ยังคงพยายามสร้างความแปลกใหม่ให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องเช่นการออกไวไว รสต้มยำหมูสับ ซึ่งถือเป็นรายแรกๆ ที่จับเอา 2 รสชาติยอดนิยมคือต้มยำกับหมูสับ มาผสมผสาน หรือเปิดตัว “ควิก” เข้าตลาดด้วยจุดขายในเรื่องของรสจัดจ้าน และใช้เวลาชงแค่ 3 นาทีรวมถึง การนำตัวไวไว ปรุงสำเร็จ มาทำเป็นแพ็กเกตจิ้งแบบคัพ และแบบชาม เป็นต้น
 
เราจะเห็นว่าแม้ว่าแบรนด์จะเป็นเบอร์ 2 แต่ก็มีหลายวิธีในการไล่ขยี้คนที่เป็นผู้นำ ซึ่งบางทีการตามหลังอาจทำให้เรามีมุมมองที่แตกต่างจากการเป็นผู้นำ สำคัญสุดคือต้องมีจุดยืน มีเอกลักษณ์ มีแนวทางในตัวเองที่ชัดเจน และอย่าไปกลัวกับการเป็นที่ 2 ซึ่งบางครั้งการเป็นเบอร์รองก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด